
งานครูจิ๋ว พิจิตร ทำขนลุก อัดเสียงอำลาเปิดงานศพ
พระราชทานเพลิงศพไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสำหรับครูจิ๋ว พิจิตรหรือ ดิเรก เกศรีระคุปต์ ปรมาจารย์เพลงบวชนาคของเมืองไทยที่วัดหลักสี่ กรุงเทพ ฯ ท่ามกลางคนในวงการเพลงลูกทุ่งทุกแขนงที่มาร่วมงานไว้อาลัยครูจิ๋วเป็นครั้งสุดท้าย ครูจิ๋วทำเอาคนในวงการขนลุก อัดเสี
งานนี้เป็นการรวมคนในวงการเพลงลูกทุ่งทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการ โดยมีการทำป้ายแบ่งโซนให้นั่งอย่างเป็นหมวดหมู่ ศิลปินแห่งชาติ อาทิ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ขวัญจิต ศรีประจันต์ ชาญชัย บัวบังศร ชัยชนะ บุญนะโชติ ชินกร ไกรลาส นักร้องเก่าและใหม่ ได้แก่ นคร ถนอมทรัพย์ ภาวนา ชบาไพร ประจวบ จำปาทอง เสรี รุ่งสว่าง สุพรรณ สันติชัย สายัณห์ นิรันดร อัมพร แหวนเพชร สันติ ดวงสว่าง ฯลฯ กลุ่มนักแต่งเพลง กู้เกียรติ นครสวรรค์ สนั่น นาที สุรินทร์ ภาคศิริ ดอย อินทนนท์ นพณรรจ์ ขวัญประภา ฯลฯ นักเรียบเรียงเสียงประสาน หนุ่ม ภูไท สวัสดิ์ สารคาม กิตติศักดิ์ สายน้ำทิพย์ นฤพน พานทอง คนมิกซ์เสียงในห้องบันเทึกเสียง อาทิ เซียะ จาตุรงค์ หมู โรต้า สมาน โรต้า แป๊ะ คิงส์ซาวด์ และบรรดานายห้างเทปและแฟนเพลงอีกมากมาย
โดยก่อนพิธีการต่างๆ จะเริ่มขึ้นมีบรรดาลูกศิษย์หลายคนต่างสลับกันขึ้นร้องเพลงที่ครูจิ๋วแต่งขึ้น และก่อนจะมีการทอดผ้าไตร ลูกๆ ของครูจิ๋วยังได้เปิดเสียงบันทึกของครูจิ๋วที่พูดกล่าวอำลาทุกคนด้วยน้ำเสียงชัดเจน ไม่หลุดอักขระและราวกับไม่ใช่เสียงของคนป่วย โดยทำเป็นแผ่นซีดีแจกให้ในงานด้วย โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า เสียงดังกล่าวได้บันทึกเสียงไว้ราวสองปีมาแล้ว และภายในซีดียังมีเสียง สัมภาษณ์หลวงอาพร ภิรมย์ ที่พูดถึงครูจิ๋ว พิจิตร โดยเล่าความสัมพันธ์ที่ได้ร่วมงานกับครูจิ๋ว โดยเนื้อความในส่วนของเสียงครูจิ๋ว มีดังนี้
“ขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่มาในงานมงคลของผม ผมได้ต่อสู้ชีวิตมานานแสนนาน สู่วงการเพลงด้วยใจรัก ชีวิตนักแต่งเพลง มีทั้งอด มีทั้งอิ่ม มีทั้งหัวเราะ มีทั้งร้องไห้ ผมก็ทนได้ ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ผ่านมาทุกอย่าง เหนื่อยเหลือเกิน ได้แต่คิดๆๆๆๆ เหมือนตัวหลับแต่หัวใจไม่หลับ นอนตี 1 ตื่นตี 4 ลุกไปเดินยืดเส้นยืดสาย แล้วก็กลับมานั่งแต่งเพลง ข้าวเช้าเป็นข้าวบ่าย จับปากกาแล้วมันไม่หิว เขียนไม่เสร็จไม่ยอมกิน นี่คือชีวิตของผม
รู้ตัวดีจึงอัดเสียงไว้ แปลกกว่าคนอื่น จะจากไปยังต้องลา ลาด้วยความคิดถึงทุกท่าน ลาวงการด้วยความอาลัย ลานายห้างเทป ลาลูกศิษย์ทั้งหลายด้วยใจผูกพัน ผมเคยสร้างความบาดหมาง ขุ่นข้องหมองใจกับใครขอได้โปรดเมตตาให้อภัย ไม่ให้ตอนนี้ท่านจะให้ตอนไหน หลีกก็พบ หลบไม่พ้นทุกคนเหมือนกัน ต่อสู้ไปเมื่อถึงเวลาเมื่อไรก็สู่เมรุ เหนื่อยมานานแล้ว ขอนอน...หลับถ้าชาติหน้ามีจริง ขอได้ให้อยู่วงการนี้เช่นเคย อยู่กับพวกท่าน รักท่าน คิดถึงท่าน ขอให้ท่านร่วมรักสามัคคี ทำสิ่งไหนให้สมปราถนาก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองผมบอกได้แต่เพียงแค่นี้ ขอได้โปรดจัดการตามประเพณีครับ..ขอบคุณ... ”ครูจิ๋วทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงติดตลก ตามด้วยเพลงจากเสียงของไพรวัลย์ ลูกเพชร โดยยกท่อนที่ว่า
“ชีวิตครูคิดดูก็เหมือนเรือจ้าง ส่งเขาข้ามฝั่ง เขายังไม่เหลียวมาดู
ไปดีโด่งดัง ครูก็ยังเป็นครู ยากจนนฝืนทนต่อสู้ ครูหนอครูใต้ฟ้าเมืองไทย”