
"โกเอเชีย" ความใฝ่ฝันของ "นก" นักร้องถ้วยพระราชทาน
คว้ารางวัลนักร้องชนะเลิศแห่งประเทศไทยถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เวที "เคพีเอ็น อวอร์ด ไทยแลนด์ ซิงกิ้ง คอนเทสต์ 2009" มาครองหมาดๆ
แต่ดูเหมือนชื่อเสียงของ "นก" ธิติมา เจริญศรี สาวผู้คว้าชัยจะยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเทียบเท่ากับผู้ชนะจากเวทีประกวดรูปแบบเรียลิตี้ ซึ่งมักได้รับความนิยมมากกว่าในช่วงหลัง
"กระแสเวทีอื่นแรง นกไม่น้อยใจนะ การประกวดมีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างที่เราไม่คาดคิดอยู่แล้ว นกตั้งใจที่จะประกวดเวทีนี้เพราะอยากได้ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกอย่างเวทีใช้กรรมการเป็นผู้ตัดสินในแต่ละรอบ ในขณะที่ถ้าเป็นเวทีอื่นจะใช้การโหวต เราก็ไม่แน่ใจว่าคนทางบ้านจะชอบใจเราขนาดที่โหวตให้เราอยู่ต่อหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเวทีเคพีเอ็น จะมีกรรมการตัดสินในแต่ละรอบไปเลย ไม่ต้องนั่งรอลุ้นผลโหวตมันตื่นเต้นเกินไป" นกพูดถึงการเลือกเคพีเอ็นเป็นเวทีประกวด
นอกจากเหตุผลข้างต้นแล้ว นก ยังบอกด้วยว่าเป็นเสมือนการแก้ตัว หลังจากที่ในปี 2005 เธอเคยประกวดเวทีนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง และเคยติดเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายมาแล้วด้วย แต่ครั้งนั้นพลาดรางวัลไป
"นกรู้สึกว่าในปี 2005 ยังทำไม่เต็มที่ เหมือนไม่ได้ตั้งใจมาประกวดเลย แต่โชคดีที่ติดเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ก็มานั่งคิดว่าครั้งนั้นเราต้องตั้งใจมากกว่านี้หรือไม่ จากนั้นก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เคพีเอ็นจะจัดประกวดอีก พอมาปีนี้คุณดาวขยายโอกาสเรื่องอายุด้วย จากเดิมที่จำกัดถึงอายุไม่เกิน 23 ปี มาครั้งนี้ขยายเป็น 28 ปี เรายังประกวดได้ ก็เลยประกวดอีกครั้ง ซึ่งถ้าไม่มีการประกวดในปีนี้ ก็คงจะถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมากสำหรับนก เพราะนกรู้สึกแย่กับตัวเองในปี 2005 เวลาเอาเทปเก่าๆ มาดูจะรู้สึกเลยว่าเราทำอะไรไปในวันนั้น
แล้วนกก็พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ประสบการณ์จากปี 2005 ที่ได้รับมา ทำให้นกได้แชมป์ในปีนี้ นกมีการเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้น จะคิดว่าในแต่ละรอบเราจะต้องแต่งตัว ทำตัวยังไง นำประสบการณ์ที่ได้จากครั้งที่แล้วมาใช้เยอะมาก เพราะครั้งที่แล้วนกก็ได้เข้าแคมป์ที่ทางเคพีเอ็นจัดขึ้น เพื่อเทรนด์ให้แก่ผู้ที่ผ่านเข้ารอบมาด้วย ก็จะได้อะไรมาจากตรงนั้นมากมาย"
ถามต่อว่ามั่นใจเลยหรือไม่ว่าครั้งนี้จะมาคว้าชัย นก ตอบแบบถ่อมตัวว่าไม่เคยคิดเลย ไม่ใช่เพราะไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เป็นเพราะปีนี้การคัดเลือกโหดมาก โดยทุกปีจะคัดผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คน แต่ปีนี้เหลือเพียง 5 คน ซึ่งทุกคนเก่งหมด เพียงแต่แตกต่างที่สไตล์ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าปีนี้กรรมการจะชอบสไตล์แบบไหน และใครจะมัดใจกรรมการได้
"ที่บางคนมองว่าเวทีนี้นักร้องบ้าพลัง ชอบร้องแบบเพาเวอร์ นกว่าเขาต้องมาสัมผัสเรา การประกวดทุกเวทีจำเป็นต้องบ้าพลัง เพราะถ้าไม่ใช้โน้ตที่สูงหรือต่ำ หรือโชว์เทคนิค กรรมการก็ไม่รู้ว่าคนคนนี้ทำอะไรได้พิเศษกว่าคนอื่นๆ บ้าง แต่เมื่อถึงเวลาที่มาทำงานจริงๆ ก็คงไม่ร้องขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นคนฟังคงจะอึดอัด
คนที่จะประกวดชนะได้ สิ่งสำคัญต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สไตล์ของตัวเองที่ชัดเจน นกเองหายไป 2 ปี ก็ต้องกลับไปทำการบ้าน หาตัวเองให้เจอ จนพบว่านกชอบที่จะร้องและร้องได้ดีในสไตล์โซล อาร์แอนด์บี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่นักร้องผิวสีร้อง ซึ่งนกจะชอบนักร้องผิวสีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น อารีธา แฟรงคลิน, วิทนีย์ ฮิวสตัน, อลิเชีย คีย์ส, เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน นกมีความรู้สึกว่าเพลงพวกนี้เป็นเพลงเฉพาะของเผ่าพันธุ์ แล้วถ้าเราร้องเพลงของเผ่าพันธุ์ของเขาได้ เราก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกันถ้าเป็นบ้านเราก็เป็นเพลงลูกทุ่ง นกก็ร้องได้เช่นกัน"
หลังจากนี้ นก บอกว่าเธอและเพื่อนๆ ที่ผ่านเข้ามาในรอบ 5 คนสุดท้ายกำลังจะมีอัลบั้มพิเศษ ร้องคนละ 2 เพลงออกมาให้ฟังกันก่อนในเดือนพฤษภาคม โดยได้วงอีทีซี และ "หนึ่ง" จักรวาร เสาธงยุติธรรม มาช่วยทำดนตรี และเนื้อร้องทุกอย่าง
เมื่อถามถึงความใฝ่ฝันของตัวเธอ นกเผยแบบไม่มีกั๊กว่า
"นกใฝ่ฝันอยากไปให้ถึงในระดับเอเชีย เพราะจากการดูประกวดร้องเพลงหลายๆ ครั้งทั้งในเมืองไทยและเมืองนอก ฝีมือของนักร้องไทยสู้ได้แน่ๆ แต่เรายังไม่พูดในระดับโลก พูดถึงในระดับเอเชียเท่านั้น นกคิดว่ามีคนเอเชียน้อยมากที่ร้องในสไตล์แบบที่นกร้อง นกอาจจะเป็นศิลปินเบอร์แรกๆ ที่ร้องในสไตล์นี้ในเอเชียก็ได้ ภาพที่นกมองไว้ก็จะเป็นสไตล์โชว์เนื้อเสียง ร้องโชว์โน้ตแปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีใครร้องกัน เหมือนพาร์ทนักดนตรีโซลที่ต้องมีจิตวิญญาณในการเล่น นักร้องเองก็เช่นเดียวกัน
ถ้าให้นึกถึงอัลบั้มที่อยากทำ นกอยากให้ทุกคนมองว่าเป็นสไตล์ผู้หญิงเท่ๆ แข็งแรง ไม่เป็นผู้หญิงมาก เป็นการปรับเข้ากับยุคสมัย ผู้หญิงจะอ่อนโยน จะหวานอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องเข้มแข็งด้วย เป็นประเภทอกหักแต่อยู่ได้ จะไม่ร้องไห้ ฟูมฟาย ดนตรีสไตล์ผิวสี ไม่แดนซ์ เพราะนกเต้นไม่เป็น" นกกล่าวทิ้งท้ายถึงความฝันที่เธอมุ่งมั่น