บันเทิง

มองผ่านเลนส์คม - จดหมายถึงพ่อ

มองผ่านเลนส์คม - จดหมายถึงพ่อ

02 ธ.ค. 2553

ใกล้ถึงวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคมแล้ว ผมมักจะนึกถึงเพลงไทยดีๆ ที่กล่าวถึงพ่อและความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งจะมีน้อยกว่าเพลงเนื้อหาเกี่ยวกับแม่ที่มีอยู่มากมาย

 มีเพลงหนึ่งที่นึกแวบขึ้นมา และเชื่อว่า เราคงจะได้ยินกันบ่อยๆ ในช่วงนี้ตามสถานีวิทยุต่างๆ ชื่อเพลง ”จดหมายถึงพ่อ“ ต้นฉบับแต่งและขับร้องโดยอี๊ด ฟุตบาท อิทธิพล วาทะวัฒนะ   ในนาม "ฟุตบาทแฟมิลี่" และยังมีนักร้องอื่นๆ นำมาร้องอย่างปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ และเดวิด อินธี ในสังกัดรถไฟดนตรี

 ต้นฉบับแรกที่ขับร้องนั้นมีเสียงลูกสาวตัวเล็กๆ คือน้องปิค-น้องเปรียว ในตอนท้ายของเพลงจะมีเสียงพูดของเด็กน้อยในวัยใสไร้เดียงสาว่า "เสียงสู้ง สูงเนาะใครจะไปร้องถึง" หมายถึงว่า เพลงนี้ร้องคีย์สูงจนเธอลำบากในการออกเสียงเลยบ่นออกมาหลังเพลง ซึ่งคนที่ควบคุมการบันทึกเสียงก็ได้อัดใส่มาไว้ในท้ายเพลง ฟังดูน่ารักน่าเอ็นดู

 ลองอ่านเนื้อเพลงดูว่า เพลงนี้มีความงดงามสะท้อนภาพครอบครัวไทยที่กำลังก้าวสู่ยุคทุนนิยมได้ดีมากๆ
 “อ่านคำบรรยายจดหมายถึงพ่อ หนูยังรอวันพ่อกลับบ้าน
 ก้านมะละกอที่พ่อเคยหว่าน แยกปลูกไม่นาน ลูกโตน่าดู
 กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า พุ่มกระดังงาเลื้อยซุ้มประตู
 ทานตะวันชูคอชูช่อรออยู่ คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา
 แม่อธิบายที่พ่อไปทำงาน เพื่อเงินเพื่อบ้านและเพื่อลูกยา
 จะมีบ้านโตมีรถโก้สง่า มีหน้ามีตาเหมือนดังใครๆ
 พ่อไปคราวนี้แม้จะยาวนาน พวกเราทางบ้านเป็นกำลังใจ
 แต่บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้ หนูแกล้งทำหลับไปสงสารแม่จัง
 ส่วนน้องหญิงยิ่งยามเย็นค่ำ อ้อนประจำเหตุผลไม่ฟัง
 ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียว
 สุดท้ายนี้ขออวยพรให้พ่ออยู่แดนไกล หัวใจเด็ดเดี่ยว
 ขอพระคุ้มครองยามใจห่อเหี่ยว ปกป้องแลเหลียวร่ำรวยกลับมา”

 จับใจกับท่อนที่ว่า “ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียว” สะท้อนภาพการเลี้ยงลูกด้วยเงินของคนยุคนี้อย่างชัดเจน  หลายครั้งที่ในครอบครัวห่างเหินการสัมผัสหรือการกอดที่แสดงความอบอุ่น แม้ว่าครอบครัวไทยโบราณบางครอบครัวอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยเหมือนกับครอบครัวตะวันตก

 แต่เด็กสมัยใหม่ที่รับวัฒนธรรมใหม่ๆเข้ามา เขารู้สึกว่าการกอด หอมแก้มเป็นเรื่องปกติกันไปแล้ว
 สุดสัปดาห์นี้วันพ่อแห่งชาติ ทุกครอบครัวไทยคงได้แสดงความจงรักภักดีกับพ่อของแผ่นดินและคงได้ระลึกนึกถึงบุญคุณของพ่อในครอบครัวกันโดยทั่วหน้ากัน

"นคร ศรีเพชร"