บันเทิง

"เฮียฮ้อ"อัดคนนอกอย่ายุ่งเรื่อง"ฟิล์ม-แอนนี่"

"เฮียฮ้อ"อัดคนนอกอย่ายุ่งเรื่อง"ฟิล์ม-แอนนี่"

25 ก.ย. 2553

"เฮียฮ้อ"เหลืออด อัดคนอยู่วงนอกอย่าเข้ามาเกี่ยวเรื่อง"ฟิล์ม-แอนนี่"จวกไม่มีข้อมูลไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ชี้ ผิดถูกปล่อยให้ 2 ฝ่ายเคลียปัญหากันเอง ด้าน "สรยุทธ" โต้ข่าวทุ่มเงินจับนักแสดงสาวเซ็นสัญญาห้ามออกรายการอื่น เผยทำอย่างนั้นก็หมา "เจ๊เบียบ" ดีใจแม่ฟิ

เรื่องราวความรักของนักร้องซูเปอร์สตาร์พ่อลูกอ่อน "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และนักแสดงสาว แอนนี่ บรู๊ค กลายเป็นข่าวดังที่แรงอย่างต่อเนื่อง เมื่อทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อยุติเรื่องของน้องทีฆายุ บุตรชายวัย 3 เดือนได้ โดยแต่ละวันข่าวที่ออกมากลับกลายเป็นลิงแก้แห เพราะยิ่งหาทางออกเท่าไรข่าวที่เกิดขึ้นกลับถูกนำเสนอไปในลักษณะต่างๆ ทั้งจากคนวงใน และบุคคลที่สาม จนทำให้หลายฝ่ายมองว่า เรื่องของฟิล์มกับแอนนี่กำลังจะกลายเป็นเรื่องธุรกิจ และเป็นเรื่องของคนที่ต้องการสร้างข่าวเกาะกระแสความดังไปแล้ว ล่าสุดเรื่องดังกล่าวร้อนถึงผู้บริหารบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ต้องออกมาปรามคนนอกที่ไม่ได้รู้เรื่องของฟิล์มและแอนนี่ว่าอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว

 เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ ประธานบริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องของฟิล์มและแอนนี่ ว่า เรื่องส่วนตัวของคนสองคนใครที่อยู่วงนอกไม่มีข้อมูลรายละเอียดไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องชี้ผิดชี้ถูก ปล่อยให้สองฝ่ายเขาพยายามเคลียร์ปัญหากันเองดีกว่า  

 ส่วนข่าวที่บอกว่าฟิล์มจะขอเข้าพบเฮียฮ้อในวันจันทร์ที่ 27 กันยายนนั้น ยังคงไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด รวมถึงข่าวที่ว่า เฮียฮ้อจะออกมาแถลงข่าวอีกรอบด้วย โดยประชาสัมพันธ์ของอาร์เอสกล่าวว่า หากมีอะไรคืบหน้าจะรายงานให้ทราบครั้งต่อไป

"สรยุทธ" ปัดทุ่มเงินแสนซื้อแอนนี่

 วันเดียวกัน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการช่อง 3 กล่าวถึงข้อครหาเกี่ยวกับกระแสข่าวทุ่มเงินหลักแสนจ้าง แอนนี่ ออกรายการ รวมถึงเซ็นสัญญาห้ามออกรายการไหน ผ่านทางรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ส่วนข่าวบอกว่าจ่ายเงินให้แอนนี่มาออกรายการเป็นแสน บอกทำนองว่า ไปล็อก ถ้าเป็นรายการวาไรตี้ ไม่รู้ เขาอาจจะมีทุ่มเงินเพื่อแย่งชิงตัวแขกรับเชิญกัน ตรงนี้ไม่อยากยกตัวอย่าง แต่ที่ทำคือรายการข่าว ให้เงินใครไม่ได้ พูดไปเดี๋ยวนายประวิทย์ มาลีนนท์ จะโกรธ ทั้งนี้ยืนยันว่า แอนนี่มาออกรายการไม่ได้ให้เงินสักบาท

 "วันนั้นทีมงานโทรหาแอนนี่แล้วเขาไม่รับสาย เลยส่งข้อความไปว่า เป็นทีมงานของคุณสรยุทธ ซึ่งแอนนี่ก็โทรกลับมา แล้วก็นัดหมายกัน แต่ตอนเช้าเขาไม่สะดวกมาออกรายการ ก็มาออกตอนเย็น ถ้าเป็นชาวบ้านมาออกรายการ เราจะให้ค่ารถ แต่ถ้าเป็นนักการเมืองเราไม่ให้เงิน ดาราขัดแย้งกัน เราไม่ให้เงิน และอยากจะให้ความเป็นธรรมกับแอนนี่ อย่าดูถูกน้ำใจผู้หญิงเกินไป ยืนยันว่า แอนนี่มาออกรายการไม่ได้สักบาท แต่หลังจากวันนั้น เห็นแอนนี่มา หมวกเด็กไม่มี จึงให้ทีมงานไปซื้ออุปกรณ์เด็กให้ เรื่องนี้ถ้าไม่พูดก็จะไปบอกว่าจ้างเป็นแสน หรือจะลามกลายเป็นล้านไป สัญญาก็ไม่มี ถ้าสมมติให้แอนนี่เซ็นสัญญา ถ้าภายหลังแอนนี่ไปออกรายการอื่นก็ต้องบอก ไม่ได้ แอนนี่คุณเซ็นสัญญาแล้ว ไม่งั้นจะฟ้อง งั้นผมก็หมาสิ เป็นไปไม่ได้ที่จะเซ็นสัญญา" นายสรยุทธ กล่าว

เสี่ย"วีที"ปัดใช้เงินทุ่มซื้อแอนนี่

 นายวิทวัส สุนทรวิเนตร์ หรือเสี่ยวีที เปิดเผยถึงเรื่องการติดต่อแอนนี่มาออกรายการตีสิบว่า ตอนนี้ก็กำลังคุยอยู่ แต่ถามว่าวันอังคารนี้จะมีแอนนี่หรือไม่ ก็ต้องรอจนกว่าจะได้บันทึกเทปถึงจะแน่ใจ และจะบอกได้ หากถามว่า พูดยังไงแอนนี่ถึงยอมมาออกรายการ ก็คุยเหมือนกับที่ทุกสื่อคุย ส่วนกระแสข่าวที่ต้องมาออกรายการก่อนหน้านี้ แล้วสุดท้ายไม่มีนั้น ไม่ทราบ ต้องไปถามทีมงาน เพราะทีมงานเป็นคนติดต่อ แต่เรื่องแย่งชิงตัวแอนนี่มาออกรายการ เรื่องนี้ไม่จริง ไม่เคยแย่งชิงกับใคร เพราะตีสิบเป็นรายการรายอาทิตย์ ไม่ใช่รายการข่าวรายวันอย่างของนายสรยุทธที่เป็นรายการสด

 "เรามีบันทึกเทปรายการเพียงแค่อาทิตย์ละวัน ฉะนั้นข่าวที่บอกว่าแย่งชิง หรือผิดใจ ไม่มีทางเลย เราไม่ได้มีผิดใจกัน เราเองไม่ทราบเรื่องข่าวคราวของฟิล์มกับแอนนี่มาก่อน กระทั่งมารู้จากข่าวนี่แหละ" เสี่ยวีทีกล่าว
 เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ตีสิบได้แย่งชิงตัวนักแสดงสาวกับรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่ดำเนินรายการโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่มีข่าวว่าทุ่มเงินแสนจ้างแอนนี่ออกรายการเช่นกัน นายวิทวัสกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ไม่เคยแย่งชิงตัวแอนนี่กับใคร

 "สำหรับกระแสข่าว ไม่ได้มีการทุ่มเงินให้แอนนี่ เป็นแค่การติดต่อจากทีมงาน ไม่มีเรื่องของเงินทองมาเกี่ยวข้อง ส่วนประเด็นที่จะคุยกับแอนนี่นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เราก็คงจะไม่คุยเรื่องฟิล์มมากมาย คงเป็นการคุยกันเรื่องทั่วไปมากกว่า เพราะค่อนข้างต้องระวังเรื่องกระแสสังคมด้วย เพราะมีคนพูดถึงเรื่องนี้เยอะ แต่ก็อยู่ที่ทางแอนนี่เขาด้วย ปกติเราจะบันทึกเทปกันทุกวันจันทร์ ซึ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนน้องทีฆายุจะมาด้วยไหม ตรงนี้ผมยังไม่แน่ใจ แต่ก็คงมาเพราะเขาเป็นแม่ลูกกัน"

ระเบียบรัตน์ดีใจแม่ฟิล์มออกรพ.

 กลายเป็นประเด็นให้โต้เถียงจนกลายเป็นข่าวใหญ่ เมื่อแม่ของฟิล์มออกมาปกป้องลูกชายผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้อย่างถึงพริกถึงขิง หลังจากถูกนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ออกมาตำหนิพฤติการณ์ของนักร้องคนดังว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบ เอาเปรียบผู้หญิง และนักร้องสาว ทำให้นางระเบียบรัตน์ออกมาให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่องทีเอ็นเอ็นอีกว่า ในฐานะที่สวมหมวกนายกสมาคม และเคยเป็นอดีต ส.ว.ขอนแก่น ซึ่งเคยทำงานด้านสตรี เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ และเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ทำงานเพื่อสังคม รับทราบ เข้าใจหัวใจของคนที่เป็นแม่ อีกทั้งโดยส่วนตัวยังห่วงแม่ของฟิล์มมากที่ไม่สบาย เครียดจากแรงกดดันต่างๆ เพราะคนเป็นแม่ก็รักลูกดุจแก้วตาดวงใจ เมื่อลูกได้รับผลกระทบคงไม่มีแม่คนไหนจะอยู่ได้อย่างมีความสุข

 นางระเบียบรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อทราบว่าแม่ฟิล์มเขียนจดหมายได้ และออกจากโรงพยาบาล ก็แสดงว่าสุขภาพดีขึ้นแล้ว คงจะมีความพร้อมทางร่างกายและจิตใจเข้มแข็งเพียงพอมากขึ้นจนเขียนจดหมายได้ ก็ดีใจด้วย คิดว่าจากนี้แม่ฟิล์มจะได้ดูแลลูกชายได้อย่างเต็มที่ เพราะคาดว่าตอนนี้ความรู้สึกของลูกชายคงแย่มาก คงจะเคว้ง เมื่อแม่เข้มแข็งแล้วก็น่าจะเป็นที่พึ่งและช่วยเหลือลูก เป็นที่ปรึกษา และเกราะกำบังให้ลูกด้

เผยวิจารณ์ฟิล์มเหตุพูดตรง

 "ส่วนกรณีที่ว่าดิฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่การยุ่ง ส่วนตัวไม่เคยคิดจะมาสร้างข่าวโด่งดังให้คนมาเกลียดหรือหมั่นไส้ แต่พี่น้องสื่อมวลชนคงมองเห็นว่าเป็นอดีต ส.ว. เป็นนายกสมาคม ก็คงอยากจะถามความเห็นถึงเรื่องนี้ แล้วบังเอิญว่าดิฉันเป็นคนที่ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอคติต่อตัวน้องฟิล์ม หรือใครทั้งสิ้น และไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก เพราะเรื่องอย่างนี้ ถ้าจะมองว่าผิดก็ผิดทั้งคู่ เพราะเป็นเรื่องของเพศเสรีที่เป็นสังคมไทย จะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว คนอื่นไม่เกี่ยว แต่พอเรื่องแดงถามว่ามันเกี่ยวคนอื่นหรือไม่ก็เกี่ยวหมดเลย ทั้งหน้าที่การงาน คุณพ่อคุณแม่เสียใจจากการกระทำของลูก" นางระเบียบรัตน์ กล่าว

 นางระเบียบรัตน์ กล่าวต่อว่า ไม่เฉพาะแต่ครอบครัวฟิล์ม ครอบครัวแอนนี่ก็คงจะยิ่งเสียใจ เพราะเมื่อเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นผู้หญิงเสียหาย 99% ผู้ชายเสียหายแค่ 1% เท่านั้น เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีข่าวแบบนี้ออกมาหรือไม่ เพราะถ้าเกิดกับคนธรรมดาคงไม่มีปัญหา สื่อคงไม่สนใจ ดังนั้นขอให้เข้าใจในลักษณะอย่างนี้ ก็จะทำให้มารดาฟิล์มสบายใจขึ้น

 เมื่อถามว่า คำให้สัมภาษณ์รุนแรงไปหรือไม่ เพราะไม่รู้เบื้องลึกของคนทั้งสองฝ่าย นางระเบียบรัตน์กล่าวว่า เป็นคนพูดอะไรยึดหลักการ และไม่ได้ไปนอนกับคนทั้งคู่ คนที่ออกมาพูดล้วนเป็นบุคคลที่สามทั้งนั้น ที่ทำให้ป่วน จึงขอให้พอได้แล้ว เรื่องคนที่จะสนุกที่สุดคือกลุ่มที่อยากรู้อยากเห็น แล้วสื่อก็มีหน้าที่จำเป็นต้องหาความจริงมาสะท้อนสังคม ส่วนตนเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าน้องสองคนทำไม่ดีก็ต้องออกมาพูด ไม่ได้เห็นแก่หน้าใคร

ไม่สนสัมภาษณ์แรง แค่พูดตรง

 "การให้สัมภาษณ์ครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้ด่าใคร แต่เป็นการพูดให้รู้ ถ้าจะรับผิดชอบตรงนี้ก็เป็นเรื่องของคนสองคนโดยแท้ ถ้าจะไปตรวจดีเอ็นเอหากเกิดกับครอบครัวดิฉันหรือคนที่รู้จักก็จะแนะว่าไม่ให้ตรวจอยู่แล้ว เพราะมันยิ่งกว่าการตบหน้าผู้หญิง คือถ้ารู้ว่าเขารักสนุกแล้วคุณไปหลับนอนกับเขา คุณไม่ยิ่งเลวกว่าเหรอ นี่คือสิ่งที่เป็นแนวคิดของพี่ ถ้าเป็นครอบครัวพี่ก็จะไม่ขอรับความช่วยเหลือจากผู้ชายคนนี้ แต่สิ่งที่ฟิล์มออกมาแถลงบอกว่าช่วยเหลือในฐานะเพื่อนร่วมโลก คุณก็ช่วยเหลือกันไป ดิฉันให้สัมภาษณ์นี้ จะมาบอกว่าให้สัมภาษณ์แรงก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่พูดตรงไปตรงมาเท่านั้น"

 นางระเบียบรัตน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีความสบายใจที่เห็นแม่ฟิล์มแข็งแรง พยายามฟื้นฟูจิตใจ และดูแลลูกให้ดี คนเราเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน มีโอกาสพลาดได้ และก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะถึงขั้นประหารชีวิตจากสังคม เมื่อออกมายอมรับแล้ว เฮียฮ้อเขาก็พร้อมที่จะให้ทำงานเหมือนเดิม และเมื่อแอนนี่ไม่ขอรับความช่วยเหลือก็จบกันไป อย่าไปขยายผลกันมาก

แม่แอนนี่ห่วงลูกตกเป็นจำเลยสังคม

 วันเดียวกัน ที่บ้านสา หมู่ 4 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง นางจันทร์คำ มีเลข แม่ของแอนนี่ เปิดเผยถึงอาการป่วยและเรื่องราวชีวิตของลูกสาวว่า ขณะนี้มีอาการอาเจียนบ่อย เนื่องจากโรคไทรอยด์กำเริบ แต่ยังไม่อยากไปพบแพทย์ แอนนี่โทรสอบถามอาการว่า หากไม่สบายให้ไปพบแพทย์ แต่ตนไม่อยากให้แอนนี่กังวล และไม่อยากเป็นข่าว ทำให้เกิดความวุ่นวาย

 นางจันทร์คำ กล่าวต่อว่า ฐานะแม่รู้สึกสงสารลูกกับหลานที่ต้องตกอยู่ในสภาพคล้ายเป็นจำเลยของสังคม แม้ว่าในส่วนของคนลำปางและคนอีกจำนวนมากจะเห็นใจแอนนี่ก็ตาม ทุกวันนี้ก็มีคนติดต่อขอมาพบเพื่อสอบถาม แต่ได้ปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้วุ่นวาย แต่ขอขอบคุณที่หลายฝ่ายเป็นห่วงและอยากมาพบ เพราะทุกวันนี้ส่วนตัวก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปตัดสินและชี้ชะตากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทางต้นสังกัดของฟิล์มจะดำเนินการ