
คมเคียวคมปากกา - โอ้ชีวิตคิดไฉน ใครหนอใครลิขิต
เขียนต้นฉบับวันอังคารที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ แรม ๗ ค่ำ เดือนอ้าย
ต้นฉบับนี้ เตรียมไว้สำหรับวันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ศุกร์สุดท้ายปลายเดือนและปลายปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ วันสิ้นวัน เดือนสิ้นเดือน ปีสิ้นปี ปีเก่าเริ่มปีใหม่ ในวารดิถีเช่นนี้ คงไม่มีพรใดจะให้พร นอกจากขอให้ผู้อ่าน “คม ชัด ลึก” และ “คมเคียว คมปากกา” พบพรดีๆ และกำลังใจดีๆ ในตนตลอดไป
“โอ้ชีวิตคิดไฉน ใครหนอใครลิขิต
ประกาศิตของศิวะ หรือของพระพรหมเจ้า
ว่าต่างกำเนิดเกิดมา พอลืมตามองโลก
บ้างมีโชคบ้างอับโชค มีสุขโศกปนเศร้า
จอมนราพิสุทธิ์ ท่านสอนพุทธบริษัท
เป็นธรรมะปรมัตถ์ อ้างถึงอำนาจกรรมเก่า
ว่ากุสะลาธรรมา มนุษย์เกิดมามุสุข
อกุสะลาพาให้ทุกข์ ดั่งไฟที่รุกรุมเร้า
บ้างกึ่งดีกึ่งชั่ว เพราะตัวของตัวมัววุ่น
สร้างทั้งบุญทั้งบาป เหมือนดำที่ฉาบด้วยขาว
ผมมิใช่บัณฑิต อันมีจิตสิเน่หา
ที่จะเป็นนักเทศนา มาเจรจายั่วเย้า
จึงตั้งศรัทธาสาธก เรื่องยาจกยากจน
มีตากับยายสองคน ปลูกบ้านอยู่บนเชิงเขา”
คำว่า “โอ้ชีวิตคิดไฉน” ติดหูมาช้านาน แน่นอน...มาจากแหล่ลิเกแบบ “ดาวลูกไก่” ของ พร ภิรมย์ เพลงขนาดยาวที่ฟังได้ไม่เบื่อ ทั้งคำร้อง ทำนอง การขับร้องเอื้อนเสียง ความมีเรื่องราวร้อยเรียงอยู่ ขนาดตัดตอนแรกด้วย “อยากรู้เรื่องต่อก็ต้อง เปิดหน้าสองฟังเอา” เราก็ตั้งใจฟังจนจบทั้งสองตอน อยากรู้ว่าสองตายายจะทำอย่างไร เมื่อพระธุดงค์เดินออกจากดงชายเขา และเมื่อ “สักครู่หนึ่งตาจึงเอ่ย นี่แน่ะยายเอ้ยตอนแจ้ง ต้องเชือดแม่ไก่แล้วแกง ฝ่ายยายไม่แย้งตาเฒ่า” ด้วยเสียงฝ่ายตาที่เข้มขึ้น แม่ไก่ก็...
“น้ำตาไหลเรียกลูก ให้มาซุกซอกอก
น้ำตาแม่ไก่ไหลตก ในหัวอกปวดร้าว
อ้าปากออกบอกลูก แม่ต้องถูกตาเชือด
คอยดูเลือดแม่ไหล พรุ่งนี้ต้องตายจากเจ้า”
เหมือนฟังลิเก ฟังละครวิทยุ ที่มีชั้นเชิงยั่วให้อยากรู้ รู้สึก นึกคิด หรือเหมือนอ่านเรื่องสั้นชั้นดีที่มีการเล่าเรื่องอย่างสนุกตื่นเต้น แฝงด้วยแง่คิดที่เราอาจคิดไม่ถึงในชีวิตจริง ไก่พูด ตายายพูด พระธุดงค์จะพูดหรือไม่ ก็ถือเป็นปริศนาในบ้านคนยากจนชายขอบเชิงเขา กระทั่งเมื่อ “ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด เหมือนถูกเด็ดดวงใจ พากันโดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว” ครั้นลูกไก่กลายเป็นดาวแล้ว ดาวหรือดาวลูกไก่จะพูดไหม ก็มีแง่เงื่อนให้คิดแก้มากมาย โดยเฉพาะยุคสมัยปัจจุบันที่แม่ไก่ลูกไก่ถูกเชือดถูกเฉือนรายวัน ไม่เพียงเพื่อถวายพระ แต่เพื่อการบริโภคอันไม่มีที่สิ้นสุด แม่ไก่ลูกไก่มากนักที่ไม่ได้มีโอกาสกำเนิดมาแบบ...
“แม่ไก่จะปลอบขวัญลูก เสียงกุร๊กกุร๊กปลุกขวัญ
ลูกตอบเจี๊ยบเจี๊ยบเสียงลั่น ทั้งทั้งที่ขวัญเขย่า
แล้วเขี่ยข้าวออกเผื่อ ต่างคุ้ยเหยื่อออกให้
ลูกไก่แม่ไก่ไร้ทุกข์ สิไม่มีสุขใดเท่า”
คำว่า “ไม่มีสุข” แปลว่า “ไม่มีสุข” ครั้นบวกคำว่า “ใดเท่า” ตามลงไปเป็น “ไม่มีสุขใดเท่า” กลายเป็นมีสุขอย่างมากมาย ทว่า...ลูกไก่ในโลกของเมืองใหญ่ในปัจจุบัน หรืออาจมีวาสนาเช่นนั้น
เวลากินไก่ย่าง ไก่ต้ม ต้มไข่ เจียวไข่ ไข่ดาว ไข่ลวก ฯลฯ ผมชอบคิดไปถึงเรื่องราวในเพลง “ดาวลูกไก่” อยากรู้เหมือนกันว่าดาวบนท้องฟ้านับแสนนับล้านดวงนั้น...มีที่ว่างให้ไก่ที่เรากินบ้างไหม?
"ไพวรินทร์ ศุกร์"