
หลังเทศกาลหนังเมือง กาญจน์ ก่อนเทศกาลหนังเมือง คานส์
สุดสัปดาห์ที่แล้ว คนรัก fest และ fair ไม่ต้องลังเลเหมือนสุดสัปดาห์นี้ ทั้งคอนเสิร์ต บอดี้สแลม ที่มังคลาฯ, ละครเทวีที่ธรรมศาสตร์และที่น่าสนใจไม่น้อยคือ งานเพลินจิต แฟร์ ที่ค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัวมาหลายปีแล้ว
วีกเอนด์ที่แล้ว ไม่ต้องลังเลเพราะมีเทศกาลหนัง “เมืองกาญจน์” เลียนล้อแค่ชื่อกับเมืองคานส์ของฝรั่งเศส ซึ่งจะจัดในเดือนพฤษภาคมของทุกๆ ปี
แต่สำหรับเทศกาลหนังเมืองกาญจน์นั้น แม้ไม่ฟิกซ์ชัดเจนว่าจะจัดเดือนพฤศจิกายน แต่จากความสำเร็จในปีนี้ ตัวงานคงอยู่แถวปลายๆ ปี เพราะเหมาะกับบริบทและเนื้อหาของงานนอกจากชื่อเทศกาลแล้ว ไม่มีอะไรที่ผู้จัด chill FM เจตนาจะทำให้พ้อง เพราะเทศกาลหนังเมืองกาญจน์ มีเสน่ห์โดยตัวมันเองในเวลาที่จัด และสถานที่ที่เลือก
Chill FM 89 เลือก เฟลิกซ์ รีสอร์ท ริมแม่น้ำแควที่กาญจน์ ห่างจากกรุงเทพราวๆ 130 กิโล เป็นที่จัดงาน
แม้จะขับรถไปต่างจังหวัดหลายครั้งและรู้สึกว่าสะดวกสำหรับจังหวัดใกล้ๆ
แต่ผมรู้สึกอย่างแรกที่ผู้จัดทำได้ดีคือ ป้ายบอกทางตลอดเมื่อใกล้ถึง (เป็นป้ายสีน้ำเงินรูปลูกศร)ที่จอดรถนั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีมากมายมหาศาลแบบงาน big mountain แต่มันก็ไม่น้อยสำหรับคนที่ไปร่วมงาน และจะจอดตรงไหนก็ได้ ก็มีรถสองแถวเล็กมารอรับคุณไปอีกแค่ 300-400 เมตรเพื่อถึงตัวงาน
ที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศสนั้นมีความเป็น film market อยู่ แต่ที่เมืองกาญจน์นั้น chill fm เขาตีความโจทย์ใหม่ ให้งานมีลักษณะของ festival ที่ยืดหยุ่น เหมาะกับคนไทยที่ไปเที่ยว กล่าวคือนอกจากจะมีจอ 3-4 จอแล้ว ยังมี “ชิงช้าสวรรค์” และองค์ประกอบของ “งานวัด” ที่พวกเราผูกพันมีซุ้มขายของต่างๆนานา และมีพื้นที่ของการขายอาหารการกิน รวมไปถึงขนมโบราณในรูปแบบต่างๆ
ด้วยความที่การดูหนังนั้น เป็นวัฒนธรรมของการนั่งดูเงียบๆ ไม้ตายอย่างหนึ่งของการจัดงานจึงถูกทำให้เป็นสีสันสีสำคัญนั่นคือมีเวทีของคอนเสิร์ต บนลานที่กว้างที่สุด ผมว่าการที่เขาเอาชิงช้าสวรรค์ มาตั้งอยู่อีกด้านของเวทีคอนเสิร์ตนั้น เป็นการวางที่ทำหน้าที่ต่อกันในเชิงบรรยากาศ
และไหนๆ ก็จัดงานอยู่ริมแม่น้ำแล้ว เอาแม่น้ำมาทำให้เกิดมิติมากขึ้น ด้วยการจัดฉายหนังสั้นเป็นรอบๆ บนแพที่ล่องออกไปเสียเลย (รู้สึกจอบนแพนี้จะเต็มเร็วที่สุด)หนังในงานผมดูเกือบหมดทุกเรื่องแล้ว พองานเริ่ม จึงพาตัวเองไปนอนบนลานสนามหญ้าที่ฉายหนังเก่าคลาสสิก (เรื่องแรก “กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้” และเรื่องที่สอง “2499 อันธพาลครองเมือง” ซึ่งคนเปลี่ยนฟิล์ม ประกาศว่า เป็นฟิล์มม้วนเดียวที่เหลืออยู่)
แต่จอที่ฮิตสุดไม่ใช่จอนี้นะครับ มันคือจอที่ฉายหนังสยองขวัญ 4 แพร่ง ที่เจตนาวางอยู่มุมอับ ใกล้บรรยากาศอ้างว้างเพื่อไปกับมู้ดของหนังผีๆ สางๆ คนไทยจะบอกว่ากลัวผียังไง แต่อะไรที่เกี่ยวกับผีๆ สางๆ ขายได้เสมอ (แม้แต่ทีมที่เกี่ยวกับผีแดงๆ อะไรอย่างเนี้ย)
หลายคนชมเรื่องการบริการห้องน้ำ ผมว่าคงเป็นเพราะทีมงานนั้น จัดงานมาเยอะ พวกเขารู้วิธีการรับมือแบบเก๋าเกมแล้วแน่นอนจากการจัดงาน แม้ตัวงานจะไม่ได้ชุกชุมเอร์เฟคท์ แต่จากการจัดครั้งแรก ปีแรก ถือว่า chill FM จัดได้ดีกว่าที่คิดแล้ว และที่แน่นอนต่อไปอีกระหว่างที่นักข่าว 4-5 คนจากบางนา ตั้งคำถามก็คือ ปีหน้าควรจะมีอีก ไม่น่าจะเลิกจัด และไม่มีเหตุผลที่จะไม่จัดใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าไม่เห็นแก่ “คนรักหนัง”โปรดช่วยเห็นแก่คนรักหนาวหรือคนรักการ “กุมมือแฟน” ในฤดูหนาวด้วยเถิด
"นันทขว้าง สิรสุนทร"