บันเทิง

5 ทศวรรษ 'มี้' พิศมัย ผู้สูงวัยอันล้ำค่าของวงการบันเทิง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กว่า 5 ทศวรรษที่นักแสดงเจ้าบทบาท "มี้" พิศมัย วิไลศักดิ์ ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง และยังสร้างมหากาพย์ผลงานอันทรงคุณภาพให้แฟนๆ ได้ชมอย่างต่อเนื่อง ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงเก่งคนนี้มีความฝันที่แสนจะมุ่งมั่น ที่จะเข้ามาทำงานในวงการตั้งแต่อายุน้อยๆ และ

ยังคงเป็นดาวค้างฟ้า
**ย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้น ชีวิตหลังเรียนจบวิทยาลัยนาฏศิลป์

 แรกๆ มี้คิดว่าพอจบนาฏศิลป์แล้ว จะต้องเป็นครูสอนรำ พอชีวิตหักเหมาสายนี้ ถือว่าเข้าเป้าเลยทีเดียว มี้ชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ เลย  ตั้งแต่ยังไม่สิบขวบ ชอบร้องเพลง ชอบรำวง พอมีอะไรตรงนี้ ก็รู้สึกใช่เลย
 
**เรื่องแรก-รางวัลแรกในชีวิต
 เรื่องแรกคือ ภาพยนตร์เรื่อง “การเกด” ปี พ.ศ. 2501 ได้รำฉุยฉายพราหมณ์เป็นเรื่องแรก หลังจากนั้นช่อง 7  กลับมาสร้างเป็นละครใหม่ โดยให้ “ติ๊ก” กัญญารัตน์ จิรัชชกิจ  เป็นนางเอก  แล้ว “พี่แดง” ศัลยา  สุขะนิวัตต์ เป็นคนเขียนบท   “อาหรั่ง”  ไพรัช สังวริบุตร เป็นผู้กำกับ ที่สำคัญให้มี้ได้กลับไปแสดงอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ถามไถ่เรื่องราวต่างๆ มันมีความมาเป็นอย่างไร  ส่วนรางวัลแรกที่ได้รับ คือรางวัลตุ๊กตาทอง จากเรื่อง  “ดวงตาสวรรค์”  กับบท “อีแพน”

**ทุกๆ บทบาทที่ยังคงประทับใจ
 จริงๆ มี้เล่นมาทุกบทบาท นางเอกเป็นมาแล้ว  ตัวร้ายเป็นมาแล้ว บทย่า บทยาย ทุกบทที่เล่นประทับใจหมด แต่มีบทเดียวที่ไม่เคยเล่นคือบทโป๊  ชุดว่ายน้ำไม่เคยแต่ง ถ้าถามว่าอยากไหม มันไม่ใช่เวลาที่เราอยากทำ แต่เป็นเวลาอะไรก็ได้ที่เราทำได้ อยู่ที่ความเหมาะสม รู้จักกาลเทศ ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำ
 
**สะสมประสบการณ์มาเยอะขนาดนี้ จะมีโอกาสเห็นมี้เป็นผู้จัดบ้างไหม
 ไม่ชอบทางนี้ ไม่ชอบทำอะไรที่เหนื่อย และทำอะไรที่เกิดตัว ทำไปเพื่อทรัพย์สินเงินทอง แค่นี้มี้ก็มีเหลือแล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่จำเป็นต้องรวย เท่านี้ก็เป็นอยู่เพียงพอแล้ว คือบุคลากรเราไม่มี ลูกเต้าเราไม่มี อย่างที่ผู้จัดทำละครก็เพราะว่ามีลูกหลานที่ได้ขยายกิจการกันต่อไป แต่มี้ไม่มี (ยิ้ม)
 
**เคยมีความคิดจะหยุดพักแล้วมองหาสิ่งอื่นทำบ้างไหม
 คำว่าหยุดพักมันดูเยอะไป บางครั้งมี้ตกงานอยู่หลายเดือนก็มีนะ  อย่างแรกต้องถามตัวเองก่อนว่าทำอะไรเป็นบ้าง  เราเต้นกินรำกินกับอาชีพนี้มาตลอดชีวิต ถามว่าจะเปิดร้านอาหาร มี้ทำอาหารไม่เป็น (ยิ้ม) อะไรก็แล้วแต่ หากเราจะยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ อย่าคิดอย่างนั้น มี้เชื่อว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้คือ การเป็นนักแสดง
 
**วางแผนไว้ไหมว่าบั่นปลายชีวิตจะเป็นอย่างไร 
 ถ้ายังเล่นไหว ยังคงจะเล่นต่อไป  มี้ต้องถามตัวเองอีกครั้งว่าเล่นไหวไหม ถ้าทำได้ทำไป ถ้าทำไม่ได้ก็พักไป ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งกำหนด  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ เคยรับสั่งไว้ว่า ศิลปินไม่มีคำว่าเกษียณอายุ  ดูสิทำมาเรื่อย  อยู่ที่ว่าสุขภาพเราไปไหว  แล้วบทที่เราได้เล่น เราทำไหวไหม
 
**แสดงว่ามีความสุขกับการไม่มีพันธะใดๆ
 สนุกมาก จะไปไหนมาไหนก็สบาย อย่างใครจะไปอินเดีย มี้ไปกับเขาด้วย มี้ว่าสบายจะตาย ไม่เครียด มีลูกเต้าแล้วเครียดวุ่นวายไปหมด อยู่อย่างนี้ก็สบายดี

**ทุกวันนี้ดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
 มี้เป็นคนที่ดูแลตัวเองตั้งแต่อายุ 30 แล้ว เพราะผู้หญิงเราพออายุ 30 เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง  มี้ทานโสม ดูแลบำรุงทุกอย่าง ตอนนี้อายุ 72  ปี สุขภาพแข็งแรง  อีกอย่างอยู่ที่จิตใจ ถ้าใจสู้ ทุกอย่างสบาย ที่สำคัญมี้ขับรถเอง บางที่เวลาไปกองหรือเลิกกอง  ผู้จัดทุกคนเป็นห่วงมาก มักจะบอกว่าให้ขับรถดีๆ  อย่างเวลาเจอพระเอก เขาเดินเข้ามากอดแล้วบอกว่าขับรถดีๆ แค่นี้อบอุ่นมากแล้ว  เวลาที่มี้ไม่สบาย เรารู้สึกอบอุ่นมาก มองไปเห็นผู้จัดเต็มไปหมด  เพราะเขาไปเยี่ยมเรา มันก็ทำให้เราหายเร็ว
 
กับรางวัลอันทรงเกียรติ
**รางวัลคุณภาพที่ไม่เคยหวังมาก่อน 
 ถือว่า รางวัลศิลปินแห่งชาติ เป็นรางวัลสูงสุดในชีวิตของการเป็นนักแสดงของทุกคน  โดยเฉพาะมี้อยู่ตรงนี้มา 53 ปี ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษของมี้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นการทำงานมาตลอดไม่ได้หวังสิ่งใด   ทำเพราะว่าตั้งใจทำอย่างมาโดยตลอด ทำเป็นจนกลายเป็นนิสัย ตั้งแต่จบนาฏศิลป์มา จนรู้สึกเข้าเส้นเสือดไปแล้ว อย่างที่เรียนให้ทราบว่าไม่เคยหวัง ไม่เคยฝันว่าจะได้รับรางวัลใดๆ เพราะทุกอย่างที่ทำๆ มาจากใจ
 
**กดดันไหม หลังจากได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ
 ไม่มีอะไรที่ต้องลำบากใจ เพราะอย่างที่บอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นนิสัย  ใครจะมาบอกว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ มี้ทำไม่เป็น
 
**ได้รับยกย่องในเรื่องการวางตัวดีมาตลอด  และการเป็นครู อาจารย์ ด้านการแสดง
 ต้องบอกว่าการทำงานในวงการนี้ หนึ่งไม่ว่าจะฝึกหรือไม่ฝึก ทุกอย่างกลายเป็นนิสัย  การทำงานต้องตรงต่อเวลา เพราะจะทำให้งานของคนอื่นๆ เสร็จไปตามกำหนด  ไม่ใช่ว่านึกจะมาเมื่อไหร่ก็มา มันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ  ต้องคิดว่ามีคนมาทำงานกับเราเยอะ จะให้คนอื่นมารอเราไม่ได้หรอก ส่วนการเป็นครูบาอาจารย์คงไม่ใช่  แต่ในมุมมองของมี้ ถือว่านักแสดงทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน เพราะเราทานข้าวหม้อเดียวกัน เราเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งในวงการ ซึ่งมี้เล่นทั้งบทย่า บทยาย ในเนื้อแท้เขาต้องเคารพเราอยู่แล้ว ตัวเราก็เหมือนกัน เมื่อเด็กเคารพเรา เราก็ต้องทำตัวให้น่าเคารพ ไม่ใช่ว่ามือถือสาก ปากถือศีล มันไม่ใช่เรื่อง  ไม่ถูกต้อง

มุมมองต่อวงการบันเทิง
**คติประจำตัวที่ปฏิบัติมาโดยตลอด

 มี้ให้ความสำคัญในเรื่องของเวลา ถือคติที่ว่า “ไปคอยเขาดีกว่าเขาคอยเรา”  ไม่ว่าใครจะนัดมี้ เราจะรักษาเวลา นอกจากเหตุสุดวิสัย อย่างเช่น รถติดแล้วมันไม่ขยับเอาเสียเลย (ยิ้ม)  เมื่อนัดแล้วจะตรงเวลา แล้วถ้าผิดนัดมี้จะหงุดหงิด
 
**มีเทคนิคอะไรในการเป็นนักแสดงที่ดี
 ก่อนอื่นต้องฟังผู้กำกับ เมื่อได้บทมาต้องเอาใจใส่ ดูที่มาของเรื่อง  เมื่อมีบทประพันธ์ นำบทประพันธ์มาอ่าน เมื่อมีบทต้องทบทวนบท ไม่ว่าพอมาถึงที่แล้ว เล่นมันตรงนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะเป็นการแสดงแบบผิวเผนเท่านั้น แล้วเราต้องฟังผู้กำกับ เพราะว่าเขาเป็นคนกำเรื่องทั้งหมดไว้ เขาชี้แนะอะไรควรฟังไว้ อย่าไปเถียง
 
**มุมมองต่อนักแสดงคลื่นลูกใหม่
 นักแสดงในยุคนี้ มี้ถือว่ามีความรับผิดชอบกันทุกคน  เพราะแต่ละคนมีค่ายมีคนคอยดูแล มีคนคอยอบรม  ดังนั้นในเรื่องของเวลาถือว่าทุกคนดีมาก เพราะถ้าหากเขาไม่รักษาเวลา หรือเขาพลาด ต่อไปเขาจะไม่มีงาน อย่างที่บอกว่าเราไม่สามารถให้ทุกคนมารอเราได้

**มุมมองต่อวงการบันเทิงในยุคปัจจุบัน
 มี้มองว่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี  อะไรๆ ก็ดูทันสมัยขึ้น นักแสดงสามารถเข้าถึงบทละครที่แสดงได้ลึกขึ้น ไม่แสแสร้ง และยังมีเทคโนโลยีมากมายที่ทำให้เขาได้เรียนรู้การแสดงมากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะแสดงมาอีกครั้งต่อกี่ครั้งก็เล่นได้แต่หน้าเดียว
 
**มีเด็กๆ รุ่นใหม่ เข้ามาปรึกษาด้านการแสดง
 ไม่หรอก เพราะจริงๆ ในกองมีทั้งผู้กำกับ โค้ทแอ็คติ้ง นอกจากว่าเราต้องเข้าบทด้วยกัน มี้จะแนะนำนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง เพราะว่าตัวจักรกลมีอยู่แล้ว
 
**คิดว่าใครจะเป็นดาวค้างฟ้าดวงต่อไป

 "แหม่ม” จินตรา สุขพัฒน์ แต่มีอีกหลายคน ที่ไม่กล่าวถึง อย่างเช่น  "แดง" ธัญญา "ตุ๊ก" ดวงตา ตุงคะมณี  "โย" ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ดวงดาว จารุจินดา คุณๆ เหล่านี้ สามารถมาแทนที่มี้ เพราะมี้จะรวงโรยจากไป แต่ละคนมีความสามารถด้านการแสดงมากมาย ประสบการณ์ด้านการแสดงมีเยอะ  และยังสามารถเล่นได้ทุกบทบาท

**คำอวยพรอันทรงคุณค่าในเทศกาลสงกรานต์ และวันผู้สูงอายุ
 วันสงกรานต์เปรียบเสมือนวันปีใหม่ของคนไทยเรา  ควรจะนึกถึงบุพพการีทั้งหลาย ที่ท่านเสียสละเลี้ยงดูเรามา ปีหนึ่งไปรดน้ำ พาท่านไปรับประทานอาหาร  พาท่านไปตรวจสุขภาพ  ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องดูแลท่าน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านดูแลเราจนโต และเป็นฝั่งเป็นฝา ถึงตอนนี้เราจะต้องดูแล อย่าลืมนะ ความเจริญจะมาสู่เราเอง  ถ้าเราดูแลท่าน เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อย่าให้ขาด ท่านเป็นอะไรเราดูแล สิ่งนั้นจะสะท้อนกลับมาหาเรา เมื่อเราแก่เฒ่า ลูกหลานจะดูแลเราต่อไป
 
 เธอคือ “นักแสดง” ตัวจริงของวงการบันเทิง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ