บันเทิง

Hanamizuki

Hanamizuki

13 ม.ค. 2554

ในทวีปเอเชีย ประเทศที่มีอุตสาหกรรมหนังเติบโตมากที่สุดนอกจากอินเดียแล้ว ก็เห็นจะเป็นประเทศแถบในเอเชียแปซิฟิค อย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นี่ล่ะครับ แต่ถ้าเทียบกันเรื่องความยืนยาวและมั่นคงสม่ำเสมอแล้ว อุตสาหกรรมหนังของญี่ปุ่นดูจะเหนือกว่า และเต็มไปด้วยความหลา

  ถ้าจำแนกคนทำหนังของญี่ปุ่นกับแนวถนัดหรือผลงานที่สร้างชื่อ หากมาในแนวหม่นมัว ลึกลับ วิพากษ์สังคมไปในเวลาเดียวกัน ต้องนึกถึงชื่อของ คิโยชิ คุโรซาว่า และถ้ามาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท ฮิเดโอะ นากาตะ คือผู้กำกับที่รับประกันได้ โหดหน่อยก็ต้องทาเคชิ มิอิเกะ ส่วนตำแหน่งคนทำหนังมือรางวัลต้องยกให้กับนาโอมิ คาวาเสะ และคนที่เชี่ยวชาญกับเทคนิคพิเศษ โดยสามารถผสมผสานเนื้อหาอันลงตัว และนำมาซึ่งความซาบซึ้งประทับใจได้ ผู้กำกับอย่าง ทาคาชิ ยามาซากิ ไม่นับรวมคนทำหนังแก๊งสเตอร์เก่งๆ อย่างทาเคชิ คิตาโน่ และที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงอีกมาก แต่สำหรับคอหนังบ้านเรา ผู้กำกับหนังรักที่คนไทยรู้จักมักคุ้นก็อย่าง ชุนจิ อิวาอิ และโนบุฮิโร่ โดอิ

 ถ้าให้นึกถึงหนังรักสักเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของนักดูหนัง ชื่อของ “Be With You” น่าจะอยู่ในใจของใครหลายคนหลังออกฉายเมื่อ 5 ปีก่อน และถ้าให้เอ่ยชื่อของหนังรักแสนเศร้าเคล้าน้ำตาในอีกสองปีถัดมา หนังอย่าง “Nada Sou Sou” น่าจะเป็นชื่อแรกให้นึกถึงอีกเหมือนกัน

อันที่จริง “Hanamizuki” ผลงานลำดับที่สามของผู้กำกับ โนบุฮิโร่ โดอิ ก็เป็นหนังรักที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเทียบเคียงกับเรื่องที่ผ่านมาของเขาเอง หรือพิจารณาหนังรักที่พบเห็นได้ทั่วไป เผลอๆ พล็อตเรื่องอาจจะเชยกว่าละครไทยด้วยซ้ำ ทั้งในเรื่องรักที่พลัดพราก รักแรกพบของเด็กวัยรุ่นที่กลายเป็นรักฝังใจยากจะลืมเลือน เรื่องราวเหล่านี้ยากที่จะเล่าด้วยกลวิธีใหม่ๆ ให้น่าสนใจ แต่สำหรับผู้กำกับ ‘โนบุฮิโร่’ แล้ว ดูเหมือนเขาจะรู้ทางทางหนีทีไล่ เล่นเป็น และขยี้ได้ถูกจังหวะ ถือว่าแม่นยำในศาสตร์ของการทำหนังแนวนี้เลยทีเดียว

 “Hanamizuki” เล่าถึงความรักของเด็กหนุ่มชาวประมงและสาวน้อยผู้คงแก่เรียนคู่หนึ่ง ที่ประสบเหตุร่วมกันโดยบังเอิญ ระหว่างทั้งคู่เดินทางไปสอบในเมือง คนหนึ่งไปสอบใบขับขี่ ส่วนอีกคนหนึ่งตั้งใจไปสอบวิชาภาษาอังกฤษ แม้การสอบครั้งแรกของเขาและเธอจะพลาด แต่หลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างดูแล เป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นความรัก ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะออกเดินทางตามหาความฝัน ด้วยการเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียว ขณะที่ฝ่ายชายยังมุ่งมั่นกับการเป็นชาวประมงตามรอยผู้เป็นบิดา อันนำมาซึ่งความพลัดพรากจากกันในที่สุด

 พล็อตเก่าๆ วิธีเล่าเรื่องเดิมๆ ที่แทบจะรู้ล่วงหน้ากันฉากต่อฉากเลยว่า เหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร จะสิ้นสุดลงเอยกันที่ไหน แต่ทักษะของการชักนำองค์ประกอบรอบข้าง จนถือเป็นศาสตร์(หรือบางคนอาจจะเรียกสูตรสำเร็จก็ตาม) ในการทำหนังรัก กลับทำให้หนังดูเพลินไปจนจบโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายมากนัก ทั้งๆ ที่ตัวหนังกินเวลานานร่วม 2 ชั่วโมงก็ตาม

 ภาพสวย เพลงเพราะ พระเอกหล่อ นางเอกน่ารัก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับหนังรักกระชากใจเรื่องหนึ่งที่สามารถจับใจคนดูให้เคลิ้มตามได้ไม่ยาก “Hanamizuki” ดูเหมือนจะพร้อมด้วยองค์ประกอบเหล่านั้น แต่การจะโน้มน้าวอารมณ์ร่วมของคนดูได้สำเร็จหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่อง

 นอกจากผู้กำกับเก่งๆ แล้ว นักแสดงจากแดนปลาดิบ มาตรฐานการแสดงโดยรวมถือว่าใช้ได้ ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ที่เหนือกว่าดาราบ้านเราก็คือ นักแสดงวัยรุ่นวัยรุ่นค่อนข้างใส่ใจกับการแสดงของตัวเอง จริงจัง และทุ่มเท ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า นักแสดงวัยรุ่นบ้านเราขาดความรับผิดชอบนะครับ หากแต่อาจจะมีเวลาฝึกฝนและพัฒนาฝีมือตัวเองไม่มากพอ ขาดคนชี้นำที่ดี ดารา-นักร้องวัยรุ่นชื่อดังหลายคน จึงตกม้าตายเวลาปรากฏตัวอยู่หน้าจอ ในขณะที่อีกหลายคน ถ้าไปอยู่ในมือผู้กำกับแข็งๆ ก็สามารถเอาตัวรอด หรือไม่ก็เฉิดฉายรัศมีแห่งดาราไปได้อย่างสบาย (ลองนึกถึง ‘สายป่าน’ อภิญญา สกุลเจริญสุข ในหนังเรื่อง “พลอย” และ ‘กิ๊ฟซี่’ วนิดา ในหนัง “นางไม้” ของผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง ‘มาริโอ’ และ วิชญ์วิสิษฐ์ ในหนัง “รักแห่งสยาม” รวมทั้ง ‘ใบเฟิร์น’ พิมพ์ชนก ใน “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก”)

 เสน่ห์ของ “Hanamizuki” ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นที่รักของคนญี่ปุ่นคือ อารางากิ ยูอิ และ โทมะ อิคุตะ ถ้าขาดเขาและเธอคู่นี้ ภาพสวยๆ เพลงๆ ในหนังเรื่องนี้ คงจะจืดชืดไร้สีสันเป็นแน่แท้

ชื่อเรื่อง : Hanamizuki
ผู้เขียนบท-กำกับ : โนบุฮิโร่ โดอิ
นักแสดง : อารางากิ ยูอิ, โทมะ อิคุตะ, โอซามุ มิคาอิ, ยาสุชิมารุ ฮิโรโกะ
เรตติ้ง : ท. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ชมทั่วไป
วันที่เข้าฉาย : 23 ธันวาคม 2553
โรงภาพยนตร์ : เฮ้าส์ อาร์ซีเอ, ลิโด้ สยามสแควร์

" ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"