บันเทิง

'น้องกิ๊ฟ'คว้ามงกุฎนางสาวไทยคนที่46

'น้องกิ๊ฟ'คว้ามงกุฎนางสาวไทยคนที่46

22 ต.ค. 2553

นางงามเชียงใหม่ "กิ๊ฟ" กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์ คว้ามงกุฎนางสาวไทยคนที่ 46 พร้อมกวาดรางวัลติดมือไปอีก 3 รางวัล ในขณะที่กรรมการย้ำตัดสินใจครั้งนี้ตรงกันทั้งหมด เพราะเธองามอย่างยั่งยืน

เมื่อเวลา 19.45 น. วันที่ 21 ตุลาคม บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2553 ในรอบตัดสิน เพื่อสรรหาสาวงามที่พรั่งพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา ความคิด สติปัญญา และจิตใจ ภายใต้แนวคิด “งามอย่างยั่งยืน” ที่จะมาดำรงตำแหน่ง "นางสาวไทย" คนที่ 46 ประจำปี 2553 ที่โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ โดยปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองการก่อตั้งโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยครบ 100 ปี ท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกตกแต่งย้อนยุคกลิ่นอายในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยมีคุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ให้เกียรติเป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน และยังเป็นผู้สวมมงกุฎเพชรให้แก่นางสาวไทยคนใหม่

 สำหรับบรรยากาศบนเวทีการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2553 ซึ่งได้รับการออกแบบด้วยการประยุกต์ให้มีความร่วมสมัย ซึ่งให้บรรดาสาวงามทั้ง 18 คน ร่วมสร้างสีสันด้วยการสวมชุดราตรีสั้นออกมาให้คณะกรรมการได้ยลโฉมกับการแสดงบัลเลต์นีโอคลาสสิก ในชื่อชุดการแสดง “Human & Nature” เสร็จสรรพกลับเข้าไปและออกมาอีกครั้งในชุดราตรียาวสีทอง พร้อมกับการประกาศรางวัลขวัญใจประชาชนได้แก่ หมายเลข 12 "อุ๋ม" น.ส.สิริมา อรชร ต่อด้วยการประกาศรายชื่อสาวงามที่เข้ารอบ 10 คน ได้แก่  หมายเลข 1 น.ส.นิลุบล วงศ์ต๊ะ หมายเลข 2  น.ส.พรรณิภา รัตนวาร "นก" น.ส.ณัฎฐ์ธิดา วงษ์แสงแก้ว หมายเลข 5 น.ส.สุภา ศรีวนาภิรมย์ หมายเลข 8 น.ส.พรพิชชา คงกระพันธ์หมายเลข 10 น.ส.วรรัตน์ นิยมเดช หมายเลข 12 น.ส.สิริมา อรชร หมายเลข 13 น.ส.ปิยธิดา แสงบ้านยาง หมายเลข 16 น.ส.พิมพ์รติ สิริกรัณย์ และหมายเลข 17 "กิ๊ฟ" น.ส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์

 ซึ่งในประกวดครั้งนี้สาวงามผู้เข้าประกวดในรอบ 18 คนสุดท้ายได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครปฐม จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยได้มีการเก็บภาพกิจกรรมต่างๆ ที่นำมาให้ชมในการประกวดในค่ำคืนนี้ด้วย ก่อนที่จะมีการประกาศตำแหน่งขวัญใจสื่อมวลชนซึ่งได้แก่ หมายเลข 17 น.ส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์  ต่อด้วยการวัดปฏิภาณไหวพริบกับการตอบคำถามจากคณะกรรมการ

 เวลาแห่งการลุ้นระทึกกับสาวงามทั้ง 10 คน ก็มาถึงอีกครั้งกับการประกาศ 3 ผู้เข้ารอบสุดท้าย ได้แก่ หมายเลข 10 น.ส.วรรัตน์ นิยมเดช หมายเลข 12 น.ส.สิริมา อรชร และหมายเลข 17 น.ส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ ที่ออกมาประชันโฉม  สติปัญญา  ความสามารถในชุดราตรียาวที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมพิมพ์ลายพิเศษ “กุหลาบเวียงพิงค์” ซึ่งออกแบบและตัดเย็บโดยดีไซเนอร์เลือดใหม่ไฟแรง 3 คน จากรายการเดอะ ดีไซเนอร์ ได้แก่ เฉลิม อินทลักษณ์, เกียรติกร เจริญพานิช และชนะพล เล็กประเสริฐ โดยในอนาคตจะพิมพ์บนผ้าฝ้ายของศูนย์ศิลปาชีพ

 แล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึงกับการประกาศรางวัลนางสาวไทย ประจำปี 2553 ซึ่งได้แก่ หมายเลข 17 น.ส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ รองอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 10 น.ส.วรรัตน์ นิยมเดช และหมายเลข 12 น.ส.สิริมา อรชร  ได้รองอันดับ 2 

 ด้าน รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ หนึ่งในคณะกรรมการ เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประกวดว่า ผู้ที่ได้รับมงกุฎนางสาวไทยคนนี้มีคุณสมบัติเด่นกว่าคนอื่น คือความสุภาพ รูปร่างดี การเดินการไหว้ มีกาลเทศะ เป็นคนที่ไม่ทิ้งวัฒนธรรมบ้านเกิดของตัวเอง ในฐานะกรรมการเราไม่อยากได้คนที่มีความสามารถโดดเด่น แต่ว่าอยากได้คนที่มีจริยธรรมที่เป็นกุลสตรีไทย ปีที่ผ่านมาๆ คณะกรรมการอาจจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ปีนี้คณะกรรมการทั้ง 21 คน ลงความเห็นเลือกตรงกันทั้งหมดครบ 100 เปอร์เซ็นต์

 สำหรับ "กิ๊ฟ" น.ส.กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์ อายุ 20 ปี ชาวเชียงใหม่ และครองตำแหน่งนางงามเชียงใหม่ ประจำปี 2553  เจ้าของส่วนสูง 172 เซนติเมตร น้ำหนัก 54 กิโลกรัม กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเธอเป็นสาวงามที่กวาดรางวัลจากเวทีกองประกวดนางสาวไทยครั้งนี้ไป 4 รางวัล ได้แก่ ตำแหน่งนางสาวไทยคนล่าสุด รางวัลขวัญใจสื่อมวลชน รางวัลมิสอินเทอริเจ้นท์ และ รางวัลบอดี้เพอร์เฟค ที่ประกาศผลไปในรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 หลังรับมงกุฎแล้ว น.ส.กฤชกร เปิดเผยความรู้สึกว่า ก่อนหน้านี้ก็คาดหวังกับตำแหน่งนางสาวไทยเหมือนกัน และเมื่อได้ตำแหน่งก็นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ เพราะทั้งสองท่านคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาจะเอารางวัลไปให้คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งนับจากนี้ก็รู้ว่าต้องเป็นคนของประชาชนก็ต้องดูแลบุคลิกภาพ ดูแลภาพลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากภารกิจหลักในหน้าที่ของนางสาวไทยแล้ว ก็จะไปทำบุญ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมและช่วยสังคม ช่วยเด็ก ช่วยคนชรา ผู้ประสบภัย และเชื่อว่าที่สามารถชนะใจคณะกรรมการได้นั่นคือไหวพริบ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจและตั้งมั่นในพุทธศาสนาเป็นหลักของเธอนั่นเอง

 ทั้งนี้นางสาวไทย 2553 จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท พร้อมมงกุฎเพชร มูลค่า 2 แสนบาท สายสะพาย เครื่องเพชร  และรถยนต์ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท  ส่วนรองนางสาวไทยอันดับ 1 จะได้รับเงินรางวัล 5 แสนบาท พร้อมสายสะพาย และรางวัลอื่นๆ และรองนางสาวไทยอันดับ 2 จะได้รับเงินรางวัล 3 แสนบาท พร้อมสายสะพาย และรางวัลอื่นๆ