
เล็กพริกขี้หนูสาวนักบู๊'จี้จ้า ญาณิน'
จากเด็กกะโปโลขี้โรคคนหนึ่ง อะไรคือสิ่งที่พลิกผันทำให้นางเอกสาวหน้าตาบ้องแบ๊ว "จีจ้า" ญาณิน วิสมิตะนันทน์ กลายมาเป็นนางเอกหนังบู๊อันดับ 1 ของเมืองไทย ล่าสุดเธอกำลังมีผลงานภาพยนตร์ "จั๊กกะแหล๋น" ภาพยนตร์ที่พลิกบทบาทจากสาวบู๊เต็มเหนี่ยวมาปล่อยมุกฮาเป็นครั้ง
ผลงานล่าสุดในวงการบันเทิง
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด "จั๊กกะแหล๋น"
พี่หม่ำ จ๊กมก (ผู้กำกับ) ได้ให้ความหมายของคำว่า "จั๊กกะแหล๋น" ไว้ว่า เป็นผู้หญิงตัวเล็กที่แก่น เซี้ยว ซ่า บ๊องๆ รั่วๆ ซึ่งในเรื่องใช้ชื่อตัวละครว่า "จั๊กกะแหล๋น" โดยมีเรื่องราวเป็นคอมเมดี้-แอ็กชั่น อีกทั้งยังเป็นผลงานหนังคอมเมดี้เรื่องแรกของจ้าด้วย ซึ่งเรื่องราวย่อๆ ก็คือ ตัวจั๊กกะแหล๋น จะมีแก๊งจักรยานฟิกเกียร์ มีอาชีพเป็นเด็กส่งของ แต่ก็เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับของผิดกฎหมาย หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ตามมา ซึ่งเรื่องนี้จะมีความแปลกใหม่ในการบู๊ เพราะเป็นการบู๊คู่กับจักรยาน ฟิกเกียร์
บรรยากาศการถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง
ตัวจักรยาน ฟิกเกียร์ ค่อนข้างหนัก แล้วพอเอาไปเข้าฉากกับคิวบู๊ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะเราต้องบังคับให้ได้ ต้องเล่นท่าทางต่างๆ ซึ่งมีการเจ็บตัวบ้างเหมือนกัน แต่โชคดีมีการเจ็บตัวเล็กๆ น้อย ฟกช้ำทั่วไป เพราะทางพี่หม่ำเองอยากให้บู๊แบบสบายๆ แต่จะมีที่หนักใจ คือต้องมาเจอพี่ตลกรุ่นใหญ่ แล้วตัวจ้าเป็นคนเส้นตื้นมาก ก็จะหลุดขำบ่อยมากเช่นกัน (ยิ้ม) ทั้งตัวพี่หม่ำ (หม่ำ จ๊กมก)ที่เป็นตลกหน้านิ่ง หรือน้าค่อม ชวนชื่น ก็จัดเต็มในเรื่องของการแต่งกาย แม้แต่พี่ตั๊ก บริบูรณ์ ที่ในกองจะแซวกันตลอด มาเกินตลอด (หัวเราะ)
จุดเริ่มต้นของ "จีจ้า"
เริ่มต้นจากผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก "ช็อกโกแลต"
เริ่มจากช่วงที่เล่นเทควันโด ตอนนั้นอายุประมาณ 18-19 ก็มีอาจารย์เป็นเพื่อนกับพี่พันนา ฤทธิไกร ถามว่าสนใจจะเล่นหนังไหม แล้วช่วงนั้นกระแส "องค์บาก" ดังมากๆ และก็ยังไม่มีโปรเจกท์หนัง "ช็อกโกแลต" แต่มีโปรเจกท์หนัง "เกิดมาลุย" ซึ่งรวมนักกีฬาทีมชาติต่างๆ แล้วมีบทนักเทควันโดที่ยังว่างอยู่ เขาให้เราลองไปแคสติ้ง แต่ไม่ได้ ซึ่งหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ พี่พันนาก็เรียกไปอีกที กลับไปทำเดโม่ ซึ่งต้องเล่นแอ็กชั่นโดยที่เขาจำลองสถานการณ์ให้จ้าเข้าไปช่วยพี่ชายที่ถูกคนร้ายจับตัว ซึ่งต้องมีฉากบู๊ และนั่นคือครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเตะ ต่อยกับสตั๊นท์แมน
เห็นว่าเริ่มทำงานหาเงินเองตั้งแต่ยังเด็ก
เริ่มทำงานหาเงินเองตั้งแต่อายุ 13-14 ตอนนั้นเป็นครูสอนเทควันโด และพอมาช่วงอายุ 17 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงลำบากที่สุดในชีวิต เพราะคุณพ่อเสีย ตอนนั้นคือคิดว่าต้องทำงานหาเงินโดยสุจริตเพื่อเลี้ยงตัวเอง และครอบครัว ซึ่งจุดนี้ก็ทำให้เราโตขึ้น ต้องมีความรับผิดชอบ ต้องจัดระบบตัวเองทั้งหมดทุกอย่าง
เคยรู้สึกชีวิตวัยรุ่นขาดหายไปไหม
ไม่เคยรู้สึกเลย กลับต้องขอบคุณความลำบากตรงนั้นด้วยซ้ำทำให้เรามีความอดทน ฝ่าฟันมาถึงตอนนี้ ขอบคุณคุณแม่ที่ให้เราทำงานตั้งแต่เด็ก
ตอนเด็กๆ จีจ้าเป็นเด็กแบบไหน
ตอนเด็กๆ คนละเรื่องกับปัจจุบันนี้เลย ไม่รั่ว ไม่โก๊ะ (ยิ้ม) มาหาตัวตนเจอประมาณช่วงอายุ 11-12 ขวบ ตอนเด็กๆเริ่มแรกเรียนเต้นบัลเล่ต์ เรียนรำไทย เรียนตีขิม ซึ่งจ้าจะเป็นเด็กที่ชอบใส่กระโปรงมาก แล้วถ้ามีอะไรเปรอะนิดเดียวพี่เลี้ยงก็จะรู้ทันทีว่าต้องเปลี่ยนชุด แต่อย่างที่บอกพอโตมาสักประมาณ 11 ขวบ มารู้ตัวว่าไม่ใช่ตัวเรา เราเริ่มเบื่อ เลยบอกคุณแม่
สุดท้ายมาลงตัวที่ชอบกีฬาเทควันโด
ช่วงนั้นเปลี่ยนไปเรื่อย จนมาเจอช่วงที่เทควันโดบูมพอดี เลยรวมตัวกับลูกพี่ลูกน้องมาเรียนกัน ซึ่งแม่ก็เห็นด้วย เพราะจ้าเป็นคนขี้โรคตั้งแต่เด็ก เป็นภูมิแพ้ เป็นหอบก็เลยบอกให้ไปเล่นกีฬา จนมาเล่นเทควันโด ซึ่งเรียกได้ว่าคุณแม่เป็นแรงผลักดันที่สำคัญ ตอนแรกกลัวเจ็บ กลัวล้ม แต่พอผ่านไปครึ่งชั่วโมงเริ่มสนุก จนวันต่อมาสะพายเป้มาเรียนเองเลย มันเหมือนกับเราเจอสิ่งที่ชอบแล้วจริงๆ
แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่แย่มากๆ
ในตอนนั้นเพื่อนทุกคนที่ไปเรียนเทควันโดด้วยกันสอบได้เกรดดีหมด ยกเว้นจ้าคนเดียว ที่สอบเกือบตก จนรู้สึกว่าถ้าคนอื่นทำได้ ตัวเราเองก็ต้องทำได้สิ ตรงนี้เลยทำให้เราฮึดมากขึ้น ซ้อมเยอะขึ้น ตรงไหนไม่ดีก็แก้ไข จนสอบได้เกรดโอเค
ให้จีจ้าพูดถึงคุณแม่ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญ
คุณแม่เป็นสาวเปรี้ยวซ่า ชอบแต่งตัว ชอบทำสีผม โดยเฉพาะสีผมนี่ทำบ่อยมาก และเป็นคนที่ชอบตัดผมสั้นมาก จะไถตลอด ซึ่งคุณแม่ยุทุกอย่าง ตัดผม เจาะหู แฟชั่นอะไรก็ได้ยกเว้นเรื่องเดียวที่ขอคือ อย่าสักแล้วกัน คือต้องบอกก่อนว่าคุณแม่หย่ากับคุณพ่อตั้งแต่จ้ายังเด็ก แต่คุณพ่อก็ยังมาหาเรา ซึ่งความรู้สึกของจ้าคือแม่เป็นคนที่เก่งมาก เลี้ยงทั้ง 2 คนโดยลำพัง เป็นแม่บ้าน ซึ่งจ้าเห็นคุณแม่ลำบาก ทุกข์ใจ มีความเครียดมากพอ จนวันหนึ่งเราคิดว่าเราสามารถเลี้ยงคุณแม่ได้ คุณแม่คนเดียวไม่เป็นไร ไม่ให้แม่ทำงานอะไรแล้ว ปรากฏแม่หงุดหงิด ไม่มีอะไรทำ เลยไปติดเฟซบุ๊กแทน (หัวเราะ) ถึงตอนนี้เขาก็ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ แต่นั่นคือความสุขของเขา
ภูมิใจไหมที่ตอนนี้จีจ้าสามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว
รู้สึกภูมิใจตั้งแต่เด็กๆ คือเวลาที่เราจะซื้อของเล่นสักชิ้นไม่เคยขอเงินพ่อแม่ อยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงิน เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก จนเมื่อวันหนึ่งที่เราโตขึ้นมา เราหาเงินได้เอง เราสบายใจเพราะอะไรที่อยากได้เราก็รู้ค่าของมัน ว่ากว่าจะได้มามันยากแค่ไหน จนตอนใช้ของสิ่งนั้น ก็ต้องรักษาให้มันอยู่กับเราไปนานๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ปลูกฝังกับเราตั้งแต่เด็กๆ จ้านำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อ คุณแม่แยกทางกันตั้งแต่จีจ้ายังเด็ก เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหาไหม
ไม่เคยรู้สึกเลย เพราะเราไม่เอาตรงนั้นมาเป็นปมในชีวิต เราคิดว่ายังมีเรื่องอื่นที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตอีกเยอะแยะ และการจะคิดว่าเป็นเด็กมีปัญหาหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะคิดยังไง อย่างตัวจ้าคิดว่า คุณพ่อ คุณแม่หย่ากันจริง แต่คุณพ่อยังคงมาดูแลเราอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ขาดอะไรเลย
คุณพ่อของจีจ้าเป็นคนอย่างไร
คุณพ่อหวงลูกสาวมาก ถึงขนาดตอนนั้นเปิดออฟฟิศอยู่ในบ้านเลย คุณพ่อเป็นคนที่เนี้ยบๆ ดุๆ แต่จะไม่ใช้คำพูด จะมองด้วยสายตา ซึ่งแตกต่างจากคุณแม่มาก(หัวเราะ)
หัวใจของสาวนักบู๊
ตอนนี้จีจ้ามีคนดูแลหัวใจหรือยัง
เรื่องนี้ข้ามไปเลย (หัวเราะ) ถามแล้วทรมานใจ เห็นแบบนี้ไม่มีใครเข้ามาจีบเลย และเราก็ไม่ได้ออกไปเจอใครเลย เพราะเราทำงานตลอด งานเยอะมาก แล้วจ้าคิดว่าถ้ามีแล้วบั่นทอนก็ขอไม่มีดีกว่า แต่ถ้าหากว่ามีแล้วช่วยเป็นกำลังใจก็ดี แต่ถ้าถามตอนนี้คือไม่มีเลยจริงๆ รู้สึกว่าขอทุ่มให้กับงาน แฮปปี้แล้ว เพราะงานที่เราทำอยู่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ดังนั้นคนที่เข้ามาต้องเข้าใจงานที่เราทำอยู่ และรับได้ที่เราเป็นตัวเรา
คุณแม่หวงลูกสาวไหม
ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว คุณแม่จะพูดว่า อย่าเพิ่งมีนะลูก แต่พอเวลาผ่านไปเขาพูดว่า อย่าเลือกมากนะลูก อยู่คนเดียวแม่ว่ามันเหงา (หัวเราะ) เราก็บอกแม่ว่าของแบบนี้ถ้าจะมาก็มาเอง จะใช่ก็ใช่ของมันเองไม่มีบิดพลิ้ว
ปีนี้เป็นปีทองของเรื่องงาน
เรียกได้ว่าเป็นปีทองของเรื่องงานก็ว่าได้ เพราะโปรเจกท์งานตอนนี้เยอะมาก อย่างล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง "จั๊กกะแหล๋น" ต่อไปมี "เดอะ คิก" เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนกับต่างประเทศด้วย ถัดไปก็ "ต้มยำกุ้ง ภาค2" ซึ่งเป็นโปรเจกท์ใหญ่มาก และอาจจะมีเรื่อง "ช็อกโกแลต ภาค2" อีก ซึ่งเป็นงานที่ติดๆ กันเลย ซึ่งจ้าเป็นคนที่ทุ่มให้กับงานมาก
มีคนติดต่อหรือทาบทามให้เล่นละครบ้างไหม
มีบ้าง แต่ด้วยความที่เราเดินมาทางสายหนัง และทางผู้ใหญ่ก็เล็งเห็นว่าอยากให้เราทำงานด้านนี้ให้เต็มที่ก่อน แล้วทางตัวเราโปรเจ็คต์เยอะมาก อย่างที่บอกหนัง 1 เรื่อง ใช้เวลานานมาก ก็เลยไม่มีเวลาให้งานอื่นๆ
จีจ้าว่ามีส่วนไหมที่เราเป็นคนดัง มีชื่อเสียงจึงทำให้การคบหากับใครเป็นเรื่องยาก
จ้าว่ามีส่วนนะ อย่างจ้ามีภาพลักษณ์ที่ออกไปคือสาวบู๊ ทุกคนจะมองว่าเป็นสาวห้าว ชอบเตะต่อย แต่บอกได้เลยว่าจ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แค่บังเอิญว่าความชอบของจ้าคือศิลปะการต่อสู้ เหมือนกับคนอื่นที่เขาชอบสะสมอะไรต่างๆ นานา
สุดท้ายให้จีจ้าฝากผลงาน
ตอนนี้จ้าขอฝากผลงานเรื่อง "จั๊กกะแหล๋น" เป็นหนังคอมเมดี้-แอ็กชั่น ซึ่งเป็นผลงานเรื่องที่ 3 ของจ้า ไปดูกันได้ให้หายเครียด
เอ้า...จีจ้าประกาศว่าโสดสนิทแบบนี้ หนุ่มๆ รีบกรอกใบสมัครได้นะจ๊ะ
ญาณิน วิสมิตะนันทน์
ชื่อเล่น จีจ้า
เกิดวันที่ 31 มีนาคม 2527
การศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา ช็อกโกแลต ,จีจ้า ดื้อสวยดุ
ผลงานภาพยนตร์ล่าสุด จั๊กกะแหล๋น
เรื่อง... "ดวงใจ สอาดจิตต์"