บันเทิง

Shinjuku Incident

Shinjuku Incident

09 เม.ย. 2552

ในวัย 54 ปีของ แจ็คกี้ ชาน หรือ เฉินหลง อายุขัยที่ล่วงเลย สังขารที่อ่อนล้า กำลังวังชาที่ร่วงโรย บทบู๊เตะต่อย อาจไม่ใช่ของง่ายอีกต่อไป

 ดังนั้นการพยายามหาที่อยู่ที่ยืนให้ได้ในวงการ คือการขยับขยายบทบาทออกไปจากที่เคยเป็น และบทดราม่าที่ต้องใช้ความสามารถทางการแสดงมากกว่า โชว์ลีลาศิลปะการต่อสู้เหมือนที่ผ่านมาน่าจะเป็นคำตอบของดารานักบู๊คนนี้ และดูเหมือนว่าการเปลี่ยนจากสถานภาพ ‘นักบู๊’ ไปสู่การเป็น ‘นักแสดง’ อย่างเต็มตัวของเฉินหลง ก็อยู่ที่หนังเรื่อง “Shinjuku Incident” นี่เอง หลังจากพยายามลองหันมาให้น้ำหนักกับบทดราม่ามากขึ้นตั้งแต่หนังเรื่อง ‘Police Story 5’ ที่ผ่านมา และคงพอมองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น

 สำหรับแฟนๆ ของเฉินหลงที่คาดหวังว่าจะได้เห็นบทตีต่อย และลีลาการต่อสู้ที่แคล่วคล่องว่องไวของเขาในหนัง “Shinjuku Incident” เรื่องนี้แล้วล่ะก็ อาจต้องผิดหวังครับ เพราะเฉินหลงไม่ได้โชว์ศักยภาพทางด้านการต่อสู้ของเขาได้เห็นแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับพยายามเน้นบทบาทการแสดงที่เข้มข้น การแสดงออกถึงความเก็บกดทางอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน และในบางฉากก็ถึงขั้นระเบิดออกมาอย่างพรั่งพรู (แต่ก็เป็นไปอย่างพอดี ไม่ฟูมฟาย)

 ตัวหนังนั้นเล่าถึง คนจีนแผ่นดิน ใหญ่ที่แอบเดินทางเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น เป็นพวกหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ใช้ชีวิตในย่าน ‘ชินจูกุ’ ศูนย์รวมธุรกิจการค้าที่สำคัญ และแหล่งบันเทิงมากมาย โดยหารายได้เลี้ยงชีพด้วยการขายแรงงานทุกประเภทเท่าที่ทำได้ ตั้งแต่กรรมกรแบกหาม เก็บขยะ ขุดลอก ล้างท่อระบายน้ำ เป็นแรงงานชั้นต่ำที่คนญี่ปุ่นเองไม่ประสงค์จะทำ ซึ่งคนจีนที่หลบหนีเข้าเมืองเหล่านี้มีเป็นจำนวนมากและอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ในขณะที่บางส่วนก็หากินอย่างผิดกฎหมายใช้ชีวิตแบบมิจฉาชีพ ลักเล็กขโมยน้อย ค้าของเถื่อน ไปจนถึงเข้าร่วมอยู่กลุ่มแก๊งมาเฟีย

 การเดินทางมาญี่ปุ่นของคนจีนเหล่านี้ แน่นอนว่าจุดหมายของพวกเขาอยู่ที่การมีชีวิตที่ดีกว่า แต่สำหรับอดีตคนซ่อมรถแทรคเตอร์ ซึ่งรับบทโดย เฉินหลง จุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่งของเขาก็คือการเดินทางมาตามหาหญิงคนรัก ก่อนจะพบว่าเธอกลายเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าไปซะแล้ว

 ในช่วงครึ่งแรกของหนัง เป็นการพยายามสะท้อนภาพของคนจีนที่ใช้ชีวิตในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมือง และการพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยการหาเลี้ยงปากท้อง จากงานทุกอย่างเท่าที่ทำได้ และส่วนใหญ่เป็นงานขายแรงงานโดยสุจริต ถึงแม้จะถูกกดขี่ค่าแรงเพียงใดก็ตาม และการใช้ชีวิตอย่างหลบเลี่ยงกฎหมายแบบนี้ จึงไม่สามารถหลีกหนีที่จะเข้าไปพัวพันกับงานผิดกฎหมายได้ แม้จะเป็นงานลักขโมย และฉ้อโกงเล็กๆ น้อยๆ แต่ในที่สุดความเป็นคนนอกกฎหมายที่ถูกคนญี่ปุ่นเองหยามเหยียด รวมทั้งเผลอไปเหยียบตาปลาแก๊งยากูซ่าเข้าอย่างจังด้วยการแอบโกงเครื่องเล่นหยอดเหรียญ คนจีนกลุ่มนี้จึงถูกระรานและกดขี่ข่มเหงถึงขั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด และไม่ว่าเพราะความตั้งใจที่จะได้มีโอกาสพบเจอหน้าคนรัก หรือเพราะความตั้งใจแก้แค้นแทนเพื่อนของอดีตคนซ่อมรถแทรคเตอร์คนนี้ ในที่สุดเขาก็ขยับฐานะมาเป็นคนสนิทหัวหน้าแก๊งยากูซ่าคนหนึ่ง ด้วยการช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากการลอบสังหารของมาเฟียอีกกลุ่ม จากนั้นมาปากท้องของคนจีนกลุ่มนี้ก็ได้รับการดูแลอย่างดี รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็พาตัวเองเข้าไปเสี่ยงชีวิตด้วยการข้องเกี่ยวกับธุรกิจมืดนอกกฎหมายมากขึ้นเช่นกัน

 “Shinjuku Incident” เดินมาในแนวทางของหนัง ดราม่า-แก๊งสเตอร์ ที่ปฏิเสธการโชว์ลีลาการต่อสู้ในฉากแอ็กชั่น มากไปว่าการมุ่งชำแหละชีวิตผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ภายใต้สภาพสังคมที่เต็มไปด้วยการฉ้อฉลของโลกอาชญากรรม ที่ภายนอกดูเหมือนฟุ้งเฟ้อ สุขสบาย แต่ภายในกลับเต็มความลวงหลอก ปราศจากการไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน และคำว่า ‘มิตรภาพ’ ดูเหมือนไม่สามารถเกิดขึ้นในได้ในโลกใต้ดินใบนี้... เรื่องราวแบบนี้ บทแบบนี้ น่าจะเป็นที่ต้องการของดาราสักคนที่ต้องการพิสูจน์ความสามารถทางการแสดงของตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ และ ‘เฉินหลง’ เอง ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนักแสดงกลุ่มนี้ (เพราะนอกจากรับบทนำแล้ว เขายังมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้อำนวย การสร้างร่วมอีกด้วย)

 ที่สำคัญบทบาทในหนังเรื่องนี้ก็ได้พิสูจน์ว่า เขาเองเดินทางมาไกลพอสมควรจากจุดเริ่มต้นในฐานะดารานักบู๊ ทุกมิติ ทุกอารมณ์ของตัวละครในหนัง “Shinjuku Incident” เรื่องนี้ ดูเหมือน ‘เฉินหลง’ จะพยายามถ่ายทอดออกมาได้ครบถ้วน รอบด้าน เท่าที่ประสบการณ์และความสามารถทางการแสดงของเขาที่ผ่านมาจะบ่มเพาะ กลั่นกรอง จนกระทั่งแสดงศักยภาพออกมาให้เห็นว่าเขาทำได้ เราเห็นความพยายามในการเก็บกัก เก็บกด ความรู้สึกของ ‘คนนอกสังคม’ ผู้ถูกกระทำย่ำยี คนที่ต้องหาทางเอาตัวรอด จนเมื่อมายืนจุดหนึ่ง การหาทางประคับประคองเพื่อให้อยู่รอดต่อไปด้วยการพยายามเดินเข้าไปหาแสงสว่าง (ในธุรกิจที่ทำอย่างถูกกฎหมาย) ก็ดูจะเป็นเรื่องยากเย็นเข็ญใจอยู่ไม่น้อย สำหรับคนดีที่กลายเป็นคนเลว และพยายามกลับไปฟอกตัวเพื่อกลับมาเป็นคนดีอีกครั้งก็ตาม หนังพยายามชูความเป็นคนที่มีจิตใจดีของตัวละครนี้ ด้วยการให้เขาเข้าไปช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาถึงสองครั้ง แต่ครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการแนะนำตัวละครหญิง คนรักคนใหม่ของเฉินหลง ที่มีอาชีพสาวบาร์ ส่วนอีกครั้งเพื่อเป็นสะพานเชื่อมไปหาคนรักเก่า แม้เป็นการพยายามทำความดีถึงสองครั้ง แต่ก็เชื่อมโยงถึงด้านมืดจากผลของความฟ่อนเฟะในสังคม และเจตนาที่ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์อีกต่อไป

 “Shinjuku Incident” อาจจะไม่ได้เป็นความพยายามในการปรับเปลี่ยนบทบาทใหม่ๆ ของเฉินหลง หากแต่คือความตั้งใจของเขาต่างหาก ที่เลือกจะเปลี่ยนตัวเองไปสู่แนวทางการทำงานใหม่ๆ เพราะนอกจากการเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้แล้ว ผู้กำกับที่เขาร่วมงานด้วยอย่าง ‘เอ๋อตงเซิง’ ก็เป็นคนทำหนังที่ระยะหลังๆ มุ่งมั่นกับการทำหนังสะท้อนชีวิตผู้คนชั้นล่างที่ตกเป็นเบี้ยล่างในโลกแห่งอาชญากรรมเสมอ หนังก่อนหน้านี้ของเขาก็คือ ‘One Night in Mongkok’และ ‘Prot?g?’ สุดท้ายบทบาทใหม่ของเฉินหลงจะเป็นที่ยอมรับของแฟนหนังได้หรือไม่ คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"