
ก้าวที่เปลี่ยนแปลงกับวิธีคิดที่เปลี่ยนไปของผู้ชายชื่อ"อเล็กซ์"เรลเดล
เข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก หลายคนรู้จัก "อเล็กซ์" เรนเดล จากละครเรื่อง "หัวใจและไกปืน" จนถึงทุกวันนี้เขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว และขึ้นแท่นเป็นพระเอกครั้งแรก กับละครคอมเมดี้เบาสมองเรื่อง "สะใภ้ไม่ไร้ศักดินา" แถมยังมีผลงานภาพยนตร์ เรื่อง "เลิฟ จุลินทรีย์ รักมันใ
ผลงานการแสดง
กระแสละครสะใภ้ไม่ไร้ศักดินา
ดีมาก ไปไหนมีแต่คนพูดถึง มีคนเรียกชื่อ "เก่ง" แล้วยิ่งตอนนี้ละครเพิ่มเวลาออกอากาศเป็นหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถือว่าคนดูก็จะได้ดูละครเต็มอิ่ม การร่วมงานกับทีวีซีนครั้งแรกรู้สึกดีมาก เพราะเป็นละครคอมเมดี้ บรรยากาศในกองจะสนุกสนาน ตลก เฮฮาอยู่ตลอดเวลา กองนี้จะฮากันทั้งวัน และนักแสดงคนอื่นๆ ทั้ง กุ๊บกิ๊บ (สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย) พี่แพท (ณปภา ตันตระกูล) ทุกคนตลกทั้งนั้น เวลาเข้าฉากเลยง่าย ที่จะทำให้คนดูตลกไปกับเรา ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะที่ผ่านมา ผมเคยเล่นแต่ละครดราม่า เรื่องนี้เป็นการเล่นละครคอมเมดี้เต็มตัวครั้งแรก รู้สึกสนุกมาก
พระเอกเต็มตัวครั้งแรก
เป็นพระเอกครั้งแรก ผมก็ไม่ได้กดดันอะไร เพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำ ว่าพระเอกเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนชีวิตผมเท่าไหร่ รู้สึกว่าเป็นแค่การสวมบทบาทของตัวละครตัวหนึ่งในบทละครที่ดี บทของเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะหนัก เหนื่อยหน่อย แต่เราอาศัยการทำการบ้าน เตรียมตัวมาให้พร้อม เพราะคาแร็กเตอร์จะเป็นเหมือนจิ๊กโก๋ ชอบหาเรื่องแต่ความจริงคือทำอะไรใครไม่เป็น แค่ตรงนี้ก็ฮาแล้ว เราพยายามที่จะทำการบ้านให้เยอะขึ้น เวลาแสดงจะได้เต็มที่กับมันให้มากที่สุด
เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะได้มาเป็นพระเอก
ตอนเด็กๆ เคยมีช่างภาพบอก ว่าโตขึ้นต้องได้เป็นพระเอก แต่เราไม่เคยคิดอะไรจริงจัง ผมค่อนข้างโชคดีที่มีงานแสดงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และความจริงผมอยากเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับ เหมือนพี่ อ๊อฟ (พงพัฒน์ วชิรบรรจง) พี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พี่แอน (แอน ทองประสม) ที่คนจะชื่นชอบเขาที่ฝีมือด้านการแสดง ผมโชคดีที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงที่เก่งๆ หลายคน ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างในการทำงาน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากที่จะเป็นแบบพวกเขาบ้าง ไม่ได้อยากจะเป็นพระเอกที่หล่อ แล้วขายแต่หน้าตา แต่ผมอยากเป็นนักแสดงที่ขายฝีมือ
ผลงานภาพยนตร์เรื่อง "เลิฟจุลลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก" เป็นอย่างไรบ้าง
ผมเล่นเป็นพระเอกหนึ่งในสี่คู่ของหนังเรื่องนี้ ตอนของผมจะสื่อให้เห็น ว่าความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ในเรื่องจะมีแสดงโขนด้วย ซึ่งยากมาก เพราะเป็นอะไรที่ไกลตัวผมมาก เพราะเราเรียนโรงเรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก แล้วต้องไปศึกษาในโรงเรียนนาฏศิลป์ แล้วเด็กโรงเรียนนาฏศิลป์จะมีความเป็นไทยสูงมากกว่าเด็กปกติ เพราะเขาได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ต้องไปเรียนรู้วิธีการเดิน การนั่ง การพูด ซึ่งต้องพูดให้ชัด เพราะผมมีปัญหาในการออกเสียงคำให้ชัด อย่างตอนถ่ายฉากที่ต้องรำโขน เห็นในหนังแค่ 2-3 นาที แต่ถ่ายแทบทั้งคืนเลย เหนื่อยแต่สนุกมาก
เรื่องนี้ค่อนข้างจะถูกวิจารณ์เรื่องฉากล่อแหลม ตั้งแต่ก่อนหนังเข้าฉาย รู้สึกอย่างไรบ้าง
ผมเข้าใจ ว่าการจูบกันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมของเยาวชน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็เป็นแค่คนที่รักการทำหนัง ต้องการที่จะถ่ายทอดบทบาทออกไปให้มันสมจริงมากที่สุด แล้วยุคนี้ก็เป็น ค.ศ. 2011 แล้ว เรื่องแบบนี้ บางทีไม่จำเป็นต้องปิดบัง เพราะยิ่งเราปิด เยาวชนก็ยิ่งอยากรู้ อยากลองมากขึ้น เราควรจะเปิดและสอนพวกเขาให้รู้ว่าอะไรถูก อะไรควรมากกว่า
ชีวิตและตัวตน
ประสบการณ์การทำงาน สอนอะไรบ้าง
เราจะได้เปรียบคนอื่นในเรื่องของการวางตัว เพราะผมเจอมาหมดแล้ว เราเคยได้ยินคนในกองพูดถึงนักแสดง ทั้งที่น่ารักและไม่น่ารัก เราก็จะจำไว้ว่าเราจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี เพราะไม่อยากให้คนพูดถึงแบบนั้น อย่างพี่ป๋อ (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) เขาน่ารักมากเล่นกับทุกคนในกอง เราก็อยากให้คนพูดถึงและรักเราเหมือนที่เขารักพี่ป๋อ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องแอ็กติ้งผมได้เปรียบมาก เพราะเหมือนเราได้สะสมประสบการณ์มาพอสมควร รู้สึกโชคดีมากกว่า แต่นักแสดงสมัยนี้ เล่นเรื่องเดียวก็เก่งแล้ว ถ้าเป็นผมคิด ว่าเล่นเรื่องเดียวคงยังไม่เก่งหรอก เพราะมันเป็นเรื่องที่ยาก ไม่ใช่ว่าพอคุณเตรียมตัวมาจากบ้านท่องบทมาเป๊ะ มาถึงกองแล้วจะเล่นได้เลย เพราะบรรยากาศในกองถ่าย มันจะไม่เหมือนที่บ้าน จนถึงทุกวันนี้บางทีนับ 5 4 3 2 ผมยังตื่นเต้นอยู่เลย ต้องพยายามศึกษาและพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพราะมันไม่มีคำว่าแสดงเก่งที่สุดในโลก
มีโอกาสสอนหรือบอกรุ่นน้องถึงเรื่องการแสดงบ้างหรือไม่
มีนักแสดงรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่าผม เขาจะมาถามว่าเล่นละครยังไง แสดงแบบไหน ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะแต่ละคนก็จะมีสไตล์ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะบอก คือการที่เราเข้ามาอยู่ตรงนี้ ต้องจำไว้เลย ว่าเราเป็นนักแสดง ไม่ใช่ดารา แล้วต้องคิดว่าหลังจากเราแสดงละครเรื่องนี้จบแล้ว มันจะทำให้เราพัฒนา และได้รับบทที่ดีกว่าหรือแสดงเก่งขึ้นในเรื่องหน้า ไม่ใช่คิดว่าพอละครเรื่องนี้ออกอากาศ จะทำให้เรามีงานอีเวนท์ จะได้รวย ซึ่งมันเป็นความคิดที่ผิด เพราะคนที่เข้ามาเพราะอยากดัง อยากเป็นดารา แป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายไป แต่คนที่คิดว่าเข้ามาเพราะอยากเป็นนักแสดงที่ดี มันจะอยู่ได้นานกว่า อยากให้คนมอง ว่าผมเป็นนักแสดงอาชีพมากกว่าดารา เพราะไม่มีอะไรที่เจ๋งไปมากกว่านี้แล้ว
ย้อนรอยอดีต กับ ด.ช.อเล็กซ์
ถามถึงการเล่นละครเรื่องแรกว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ความจริงแล้วผมจำไม่ค่อยได้ว่าเป็นยังไง แต่จำได้คร่าวๆ ว่าอาตู่ (นพพล โกมารชุน) ได้ดูโฆษณาแล้วโทรมาหาผมติดต่อให้ไปเล่นละครเรื่อง "หัวใจและไกปืน" ในเรื่องจะมีเด็กอยู่ 2 คน คนแรกคือจะตายใน 3-4 ตอนแรก กับอีกคนหนึ่งจะต้องอยู่กับพี่หนุ่ย (อำพล ลำพูน) ไปจนจบเรื่อง เราก็อยากเล่นเป็นเด็กตัวที่ตายเร็วๆ เพราะจะได้เล่นน้อยๆ (หัวเราะ) แต่อาตู่อยากให้แสดงจนจบเรื่อง จำได้ว่าตอนเข้าฉากแรก ต้องพูดประโยคที่ว่า "สูบบุหรี่ทำไม มันเหม็น" ประมาณนี้ แต่เล่นไปหลายสิบเทกมาก แถมเล่นแข็งเป็นหุ่นยนต์ จนถึงทุกวันนี้ที่บ้านผมก็ยังล้อเรื่องนี้อยู่เลย
วิธีคิดจากเมื่อก่อนจนถึงวันนี้เปลี่ยนไปบ้างไหม
เปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ 7 ขวบ จนถึงอายุประมาณ 15 ผมไม่ได้รู้สึกว่าเราไปทำงานเลย เหมือนไปเล่นมากกว่า เพราะอยู่กองถ่ายจะมีแต่เอาใจ ตามใจเรา แต่พอเราอายุประมาณ 15 ปี ได้ร่วมงานกับพี่ ชาคริต (ชาคริต แย้มนาม) เรารู้สึกว่าพี่คนนี้เป็นนักแสดงจริงๆ เลยเปลี่ยนความคิดของเราใหม่ เริ่มที่จะจริงจังในการทำงานมากขึ้น มีการเตรียมตัว วางแผน ในการแสดงเพิ่มขึ้น จนมาถึงวันนี้ ผมรู้สึกโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และที่สำคัญคือได้เงินด้วย (หัวเราะ) เป็นความภาคภูมิใจ ที่เราสามารถช่วยหลือตัวเองได้ และยังสามารถเอาเงินตรงนั้นช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ด้วย
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
การเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
ผมเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ดีเพราะเราได้ไปเรียนร่วมกับคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน อย่างเวลาเรียน จะได้เปรียบเพื่อนคนอื่นนิดหน่อย อาจจะรู้มุมกล้องหรือเรื่องบทมากกว่าคนอื่น แต่เดี๋ยวนี้เด็กเรียนนิเทศน์ฯ โดยเฉพาะภาคไทยจะเก่งมาก อนาคตผมอยากเป็นผู้กำกับ อยากทำหนังที่สามารถทำให้คนร้องไห้ได้ อยากเอาประสบการณ์ชีวิตที่เราเคยมีมาถ่ายทอดให้คนอื่นเห็น อยากทำหนังรักที่แปลกไปจากคนอื่น คิดว่าน่าจะทำให้คนอินได้ ผมโชคดีที่ได้เจอกับผู้กำกับเก่งๆ หลายคน คนที่เรียนมาเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงแบบผม
ล้วงลับเรื่องหัวใจ
มีสาวเข้ามาบ้างไหม
มีบ้างนะ แต่ก็ไม่ได้เยอะอย่างที่ทุกคนคิด เพราะเราทำงานเสร็จแล้วกลับบ้าน ไม่ค่อยได้เจออหรือสนิทกับใครใหม่ ๆ เท่าไหร่ เมื่อก่อนตอน ม.5 - ม.6 ผมก็มีสเป็ค ว่าแฟนเราต้องเป็นลูกครึ่งที่สวย แต่พอเราได้เจอคนเยอะขึ้น เราก็รู้สึกว่าผู้หญิงแต่ละคนก็จะมีเสน่ห์ต่างกัน
ข่าวเกาเหลากับ "ณเดชน์" คูกิมิยะ เรื่อง "ญาญ่า" อุรัสยา สเปอร์บันด์ รู้สึกอย่างไรบ้าง
ความจริงผมกับณเดชน์ รู้จักกันมาสักพักแล้ว ความจริงเราไม่ได้เกาเหลากัน มันเป็นแค่ข่าวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน แล้วด้วยกระแสของละคร (ดวงใจอัคนี)อาจจะทำให้คนดูอินเลยเกิดกระแสจับคู่ขึ้นมา ผมก็ยินดีกับน้องทั้งสองคนด้วยเพราะแสดงว่าเขาแสดงได้อินจนคนดูเชื่อ ถือว่าดี แล้วความจริงมันไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ไม่รู้ว่าเข้าไปเกี่ยวด้วยได้ยังไง
เรื่องไหนที่อึดอัดมากที่สุดเวลาถูกถาม
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความรัก เรื่องจับคู่นี่แหละ เพราะมันไม่ใช่ความจริง แล้วเวลาเปิดข่าวอ่าน จะเจอข่าวว่าผมเป็นมือที่สามของ หมาก (ปริญ สุภารัตน์) กับมิ้นท์ (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) ณเดชน์กับญาญ่า แต่ความจริงแล้วเราเป็นเพื่อนกันทั้งหมดเลย ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนเชื่อ ต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ความรักมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเจอคนที่ใช่มันก็คือใช่
มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม
เปลี่ยนไปมาก เพราะผมก็เคยมีความรักแบบเด็กๆ เป็นปั๊ปปี้เลิฟ ทั้งสุข ทุกข์ หรือว่าเสียใจมากตอนอกหักผมก็เคยเป็นมาหมด แล้วที่ผู้ใหญ่คอยเตือน ว่าความรักในวัยเรียนมันจะมีผลกระทบกับชีวิตอันนี้เป็นเรื่องจริง เพราะพอเราอกหักมันจะเซ็งไม่อยากทำอะไรก็อยากจะฝากถึงน้องๆ ไว้เรื่องนี้ไว้ด้วย
ชื่อ อเล็กซานเดอร์ ไซม่อน เรนเดลล์
ชื่อเล่น อเล็กซ์
วันเกิด 9 มกราคม 2533
การศึกษา จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ภาคอินเตอร์ คณะนิเทศศาสตร์
ผลงานก่อนหน้า หัวใจและไกปืน รักสุดท้ายที่ปลายฟ้า บ่วงบรรจถรณ์ มณีดิน บัวปริ่มน้ำ ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน สะใภ้ไม่ไรศักดินา
เรื่อง... "ดวงใจ สอาดจิตต์ / เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล"