
ศิลป์แห่งแผ่นดิน - เสน่ห์หงสาวดี
เมืองหงสาวดีอยู่ในรัฐมอญ ชาวมอญเรียกหันตาว์วดี พม่าเรียก บาโก คนไทยว่า พะโค มีสัญลักษณ์เป็นรูปหงส์ขี่หงส์ ตำนานสืบมาแต่ครั้งสร้างเมืองเรื่องหงส์คู่ผัวตัวเมีย ร่อนลงหาที่เกาะ โดยที่เหมาะๆ ดันมาเกาะหลังกัน ส่วนตัวผู้หรือตัวเมียใครจะอยู่ล่างอยู่บนก็เชิญท่า
ผมมีโอกาสมาเยือนพม่าอีกครา โดยคราวนี้พาแม่และลูกชายคนโตมาด้วย เด็กชายผาเมฆ ที่ร้องเพลงชุดสวัสดีอันลือลั่น (แบบเงียบๆ) ตามคลื่นวิทยุ “คลื่นครอบครัว” นั่นแหละครับ อย่างน้อยก็มีเด็กๆ สักกลุ่มเล็กๆ เคยฟัง เพราะคราวที่ผาเมฆไปร่วมร้องเพลงในการแสดงดนตรี (เล็กๆ) ของศักดิ์สิริ และสหาย ที่หอศิลป์ฯ กทม. ก็มีแฟนเพลงไปเป็นหน้าม้าอยู่ตั้ง 2-3 คน เชียวครับ ส่วนแม่ของผม ชุมสาย นั้น ท่านเป็นนักเขียนอาวุโส “รางวัลนราธิป” ครับ
เรามาไหว้มหาเจดีย์ชเวดากองในช่วงวัน “มาฆบูชา” ซึ่งเป็นเวลาที่แสนดี แล้วเราก็เลยไปเที่ยวเมืองหงสาวดี ไหว้พระธาตุมุเตา (ซึ่งมีความสูงกว่าชเวดากองอยู่ราวๆ 4-5 เมตร) อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาวมอญ
รอบบริเวณเจดีย์แห่งนี้ มีต้นพลับ (Persimon) อยู่หลายต้น อายุกว่าร้อยปี แต่ละต้นแผ่กิ่งก้านสาขาใบดกหนาทึบ และกำลังออกผลสะพรั่ง ผมเคยเก็บผลพลับสุกจากต้นใดต้นหนึ่งไปปลูกที่บ้าน (เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว) ปัจจุบันลำต้นสูงเลยเอวแล้ว
พระธาตุมุเตานี้เคยประสบอุบัติภัยแผ่นดินไหวหลายครั้งในอดีต ปรากฏหลักฐานคือ ยอดเจดีย์ส่วนหนึ่งที่หักลงมา ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจที่ใครๆ ก็มาชม ตั้งอยู่ข้างฐานองค์เจดีย์นั่นเอง
จากพระธาตุมุเตา เราไปชมพระราชวังบุเรงนอง ที่สร้างขึ้นใหม่ ตามหลักฐานเดิมที่ขุดค้นพบซากเสาไม้สัก ร่องรอยผังสถาปัตยคาร ความงดงาม ความประณีตด้อยกว่าพระราชวังที่มัณฑะเลย์ แต่ก็พอให้จินตนาการถึงประวัติศาสตร์ยุครุ่งเรือง สมัยพระเจ้าบุเรงนอง จนสู่ความล่มสลายด้วยการโจมตีเผาทำลายของพวกตองอูและยะไข่ ในยุคพระเจ้านันทบุเรง รุ่นลูก จินตนาฯ ดังว่าหาใช่ประกอบด้วยภูมิรู้แบบนักเรียนประวัติศาสตร์หรอกครับ แต่ออกไปทางนิยาย ผู้ชนะสิบทิศเสียมากกว่า ว่าแล้วก็ครวญเพลง “ฟ้าลุ่มอิระวดี คืนนี้มีแต่ดาว...”
ผมเป็นนักท่องเที่ยวแบบไม่ค่อยสนใจจะลงลึกอะไรกับเขาหรอกครับ โดยเฉพาะการเที่ยวแบบมีมัคคุเทศก์ ผมก็มักจะเดินเลี่ยงหนีกลุ่มใหญ่ไปโต๋เต๋หาแง่หามุมตามลำพัง ไปเที่ยวพระราชวังแต่กลับถ่ายภาพ
เด็กๆ มามากมายทั้งชายหญิง โดยเฉพาะที่ “ชเวตาเลียว” หรือ “พระนอนหน้าหวาน” ซึ่งมีเด็กๆ นับหลายสิบคนมาวิ่งเล่นซุกซนอยู่บนวิหารรอบๆ องค์พระไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้าเป็นที่เมืองไทย เด็กๆ คงวิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวกันแบบนี้ไม่ได้ ผมรู้สึกดีเอามากๆ เชียวครับ ที่ได้เห็นพวกเขาสนุกสนานร่าเริง หัวเราะกันดังลั่นอยู่ในบรรยากาศแห่งศรัทธา
มาพม่าคราวนี้ผมได้ถ่ายภาพเด็กๆ นับร้อยภาพ ส่วนภาพเจดีย์ พระราชวัง พระนั่งพระนอน พระตาหวาน พระหน้าหวาน และบรรดาศาสนสถาน ศาสนวัตถุทั้งหลายนั้น ผมถ่ายไว้ครบถ้วนตั้งแต่การมาเยือนครั้งก่อน และไม่แน่ ผมอาจเคยถ่ายภาพเด็กบางคนไปก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้
"ศักดิ์สิริ มีสมสืบ"