
รู้ทันกฎหมาย - พระ
คำกล่าวที่ว่า แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร อาจไม่สามารถนำมาใช้ได้ในทุกกรณี เพราะสมัยนี้มีพระที่เป็นมารทางศาสนาก็ไม่น้อยไปกว่ามารฆราวาส ทำให้มหาเถรสมาคมและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายต้องตามกวาดตามล้างให้ศาสนาพุทธบริสุทธิ์ต่อไป บรรดากฎระเบียบทั้งหลายตามกฎหมายสงฆ์ก็
เมื่อเป็นพระ ไม่ว่าจะบวชนานแค่ไหน กี่พรรษาหรือว่าไม่กี่วัน ก็ถือกันว่าเข้าสู่โลกธรรมแยกต่างหากจากคนทั่วไป ใครเห็นก็จะยกมือไหว้ ต่อให้เป็นพ่อแม่ก็ต้องทำ ซึ่งในทางกฎหมาย ยังมีอะไรที่มีความเกี่ยวโยงค้างกันอยู่
พระมีภรรยาไม่ได้ แต่ก่อนเป็นพระจะมีภรรยาก็ไม่ว่ากัน การบวชไม่ได้ทำให้การสมรสสิ้นสุดลงไปในทางกฎหมาย ตราบใดที่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าจากกันก็ถือว่า ความสัมพันธ์ทางกฎหมายไม่ได้ขาดกันไป ดังนั้น ในด้านทรัพย์สินผลประโยชน์ที่ได้มาก็ต้องว่ากันตามกฎหมายเหมือนเดิม มีเพิ่มเติมในบางกรณีเท่านั้น
อะไรที่พระได้มาในระหว่างบวชก็เป็นของพระรูปนั้น จะเป็นเงินเป็นของราคาเท่าใดก็ไม่ใช่ของวัด หากคนถวายให้แก่พระรูปใดก็ตกได้แก่ท่านนั้นไป สึกเมื่อไหร่ก็เอาติดตัวไปได้ด้วย
แต่ถ้าพระมรณะในผ้าเหลือง ก็ต้องแยกแยะให้ดี ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนแต่งงานก็เป็นสินสมรสที่ต้องแบ่งต้องหารกันเสียก่อน ส่วนที่เหลือเป็นมรดกที่ตกได้แก่ทายาทตามกฎหมาย เว้นแต่จะทำพินัยกรรมไว้อย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น
ส่วนทรัพย์สินทั้งหลายที่ได้ในระหว่างเป็นพระ หากไม่ได้ทำพินัยกรรมกำหนดอะไรไว้ ทรัพย์สินของพระผู้มรณภาพไปก็จะตกได้แก่วัดไป หาใช่ตกได้แก่ภรรยาหรือว่าทายาทตามกฎหมายไม่
ในระหว่างเป็นพระ ท่านจะยกทรัพย์สินให้ใคร จะขายหรือซื้อทรัพย์สินอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ย่อมทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้
แม้จะเป็นพระก็จะต้องอยู่ในภายใต้กฎหมาย ทำผิดคดโกงยักยอกหลอกลวงผู้คนจนได้ทรัพย์สินไป นอกจากจะผิดวินัยพระแล้วก็ความผิดทางกฎหมายที่ต้องรับโทษได้ กฎหมายไม่ได้ยกเว้นโทษไว้ แต่เพื่อมิให้กลายเป็นจำคุกพระก็จะจับท่านสึกเสียก่อนแล้วค่อยทำตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
สำหรับคนเป็นภรรยาของหลวงพี่ก่อนที่ท่านจะบวช ก็ยังไม่ได้กลายเป็นหญิงม่ายสามีหย่าแต่อย่างใด การทำนิติกรรมที่ต้องได้รับความยินยอมตามกฎหมายก็ต้องทำให้เป็นไปตามนั้น การเป็นพระไม่ได้ให้สิทธิคู่สมรสเป็นพิเศษแต่อย่างใด
ในกรณีที่พระถูกผู้คนรังแกละเมิดทำเสียหาย กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามพระฟ้องร้องเอาความกับคนนั้นเช่นเดียวกัน เพราะท่านก็ต้องได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายแม้จะไม่ได้เป็นฆราวาสในขณะนั้นก็ตามที
"ศรัณยา ไชยสุต"