บันเทิง

วันนี้ที่ก้าวเป็นผู้ใหญ่ 
กับอดีตเด็กชายจิรายุ

วันนี้ที่ก้าวเป็นผู้ใหญ่ กับอดีตเด็กชายจิรายุ

08 ม.ค. 2554

เริ่มต้นเล่นละครให้คนดูได้คุ้นหน้าคุ้นตากันตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ในละคร ผีขี้เหงา มาวันนี้ "เก้า" จิรายุ ละอองมณี เติบใหญ่เป็นหนุ่มหน้าใส ถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่ ด้วยความเปลี่ยนแปลงจากวัยเยาว์ ก้าวสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มกันแล้ว และเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปีนี้ บั

 ผลงาน(ไม่)เด็ก
 ผลงานตอนนี้
 
 ตอนนี้มีหนังเรื่อง เลิฟ จุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก ค่ายเอ็ม 39 กับหนังของจีทีเอช ซึ่งตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องอะไร เพราะว่ามันมีอะไรให้เซอร์ไพรส์หลายอย่างด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีละครเรื่อง คู่แค้นแสนรัก ของค่ายโพลีพลัส ตอนนี้ก็ถ่ายไปเรื่อยๆ ไม่หนักเท่าหนัง น่าจะถ่ายใกล้เสร็จแล้ว

 บทบาทใน คู่แค้นแสนรัก
 โตตามวัย แต่ก็ไม่ถึงกับโตมาก ในเรื่องก็มีต้องเข้าฉากกับพี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) บ้างนิดหน่อย ในเรื่องผมเล่นเป็นน้องชายของพี่อ้วน (รังสิต ศิรนานนท์) เป็นนักดนตรี เล่นดนตรี ร้องเพลง ผมก็ไม่รู้ว่าบทที่ได้รับเด่นมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าเขายังไม่ได้ตัดต่อออกมา

 บทบาทที่ได้รับตอนนี้ แตกต่างไปจากช่วงวัยเด็กอย่างไรบ้าง
 แล้วแต่เรื่อง ที่จริงบทบาทที่ได้รับ ช่วงอายุในเรื่องก็เท่าเดิมตลอด แต่จะแตกต่างกันที่คาแรกเตอร์ บางเรื่องคาแรกเตอร์ก็เด็ก บางเรื่องก็โตขึ้นมานิดหน่อย อย่างในละครนี่ ผู้กำกับก็จะให้ปรับท่าทางการเดิน การพูดให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะผมก็ยังเด็ก บางทีท่าทางก็ยังเด็ก ซึ่งก็ยากเหมือนกันที่ต้องปรับ เพราะว่ามันไม่เป็นธรรมชาติของตัวเอง

 ปรับท่าเดินอย่างไรถึงจะเป็นผู้ใหญ่
 นั่นน่ะสิ ตอนแรกผมก็คิดเหมือนกัน ว่าผู้ใหญ่เขาเดินกันยังไง แต่พี่เขาก็บอกให้ผมเดินไปตามปกติ คือผมเป็นคนเดินไม่ปกติไง เดินเหมือนคนกางเกงเป้าขาด (หัวเราะ) ถ้าคนรู้จักผมก็จะรู้ คือตอนเดินเราก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่มาดูในกล้องแล้ว รู้สึกว่าเดินแปลกๆ เหมือนกัน ปกติคนเรามีท่าเดินเป็นของตัวเอง แต่ถ้าหากว่าเล่นละคร เราก็ต้องปรับ แต่ชีวิตจริงผมก็ยังเดินเหมือนเดิม
 
 จะมีละครอีกไหม
 ถ่ายเรื่อง คู่แค้นแสนรัก จบแล้วค่อยว่ากัน เพราะว่าผมต้องเรียนด้วย มีงานแล้วก็ต้องสอบด้วย ตอนนี้ยังไม่คิดจะรับอะไรใหม่ เอาให้เสร็จกันเป็นเรื่องๆ

 เล่นทั้งหนังและละคร ชอบอะไรมากกว่า
 จริงๆ ผมชอบหนังมากกว่า เพราะว่าหนังมันดูสมจริงกว่าละคร มันเหมือนเราใส่ความเป็นคนเข้าไปได้เยอะกว่า ละครมันเหมือนกับเราต้องฝืนธรรมชาติ แต่ก็แล้วแต่บางคนก็อาจจะชอบละครมากกว่า แต่ถ้าใครที่ชอบอะไรที่สมจริง ก็คงจะต้องดูหนัง
 
 ได้ชื่อว่าเป็น "พระเอก" ตั้งแต่เด็กรู้สึกอย่างไร
 จริงๆ ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่ผมได้เป็นพระเอกเลยนะ ผมเองก็ยังไม่มั่นใจ ว่าจะเรียกตัวเองว่าพระเอก เพราะผมว่ามันยังไม่ถึงเวลา อนาคตจะได้เป็นพระเอกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ให้ผู้ใหญ่เขาได้เป็นพระเอกกันไปก่อนดีกว่า ตอนนี้ก็อาจจะเรียก ว่าผมเป็นตัวนำ เป็นนักแสดงนำไปก่อน ส่วนใครจะเรียกผม ว่าเป็นพระเอก ก็แล้วแต่คนคิด แต่ผมก็ยังเป็นแค่เด็ก ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพระเอก เพราะเป็นพระเอกได้ ก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ซะก่อน

 ตอนนี้คิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง
 ยังไม่คิด ผมคิดว่าตัวเองเป็นเด็ก แล้วก็ยังไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ด้วย เพราะว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วเครียด ไม่รู้จะรีบเป็นไปทำไม ผมยังไม่อยากทิ้งความเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ต้องคิดเยอะ แต่นี่ผมคิดเองนะ

 อะไรที่ทำให้เก้ามองว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่
 ผมก็ยังเด็กทุกอย่าง ยังเล่นกับเพื่อน ใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเด็กปกติทั่วไป

 เทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เก้าเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนไหม
 คงแล้วแต่ ว่าเทียบกับเพื่อนคนไหน เพื่อนผมส่วนใหญ่ก็เหมือนผม แต่บางเรื่องผมก็จะโตกว่าเขา อย่างเรื่องการทำงาน แต่ถ้าถามเรื่องเรียน เพื่อนผมก็จะโตกว่า เพราะว่าเพื่อนมีเวลาเรียนมากกว่าผม
 
 คิดส์คิด
 คุณแม่เป็นผู้ผลักดันเข้าวงการหรือเปล่า
 ไม่ใช่ ผมเข้าวงการได้เป็นความโชคดีมากกว่า มันเป็นความบังเอิญมากๆ ที่จู่ๆ ก็มีคนเรียกผมไปแคสติ้ง แล้วผมก็ได้งานมาเรื่อยๆ มีงานมาตลอด คุณแม่ผมเขายังไงก็ได้ จะถามผมตลอดว่างานนี้อยากทำไหม งานนี้รับไหม ซึ่งถ้ามันไม่เสียหายก็ทำ แต่ทุกวันนี้ ถ้าหากว่าที่โรงเรียนมีกิจกรรม แล้วตัวผมมีงาน ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากทำกิจกรรมของโรงเรียนมากกว่า อยากเป็นเหมือนเด็กปกติมากกว่า ผมว่าเด็กทุกคนแหละ ที่เป็นแบบผม บางทีหน้าที่ผมในช่วงวัยนี้ จริงๆ อาจจะยังไม่ควรต้องมาทำงานแบบนี้ แต่มันก็ถือว่าเป็นอะไรที่มาช่วยเสริมช่วยพ่อ แต่ถ้าให้เลือกได้ ก็อยากจะใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติทั่วไป

 ทุกวันนี้ใช้ชีวิตปกติไหม
 เอาจริงๆ ถ้าเวลาไปโน่นมานี่ ก็มีคนจำได้ มันก็ไม่ปกติหรอก แต่ผมก็ไม่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นดารา แต่การที่เราไปโผล่หน้าจอทีวี แล้วจะให้คนจำไม่ได้ มันก็ยาก ผมเองไม่ซีเรียส ถ้าเขาชื่นชม ผมก็ภูมิใจ

 แล้วชอบไหมกับงานที่ทำทุกวันนี้
 มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แต่มีสิ่งที่ชอบเยอะกว่า เพราะถ้าไม่ชอบเลย คงจะทำไม่ได้มาขนาดนี้ มันก็โอเค เราก็ทำไปก่อน เพราะมันได้ตังค์ แล้วก็มีคนชื่นชอบเราด้วย แต่ถ้าถามว่าจริงๆ แล้วผมชอบอะไร ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เรียนไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วก็คงจะรู้

 คิดอย่างไรบ้างที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็ก
 ผมถ่ายละครเรื่องแรกคือ ผีขี้เหงา ตอนนั้นอายุ 6-7 ขวบ ตอนนั้นก็ทำไปงั้นๆ ความรู้สึกเหมือนเราได้หยุดเรียนแล้วไปเที่ยว ยังไม่รู้จักอะไรมากนัก มันไม่ยากมาก แต่ก็จะมีช่วงเบื่อเหมือนกัน แต่ก็ทำเรื่อยมา เพราะว่าเรารับมาแล้ว ทุกคนก็พยายามจะช่วยพูดให้ผมเข้าใจว่าทำไมต้องทำ

 แสดงว่ารู้จักคำว่า "รับผิดชอบ" ตั้งแต่เด็ก
 มันก็ต้องฝึกเกี่ยวกับความรับผิดชอบกันทุกคน แต่วันนั้นของผมอาจจะมาถึงเร็วกว่าคนอื่น เพราะสุดท้ายพอทำเสร็จแล้ว เราก็เหมือนได้รับรางวัล

 ขาดช่วงวัยเด็กไปบ้างไหม
 ไม่เลย เพราะผมไม่ได้รับงานตลอด ผมก็ยังมีเวลาว่างไปเล่นกับเพื่อนๆ บ้าง เพราะผมก็จะบอกแม่ว่าขอรับปกติ มีเวลาว่างบ้าง ไม่งั้นมันเหนื่อยเกินไป คงรับงานทุกอย่างไม่ได้ เอาที่มันไม่มากไม่น้อยเกินไป ผมว่าพ่อแม่ทุกคนก็เข้าใจลูก ว่าควรจะได้ทำอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่ทำแต่งานหัวปักหัวปำอย่างเดียว

 ทำงานตอนเด็ก กับเวลานี้ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
 เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ บางอย่างก็ดีขึ้น เราเองก็ต้องพัฒนา ต้องฝึกเรื่องการทำงาน ว่าควรทำงานยังไง ตั้งใจแค่ไหน ซึ่งสุดท้ายมันก็ดีขึ้น แต่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ก็คือมีคนรู้จักมากขึ้น

 ดังมากขึ้น มีคนเอาใจมากขึ้นไหม
 ผมไม่ต้องการให้ใครมาเอาใจนะ ที่ผมดีใจที่สุด ก็แค่มีคนมาชื่นชม ทำงานแล้วมีคนชมว่าเล่นดี ก็ดีใจแล้ว
 
 ตอนนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง
 ยังไม่คิดอย่างนั้น ก็แค่ดังปกติ ความดังมันก็มีหลายระดับ แต่ผมอายุแค่นี้ แล้วได้ขนาดนี้ ก็เยอะมากแล้ว

 รัก(young)เด็ก
 มีความรักแบบปั๊บปี้เลิฟบ้างไหม
 ไม่มีเลย เพิ่งเริ่มมองผู้หญิงก็ตอนขึ้นมัธยมนี่เอง รู้สึกว่าน่ารักดี แต่ตอนนี้ยังไม่มีแฟน ยังอยากใช้ชีวิตสนุกๆ กับเพื่อน มีแล้วเดี๋ยวเครียด ผมเห็นหลายคนแล้วที่มีแฟนแล้วเครียด ขนาดคนที่เขาโตแล้วยังเครียดเลย

 อ่านแล้วรู้สึกไหม ว่าเด็กคนนี้เป็น "ผู้ใหญ่" กว่าผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนเยอะเลย ... 


เขาคนนี้ชื่อ   จิรายุ  ละอองมณี
ชื่อเล่น   เก้า
เกิดวันที่   29 ต.ค.2538
อายุ   15 ปี
ศึกษาที่    โรงเรียน อมาตยกุล จ.กรุงเทพมหานคร
ผลงานชิ้นแรก  ละคร ผีขี้เหงา