บันเทิง

Rabbit Hole

Rabbit Hole

03 มี.ค. 2554

เรื่องของคู่ผัวตัวเมีย ที่พยายามประคับประคองความสัมพันธ์ชีวิตสมรส หลังเผชิญมรสุมจากการสูญเสียลูกชายตัวน้อยจากอุบัติเหตุ...“Rabbit Hole” เปิดเรื่องด้วยวิถีชีวิตปัจจุบันในอีกแปดเดือนถัดมา ‘เบ็คก้า’ ยังคงทำหน้าที่แม่บ้านตามปกติ มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านในบ

 หนังไม่ได้บีบคั้นอารมณ์เศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่รักของสามี-ภรรยา คู่นี้ หากแต่พาเราเข้าไปสังเกตพฤติกรรมของความพยายามกลบเกลื่อน ‘ริ้วรอยแห่งความร้าวระทมอย่างยิ่งยวด’ ของทั้ง ‘เบ็คก้า’ และ ‘ฮาร์วี่’ ที่เราสังเกตได้ชัดเจนว่า พวกเขาเพิ่งฟื้นจากอาการสาหัสสากรรจ์ของการสูญเสียลูกชาย ตั้งแต่ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจของ ‘เบ็คก้า’ ดวงตาที่เหม่อลอยราวกับไร้วิญญาณทั้งๆ ที่เพื่อนบ้านยืนเหยียบแปลงดอกไม้ที่เธอเพิ่งลงมือปลูก ‘ฮาร์วี่’ เองก็ไม่ต่างกัน และอาจหนักข้อกว่า เพราะถึงขั้นจูงมือเมียรักไปเข้ากลุ่มเพื่อรับการบำบัด แต่ยิ่งเข้ากลุ่ม ยิ่งทำให้ทั้งคู่กลับจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งความทุกข์ (เพราะการเข้ากลุ่มบำบัด แต่ละคนล้วนระบายความทุกข์ตรงออกมา) ทำให้ ‘เบ็คก้า’ ถอนตัวออกมา ทิ้งให้ ‘ฮาร์วี่’ หาทางบำบัดความโศกเศร้าเพียงลำพัง

 เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ‘เบ็คก้า’ เพราะปัญหาถาโถมเธอมาไม่ขาดสาย เมื่อน้องสาวเกิดไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาทในผับ และทำให้เรารู้ว่า พื้นฐานครอบครัวของเธอค่อนข้างมีปัญหา ตั้งแต่มีแม่เพียงคนเดียวคอยดูแล น้องสาวไม่เอาถ่านที่กำลังตั้งท้องกับแฟนหนุ่มนักดนตรีซึ่งดูจะไม่มีอนาคต

 ขณะที่หนังบอกเล่าเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ เวลาเดียวกันก็อธิบายรายละเอียดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับครอบครัวของ ‘เบ็คก้า’ ไปพร้อมๆ กัน (ทั้งฝ่ายแม่ และสามี) คนดูได้รู้ว่า หลังลูกชายเธอเสียชีวิต ‘เบ็คก้า’ พยายามห่างของสิ่งของที่ใกล้ชิดกับลูก ไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่เคยเลี้ยง (ตัวการสำคัญที่ทำให้ลูกเธอตาย) ข้าวของและเสื้อผ้าของลูกที่เธอหมั่นนำมาทำความสะอาด ก่อนจะนำไปมอบให้น้องสาว(แต่ถูกปฏิเสธ) รวมถึงก่อนหน้านี้น้องชายของเธอก็เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด

 ทางออกจากปัญหาประดามีที่ทับถมมาเนิ่นนาน รวมถึงสถานะ ‘แม่บ้าน’ ที่ไม่มีโอกาสพบเจอโลกภายนอก (และความพยายามปิดกั้นตัวเองจากสังคม) วันหนึ่งมีเหตุบังเอิญให้ ‘เบ็คก้า’ พบคนที่ขับรถชนลูกชายเธอ และออกเฝ้าติดตามเด็กหนุ่มคนนั้น จนเขารู้ตัวพร้อมกับสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน ขณะที่ ‘ฮาร์วี่’ ก็เพิ่มความสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวที่เข้าร่วมกลุ่มบำบัดด้วย

 ‘โพรงกระต่ายอันมืดมิด’ ล้วนเชื่อมโยงถึงกัน โดยที่เราอาจคาดไม่ถึง

 ‘ฮาร์วี่’ และ ‘เบ็คก้า’ กำลังจะนอกใจกันหรือไม่?...ทั้งคู่จะบอกเลิกกันหรือปล่า? นี่ความสนุกของ “Rabbit Hole” อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราแอบลุ้นไปตลอด (แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนังดราม่าหนักๆ เรื่องหนึ่งก็ตาม)

 หากใครที่มีโอกาสดูหนังตัวอย่างเรื่องนี้ คงพอจะทราบเรื่องราวโดยย่อ แต่สำหรับคนที่ไม่มีข้อมูล(ซึ่งอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว คงรู้เกือบหมดแล้วล่ะ) ก็จะดูหนังได้สนุกยิ่งขึ้น เพราะบทอันชาญฉลาด ที่แม้จะพยายามกลบเกลื่อนปมบางอย่างแล้ว แต่ระหว่างทางก็ค่อยๆเผยรายละเอียดให้เราได้รู้ตั้งแต่ ปูมหลังของตัวละคร ความรวดร้าวที่แต่ละคนพยายามเก็บซ่อน หลีกเลี่ยงที่จะปะทุจนอาจเกิดปะทะกันออกมา (ซึ่งสุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้) ที่สำคัญ มันเป็นการอธิบายเหตุผลของการกระทำแต่ละคนให้เราได้รู้ โดยต่างก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจ และไม่สามารถชี้ถูก-ผิดในการกระทำของเขาและเธอ

 ไม่เพียง นิโคล คิดแมน ที่แบกรับหนังทั้งเรื่อง และเป็นดาวเพียงดวงเดียวที่จรัสแสง (ในฝีมือการแสดง)เท่านั้น แต่ อารอน แอ็คฮาร์ท ความสามารถทางการแสดงของเขาก็ยิ่งหย่อนไม่แพ้กัน (ไม่แพ้บท ‘Two-Face’ ใน “Batman Dark Knight” เลยทีเดียว) ไม่เว้นแม้แต่ ไดแอน วีสต์ กับบท ‘แม่’ ที่ไว้ลายกับความ ‘เก๋า’ ที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้กับนักแสดงรุ่นน้องอย่าง ‘คิดแมน’ แม้แต่น้อย

 การแสดงอาการ ‘เก็บงำ’ ของทั้งสามคน ล้วนถ่ายทอดผ่านทางสีหน้า-อารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม และเมื่อแต่ละคนถึงเวลา ‘ระเบิดอารมณ์’ ต่างก็ทำได้เยี่ยมยอดแบบ ‘ขั้นเทพ’ ที่แสดงออก มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่สถานการณ์ ‘คิดแมน’ เล่นแบบเก็บเล็กผสมน้อย ก่อนปลดปล่อยแบบพรั่งพรู(ใยนฉากที่เห็นหนุ่มน้อยควงแฟนสาวร่วมพิธีแต่งงาน) ส่วน ‘แอ็คฮาร์ท’ เล่นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผ่อนหนังผ่อนเบา เข้ากับจังหวะของอารมณ์และช่วงเวลาในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง ‘ป้าวีสต์’ ถือว่าปล่อยของชนิดที่รุ่นน้อง รุ่นหลาน ‘ต้องอาย’ ในฉากที่สถานการณ์เป็นตกของเธอ

 แม้พล็อตของ “Rabbit Hole” จะดูเรียบง่าย แต่ก็ถือว่ามากด้วยชั้นเชิงในการปะติดปะต่อ และรู้จักวางจังหวะในการบีบคั้นและผ่อนคลาย โดยไม่รู้สึกเค้นอารมณ์อย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งกับคนดูและตัวละคร...นี่คือหนังที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งในส่วนของ ‘บท’ และ ‘การแสดง’ แม้จะมาในแนวทางเดิมๆ ไม่มีความแปลกใหม่ใดใดเลยก็ตาม

ชื่อเรื่อง : Rabbilt Hole
ผู้เขียนบท : David Linsay - Abaire
ผู้กำกับ : John Cameron Mitchell
นักแสดง : Nicole Kidman, Aron Eckhart, Dianne Wiest
เรทภาพยนตร์ : น.18 ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ชมอายุ 18 ปีขึ้นไป
วันที่เข้าฉาย : 24  กุมภาพันธ์ 2554
โรงภาพยนตร์ : พารากอนซิเพล็กซ์ สยามพารากอน, เอสเอฟเวิลด์ซิเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์, เฮ้าส์ อาร์ซีเอ, ลิโด้ สยามสแควร์

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"