บันเทิง

"สเลอ" ไม่ยึดหลักสากล
ขอเปลี่ยนบนความต่าง

"สเลอ" ไม่ยึดหลักสากล ขอเปลี่ยนบนความต่าง

09 ธ.ค. 2553

เป็นวงดนตรีที่ไม่มีความสม่ำเสมอ เพราะคลอดมา 3 อัลบั้มหนุ่มๆ วง "สเลอ" มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรียกได้ว่าทั้ง 3 อัลบั้ม ที่ออกมาไม่มีคำว่าเหมือนกันเลย โดยสมาชิกทั้ง 4 คน ประกอบด้วย "เย่" จักรพันธ์ บุณยะมัต (ร้องนำ, กีตาร์) "บู้" ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ (เ

 "สำหรับวงเรา ไม่ได้รู้สึก ว่ามันเปลี่ยนแปลงมาก เพราะว่าพวกเราเป็นวง ที่ฟังเพลงอัพเดทตลอดเวลาอยู่แล้ว วงฝรั่ง วงเกาหลี ใครเข้ามาพวกเราก็ฟัง พวกเราร่วมสมัยตลอดเวลาอยู่แล้ว เราคิดว่าสิ่งที่เราทำมา มันไม่ได้ใหม่สำหรับเราเท่าไหร่ แต่พอเราเข้าไปเช็กกระแสตอบรับแฟนๆ คิดว่าเราเปลี่ยนไปเยอะ แต่ด้วยความเป็นสเลอ คือจะเป็นวงที่มีพัฒนาการจากอัลบั้มแรกไปอัลบั้มสอง ซึ่งจะมีแนวดนตรีที่แตกต่างไปจากเดิม อย่างตอนที่เราออกอัลบั้มสองออกมา คนบอก ว่าเป็นอัลบั้มที่ค่อนข้างต้องจูนนิดหนึ่ง พอมาอัลบั้มนี้ เราคิดว่ามันง่ายสำหรับคนฟังแล้ว เพราะว่าอัลบั้มนี้ มีแก่นของความเป็นป๊อปอยู่แล้ว เนื้อหาที่สละสลวยแต่เข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่อาจจะโดนฉาบด้วยดนตรีที่มีเสียงสังเคราะห์บ้าง" มือเบสของวงกล่าว พร้อมกับเสริมต่อว่าอัลบั้มนี้จะมีแนวดนตรีร็อกที่ผสมแดนซ์เข้าไป 

 "แนวดนตรีอัลบั้มนี้เป็นแนวแดนซ์ร็อก ซึ่งเป็นแนวดนตรีเต้นรำ คนอาจจะมอง ว่าใหม่สำหรับวงการเพลง แต่จริงๆ มันเหมือน ว่าเป็นการเอาของเก่ามาเล่าใหม่ และมีความเป็นร็อกแบบสเลออยู่แล้ว แต่กระแสตอบรับที่กลับมาดีมาก ทั้งที่อัลบั้มนี้ เป็นอัลบั้มที่เราคิดจะทำกันแบบสนุกๆ อย่างเดียว มันเป็นการเริ่มต้นจากความคิดสนุกๆ ของวงเรา และต่อความสนุกก็ต่อมายังที่ค่ายสมอลล์รูม แต่พอมันออกมาคนให้ความสนใจที่มันแปลก มันใหม่ดีที่วงร็อกมาเต้นกัน มันบ้ามาก" บู้เผย

 มือกีตาร์ของวงเล่าถึงการที่อัลบั้มแต่ละอัลบั้มเปลี่ยนแปลงไป ว่าเป็นเพราะในสถานะของนักดนตรี จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามกระแสสังคม เพราะจะยึดแต่ความคิดของวงกันเองไม่ได้

 "สามอัลบั้ม ที่ผ่านมาวงสเลอไม่มีอะไรเหมือนกันเลย อย่างอัลบั้มล่าสุดที่เราทำออกมา ผมคิดว่าเราทำออกมา มันค่อนข้างที่จะใหม่ไปสักนิดหนึ่งสำหรับวงการ แต่ว่าเราพยายามที่จะมีจุดระหว่างคนฟังกับคนทำ เลยเอาความเป็นป๊อปมาใส่  ศิลปินต้องกินต้องใช้ เอาจริงๆ แล้ว เรายังอยากเล่นดนตรีอยู่ที่เมืองไทย แต่เราทำเพลงไม่รู้เรื่อง คนอื่นเข้าก็ไม่เข้าใจกับเราหรอก ชุดแรกที่ออกมา ที่มันอยู่ได้เพราะมันมีไอเดียความป๊อปของมันอยู่บ้าง แต่ในชุดที่สองเราไปในแนวทางที่แบบไม่ต้องรู้เรื่องเลย โน้ตอาจจะไม่ป๊อป ดนตรีเราจะเน้นที่เป็นหลักๆ มันเลยทำให้ฟังยากมากเหมือนกัน

 พอเราย้อนกลับไปฟังดูอัลบั้มที่ผ่านมา มันมีแต่ความประหลาดไปหมดเลย เราเลยได้บทเรียนมา ว่าเราอยากจะป๊อปนะ เราอยากจะดังเหมือนแทททูคัลเลอร์ เลยเริ่มทำชุดนี้ออกมา" มือกีตาร์ของวงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะเสริมต่อว่าแต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความเป็น "สเลอ" มีความกวนและมีความคิดสร้างสรรค์

 "ผมว่าสิ่งที่เป็นสเลอมากที่สุด ตั้งแต่ทำวงมาคือความกวน ความคิดสร้างสรรค์ เรื่องของแนวดนตรี เราไม่ได้ยึด ว่าเราต้องเล่นแบบนี้เท่านั้น คือมันมีการเล่นได้หลายรูปแบบ เพราะยังไงคนเล่นกีตาร์ก็คือผม คนร้องก็คือเย่ คนเล่นเบสก็คือบู้ พี่เอมตีกลอง สไตล์มันชัดในตัวอยู่แล้ว คือจะให้เปลี่ยนจังหวะยังไงคนเล่นคนร้องของวงเราก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี"เป้กล่าว

 โดย "เย่" นักร้องนำของวงได้เพิ่มเติม ว่าอัลบั้มแรกของ "สเลอ" ทำขึ้นจากการเห็นช่องว่างของวงการดนตรีในประเทศไทย

 "อัลบั้มนี้ไม่ได้ปรับอะไร เพราะว่าพวกเราทำเพลงแบบนี้อยู่แล้ว อย่างตอนที่ทำอัลบั้มแรก เราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้กำหนดแนวเพลง เราแค่เห็นช่องว่างของวงการเพลงไทย ว่าแนวเพลงแบบนี้ไม่มี เราก็ทำเลย มันเลยไม่ใช่แนวที่พวกเราเป็น เราทำตามกระแสโลกมากกว่า มันเลยดูล้ำกว่าประเทศไทย เพราะแนวเพลงประเทศไทยยังตามอยู่ พวกเราในตอนนั้นเป็นตัวเริ่มๆ ของประเทศไทย พวกเราเป็นวงแรกๆ ที่ทำอะไรแปลกๆ เริ่มๆ มาก่อน มันเลยเข้าใจยาก ดูเข้าถึงยาก" นักร้องของวงตอบ พร้อมเผยกระแสที่มีแฟนๆ กลุ่มเก่าๆ รุมแอนตี้ในความเปลี่ยนแปลง ว่าเป็นเพราะอายุของคนฟัง ยังไม่โตพอ

 "ผมว่ามันเป็นเรื่องอายุ อย่างเหมือนตอนผมเด็กๆ ผมรู้สึกว่าวงนั้นมันเปลี่ยนทำไมทั้งที่ดีอยู่แล้ว แต่พอเขาโตขึ้นแล้วเขาจะรู้ ถ้าเขาอายุอยู่แค่นี้ เขาจะฟังและกำหนดในแนวที่ฟังอยู่แค่นี้ พอเขาชอบแบบนี้เขาก็จะเลือกตรงนี้เป็นจุดยืนเลย แต่เมื่อเขาโตขึ้นเขาฟังมากขึ้น แล้วเขาจะรู้เอง ดังนั้นผมว่าคงต้องให้เขาโตแล้วรู้เอง แต่จริงๆ ภาคดนตรีมันเปรี้ยวหนักเหมือนกัน มันไม่ได้ซอฟท์เลย ไม่ว่าจะเป็นเสียงคอรัส หรือการร้องสดที่มีมากขึ้น หรือจะเป็นจังหวะกลองที่ประหลาดมากเหมือนกัน แต่แค่ว่ามันยืนบนพื้นฐานที่เป็นเมโลดี้ป๊อปเท่านั้น" เย่กล่าวปิดท้าย