
มารู้จักพอร์ชศรัณย์พระเอกน้องใหม่แห่งวิก7สี
นับเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของช่อง 7 ที่เรียกได้ว่าฮอตคนหนึ่ง เพราะเคยฝากผลงานกับละครเรื่องลูกโขนไปแล้ว ล่าสุดละครเรื่อง "มนตร์รักแม่น้ำมูล" ใกล้จะออนแอร์ วันนี้ คมชัดลึก ขอจับ พอร์ช ศรัณย์ ศิริลักษณ์ นักแสดงคลื่นลูกใหม่แห่งวิกหมอชิต มาจับเข่าคุยกันถึงร้า
กว่าจะมาเป็นนักแสดง
@ เข้าวงการได้อย่างไร
ผมเริ่มจากงานถ่ายแบบก่อน แล้วจึงขยับขยายเป็นถ่ายเอ็มวี แล้วก็มีเดินแบบบ้าง ต่อมาก็มีงานถ่ายโฆษณา จนพี่พจน์ อานนท์ มาเจอเราในโฆษณาชิ้นหนึ่ง เขาเลยเอาเรามาเล่นหนัง “Sorry ซารังเฮโย เการักที่เกาหลี” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก เรียกได้ว่าพี่พจน์ เขาเป็นคนที่ช่วยให้เราได้เข้าช่อง ตอนนี้ก็เซ็นสัญญากับทางช่อง 7 ไว้ 7 ปี
@ กับการเซ็นสัญญา 7 ปีกับทางช่อง คิดว่าเป็นเวลาที่นานไปไหม
ผมว่าระยะเวลาแค่ 7 ปี ไม่นานนะ และไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ด้วย เพราะตอนนี้ผมอายุสิบกว่าปีเท่านั้น หากนับๆ ไปครบ 7 ปี ผมก็เพิ่งอายุ 25 ปีเท่านั้นเอง ผมคิดว่ายิ่งเขาเซ็นสัญญากับเรานานก็ดันเรานาน เขาให้โอกาสเราอยู่ในวงการนานๆ มีเวลาสร้างชื่อเสียงสร้างผลงานให้เป็นที่รู้จัก
@ เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งเราจะเป็นนักแสดง
ไม่เคยคิดว่าจะเป็นดาราหรือนักแสดง เพราะใจจริงแล้ว ผมอยากเป็นนักดนตรี นักร้องมากกว่า แต่พอเราได้มาสัมผัสได้มาเรียนรู้เรื่องละคร ก็ทำให้รู้ว่าเราชอบการแสดงมากกว่าการร้องเพลงหรือเล่นดนตรี
@ ตอนนี้เหมือนเป็นดาวรุ่งของช่อง รู้สึกอย่างไรที่คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์คอยผลักดัน
รู้สึกดีใจที่คุณแดงผลักดันเรา คอยส่งเสริมให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่ถ้าถาม ว่าตอนนี้ผมเป็นดาวรุ่งไหม คงยังเพราะต้องยอมรับ ว่าตอนนี้นักแสดงใหม่ๆ ในช่องค่อนข้างเยอะ ซึ่งทุกคนก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ผมเฉยๆ กับตรงนี้ไม่คิดอะไรมาก ก็ทำงานของผมไป ทำงานของเราให้ดีที่สุดดีกว่า เดี๋ยวคนก็มองเราเอง
@ ได้อะไรจากการเข้าวงการบ้าง ชีวิตเปลี่ยนไปไหม
วงการสอนอะไรหลายอย่างนะ ได้ฝึกนิสัยทำให้เป็นคนมีวินัย ตรงต่อเวลามากขึ้น ได้ฝึกการวางตัว เรื่องการเข้าหาผู้ใหญ่ เพราะวงการนี้ เรื่องสัมมาคารวะค่อนข้างสำคัญมาก ส่วนการใช้ชีวิตเรียกได้ ว่าเปลี่ยนเหมือนกันแต่ไม่มาก โดยปกติผมเป็นคนที่ชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็แต่งธรรมดาเหมือนที่เคย แต่อาจเพิ่มเข้าฟิตเนส มีรักษาหุ่นเข้าฟิตเนสบ้าง (หัวเราะ) แต่ที่เปลี่ยนแน่ๆ คือต้องระวังตัวให้มากขึ้น ผมคิดเสมอ ว่าเราเป็นคนของประชาชน ถ้าจะทำอะไรก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี บางทีสิ่งที่เราทำอาจไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่คนรอบข้างที่มองอาจจะเข้าใจผิดได้ นอกจากนี้เวลาไปไหนมาไหน ก็ไม่ค่อยได้ไป เพราะว่าติดงาน จริงๆ ก็แค่ออกจากบ้านไปงานมากขึ้น ส่วนเรื่องพบปะเพื่อนๆ ไม่มีอยู่แล้ว อาจมีเจอเพื่อนๆ บ้าง แต่ว่าผมจะชอบอยู่บ้านนั่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลง เปิดคอมพ์เล่นเกมมากกว่า
ผลงานของ "พอร์ช"
@ ว่าด้วยเรื่องงานละครกันบ้าง ตอนนี้มีอะไรบ้าง
มีถ่ายละครมนต์รักแม่น้ำมูลอยู่ ตอนนี้ก็ถ่ายไปได้ประมาณ 80-90 ตอนได้ ตอนนี้ก็พักกองไปก่อน ได้ยินว่าใกล้จะออนแอร์แล้วในเดือนเมษายนนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าออนวันไหน เรื่องนี้นับเป็นละครเรื่องแรก ที่ผมได้ถ่ายทำละคร ผมเล่นเรื่องนี้ก่อนละครลูกโขน เพียงแต่ว่าลูกโขนออนแอร์ก่อน อยากดูว่าตัวเองจะเก้ๆ กังๆ ขนาดไหน (หัวเราะ) อยากรู้พัฒนาการของตัวเองด้วย เพราะเรื่องนี้ถ่ายมานาน คาดหวังอยากให้ทุกคนได้ดู เพราะไม่ใช่แค่เราทำงานเต็มที่เท่านั้น ผู้กำกับ ทีมงานรวมถึงนักแสดงทุกท่าน ก็แสดงเต็มที่กันทุกคน เราก็อยากให้ทุกคนได้ดูกัน นอกจากนี้ก็มีละครเรื่อง "เสน่ห์บางกอก" แล้วก็มีรับเชิญในละครเรื่องโบ๊เบ๊
@ แต่ละเรื่องที่เล่นมามีความแตกต่างกันอย่างไร
จริงๆ แล้วละครที่เล่นมาจะบ้านๆ หมด เป็นต่างจัดหวัดเหมือนกัน แต่ในมนต์รักแม่น้ำมูล จะเล่นเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์ร้องเพลงสตริง ที่เข้ามาเจอเดือน ("จุ๋ย" วรัทยา นิลคูหา) แต่เสน่ห์บางกอกจะเป็นคนต่างจังหวัด เป็นลูกกำนันที่อยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง คือทั้งสองเรื่องพูดภาษากลางหมด
มุมมองชีวิต
@ มองว่าตัวเองเป็นคนมีชื่อเสียงหรือยัง คิดอย่างไรกับคำว่านักแสดง
ผมยังไม่ดัง ผมเฉยๆ กับตรงนี้ และไม่คิดว่าตอนนี้เป็นนักแสดงด้วย เพราะนักแสดงในความคิดของผม ต้องเป็นคนเก่ง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในสังคม ซึ่งตัวผมเองยังต้องพัฒนาและเรียนรู้อีกเยอะ เรายังไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนเรื่องการพัฒนาการแสดง บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้เรียนการแสดงหรือเรียนอะไรเพิ่ม เพราะคิดว่าการไปเรียนแต่ทฤษฎีมันได้ความรู้น้อยกว่าการปฏิบัติจริง อย่างเวลาเราถ่ายละคร เวลาผมมีข้อสงสัยอะไร ก็สามารถถามคนในกองได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับฯ ทีมงาน หรือแม้แต่พี่ๆ นักแสดง ซึ่งรู้สึกว่าตรงนี้สิ่งที่เราทำ ทำให้เราพัฒนาเร็วขึ้นมาก เพราะเราจะได้ประสบการณ์ที่ลองผิดถูก จากรุ่นพี่ ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เร็วมากขึ้น
@ เข้าวงการมาแล้ว มักจะได้อย่างเสียอย่าง รู้สึกสูญเสียอะไรบ้างหรือเปล่า หลังจากเข้าวงการ
ผมอาจจะขาดหายชีวิตส่วนตัว ชีวิตช่วงวัยรุ่นที่จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ บ้าง เพราะมีหน้าที่ต้องทำงาน แต่ผมมีความสุขที่ได้ทำ เพราะนี่คืองานที่เราชอบ เรามีความสุขกับการได้เล่นละคร ได้ทำงานแล้วได้เห็นผลงานของตัวเอง จึงทำให้ไม่รู้สึกสูญเสียอะไรไปเลย เพราะที่บ้านคุณพ่อ คุณแม่ก็สอนเราให้เป็นผู้ใหญ่ ทำให้เราไม่ซีเรียสอยู่แล้วเมื่อมีอะไรก้าวเข้ามาในชีวิต
@ เรื่องการเรียนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนนี้ดร็อปเรียนไว้อยู่ เผอิญตอนที่เราไปสมัครเรียนที่ม.รามคำแหงนั้น ยังไม่รู้ตัวเองว่าชอบอะไร เลยไปสมัครเข้าเรียนคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน เพราะตอนแรกคิดว่าชอบคณะนี้ แต่พอเรียนไปได้พักหนึ่งท างช่องก็ป้อนงานละครเข้ามา ทำให้ช่วงนั้นไม่มีเวลาไปเรียนต้องอยู่แต่ในกองละคร เราก็ได้เรียนรู้ ได้สัมผัสการทำงานเบื้องหลัง ทำให้เรารู้สึกชอบงานเบื้องหลัง อยากเรียนอยากรู้ว่าเขาทำอย่างไร เลยรู้ว่าคณะที่เราไปสมัครมานั้นมันไม่ใช่ ใจจริงเราอยากทำงานเบื้องหลัง อยากเรียนทางด้านภาพยนตร์ และถ่ายภาพมากกว่า ถ้าเราไปเรียนด้านภาพยนตร์หรือถ่ายภาพ เวลาเราเรียนเราก็จะมีคนคอยให้คำปรึกษา จะทำให้เราเรียนง่ายขึ้น ตอนนี้ก็เล็งที่เรียนใหม่เอาไว้ คิดจะเรียนคณะภาพยนตร์หรือไม่ก็โฟโต้ มหาวิทยาลัยรังสิต ส่วนดนตรีผมก็ชอบมากนะ แต่คงเล่นเป็นงานอดิเรกมากกว่า
@ มุมมองของวงการบันเทิงเปลี่ยนไปไหม
แต่ก่อน ผมมองว่ามันสวยหรู ดูสบาย รู้สึกทำงานแป๊บเดียว แต่ได้เงินกันเยอะ แต่เมื่อเราเข้ามาจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย คือวงการนี้งานเหนื่อยมาก เวลาพักผ่อนก็ไม่เป็นเวลา แต่เราไม่ท้อ เพราะเราชอบและรักในสิ่งที่เราทำ เมื่อเรารัก จะเหนื่อยแค่ไหนเวลาได้เห็นผลงานเราก็ภูมิใจแล้ว อย่างตอนเล่นละครลูกโขนนี่เหนื่อยมากนะ แต่พอได้เห็นผลงานทางโทรทัศน์ ก็หายเหนื่อยลืมหมดว่าตอนถ่ายเหนื่อยแค่ไหน
@ มองอนาคตของตนเองไว้อย่างไรบ้าง
ถ้าในเรื่องการแสดง อยากแสดงให้ถึงที่สุด อยากให้ทุกคนยอมรับว่าเราเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ ที่เก่งคนหนึ่ง แต่ผมก็มองว่าต่อไปอาจมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากเปิดร้านอาหาร คือจริงๆ ที่จ.จันทบุรี เรามีร้านอาหารอยู่แล้ว แต่เช่าที่เขาอยู่ ไม่ใช่ที่ของตัวเอง ก็กำลังคิดอยู่
ว่าด้วยข่าว
@ พอเริ่มมีชื่อเสียง ก็เริ่มมีข่าวตามมาเป็นเงาตามตัว
ใช่ เรื่องดารา ศิลปินกับข่าวมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่ผมว่ามันไม่จำเป็นเสมอไป ที่ดาราหรือนักแสดงต้องมีข่าวตลอดถึงจะมีชื่อเสียง เพราะบางข่าวมันก็อาศัยกระแสไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตละคร โน่น นี่ นั่น ซึ่งผมไม่คิด ว่าดาราที่มีข่าวจะอยู่ในวงการได้ง่ายขึ้น หรือนานขึ้น ผมอยากให้คนมองเราในเรื่องผลงานมากกว่ากระแสข่าวที่กำลังเป็นอยู่ เราอยู่ในวงการนี้ ก็อยากให้ดูที่ผลงานที่เราทำ โฟกัสเรื่องงานที่กำลังจะมีมันดูดีกว่า ไม่ใช่ให้ใครมาพูดถึงเราประมาณว่าดังเพราะมีข่าว เป็นอะไรกับคนนั้น คนนี้
@ เครียดบ้างหรือเปล่าเวลาเจอข่าวฉาว
แรกๆ ผมซีเรียสนะ มีออกแนวเซ็งๆ เพราะว่าตอนที่เข้าวงการมาใหม่ๆ เราเจอแต่ข่าวดีๆ ตลอด พูดถึงแต่เรื่องผลงาน ไม่เคยเจอข่าวแบบนี้ เราก็เลยไม่ชิน แต่หลังๆ ก็เริ่มปรับตัวได้เพราะได้คำปรึกษาจากพี่หลายๆ คน ตอนนี้ก็ชิลๆ แล้ว คิดว่าเป็นเรื่องปกติไป
@ แล้วข่าวกับจุ๋ย (วรัทยา นิลคูหา) เป็นอย่างไร
อย่างที่บอกนะ ว่าตอนแรกก็ซีเรียส ตอนนี้ก็เฉยๆ เพราะในใจเรารู้ว่าเราทั้งคู่ไม่มีอะไร เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราก็เลยไม่เครียด มีข่าวอะไรมาก็ถามผมแล้วกัน กับการที่คนมองว่าเป็นมือที่ 3 ของพี่จุ๋ยกับพี่นิว (วงศกร ปรมัตถากร) นั้น ผมว่าเป็นใครก็คงไม่ชอบที่จะไปเป็นมือที่สาม ใคร ตอนนี้ไม่ซีเรียส กับพี่จุ๋ยก็เพื่อนรวมงาน ที่สนิทกันในกองเท่านั้น ส่วนเรื่องไปรับไปส่งพี่จุ๋ยนั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่มีแน่นอน เพราะเวลาผมไปไหนมาไหนนั้น จะต้องไปกับพี่ ที่เป็นผู้จัดการตลอดเวลา ซึ่งรถที่นั่งไปทำงานในกองถ่ายก็จะเป็นรถพี่เขา เพราะตอนนี้ผมเองก็ยังไม่ได้ซื้อรถ ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง ผมมองว่าข่าวนี้อาจเป็นกระแสโปรโมทละครหรือเปล่า เพราะในเรื่องผมต้องเป็นมือที่สาม ก็เลยมีเป็นประเด็นข่าวว่าเป็นมือที่ 3 หรือเปล่า เพราะละครเองก็จะออกในเดือนเมษายนนี้แล้ว
ครอบครัวและหัวใจ
@ กับคนที่บ้านล่ะสนับสนุนให้เข้าวงการไหม
คุณพ่อคุณแม่ผมสนันสนุนนะ ท่านไว้ใจ ท่านสอนเรามาตลอดให้เราเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล วางตัวดีๆ ทุกวันนี้ผมว่าท่านภูมิใจ ที่เราสามารถหาเงินด้วยตัวเอง แถมยังสามารถส่งเงินไปให้ท่านได้ด้วย ที่สำคัญคือท่านดีใจที่เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ แต่ท่านก็พูดกับเราเสมอๆ ว่าเรื่องเรียนสำคัญที่สุด ซึ่งผมก็คิดเช่นนั้น เพราะวงการนี้เราไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ ดังนั้นเรื่องเรียนสำคัญมาก ซึ่งผมเองก็อยากเรียนมาก แต่ตอนนี้ขอหาประสบการณ์ในกองละครไปก่อน ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจเพราะเราก็ไม่อยากไปเสียเวลาเหมือนเมื่อปีที่แล้ว
@ คุณพ่อ-แม่มีแอบเชียร์เราอย่างไรบ้าง
ท่านก็มีดูละครที่เราเล่นนะ ติดตามอีเว้นท์ โทรมาทุกวันว่าจะไปไหน แถมยังเข้าเวบแฟนคลับด้วย แอบไปสมัครเป็นสมาชิก (หัวเราะ) แต่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอคนในครอบครัวเลย เพราะตอนนี้ทั้งครอบครัวของผมย้ายไปอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีหมดแล้ว แต่ปกติท่านก็จะขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพบ้างเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็ติดต่อทางโทรศัพท์มากกว่า ปกติก็ไม่ได้เล่าอะไร เวลาท่านเห็นข่าวที่ไม่ดีของเราท่านก็จะส่งแมสเสทมาให้กำลังใจทำนอง เข้มแข็งไว้ลูก เดี๋ยวก็ผ่านไป ท่านอาจเห็นเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกท่านก็จะไม่อะไรกับเรามาก
@ แล้วหัวใจตอนนี้เป็นอย่างไร
ตอนนี้โสดค และยังไม่คิดเรื่องนี้เลยจริงๆ เพราะด้วยงาน ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เวลาดูแลตัวเอง เรายังไม่มีเลยคงไปดูแลใครไม่ได้ อยากทำงาน เพราะตอนนี้เราก็ก้ำๆ กึ่งๆ เพราะเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน ยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ ขอโฟกัสเรื่องงาน ทำให้มันถึงที่สุดก่อนดีกว่า กับสาวๆ ก็มีเข้ามา แต่เข้ามาในรูปแบบเพื่อนกันมากกว่า และผมคิดว่าเราอายุเท่านี้ เรื่องแบบนี้เราไม่ต้องรีบ เพราะยังมีเวลาศึกษาใครๆ ได้อีกเยอะ ไม่ต้องรีบ แล้วตอนนี้ก็มีเรื่องหลายอย่าง ซึ่งผมว่ามันเยอะพอแล้ว
เขาคนนี้ชื่อ “พอร์ช” ศรัณย์ ศิริลักษณ์
เกิดวันที่ 14 พฤศจิกายน 2534
การศึกษา คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ดร็อปอยู่)
ผลงานก่อนหน้านี้ MV รักได้รักไปแล้ว - โฟร์มด, MV เสียงลมหายใจ - โมทย์, MV เพื่อนหรือแฟน - Nutty, โฆษณาไวตามิ้ลค์ ภาพยนตร์เรื่อง "Sorry ซารังเฮโย" (เการักที่เกาหลี) ละครลูกโขน ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน ละครมนต์รักแม่น้ำมูล เสน่ห์บางกอก โบ๊เบ๊
เรื่อง : เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล
ภาพ : ชาญณรงค์ พรดิลกรัตน์