
ชั่วฟ้า(ดี)ดินสลาย(แย่)
เวลามีใครพูดถึงชื่อ "ท่ามมุ้ย" หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ผมมักจะคิดถึงหนัง "มือปืน" เกือบทันที และเมื่อใครเอ่ยชื่อ ยุทธนา มุกดาสนิท แน่นอนว่างาน dramatic-realism อย่าง "ผีเสื้อและดอกไม้" เป็นหนังที่นึกตามหลังจากนั้นtop 10 หนังไทยมาตลอดก็คือ "ช่างมันฉันไม่แ
realistic เหมือนๆ กับที่ หม่อมน้อย เป็นมือกระบี่สาย costume drama จนคนดูจับสไตล์ของท่านออก และก็คิดว่าเมื่อเอ่ยชื่อไดเรกเตอร์คนนี้ สไตล์ของงานจะลอยออกมาเลยเมื่อดูจากผลงานเก่าๆ human ของคาแรกเตอร์ จนหนังสามารถก้าวร่วมเข้าไปในโลกของ filmnoir ได้อย่างไม่เคอะเขิน
ผมไม่ได้ไปดูเพราะข่าวพวกก้นอนันดาหรืออกคุณพลอย เฌอมาลย์ เพราะถ้าใช้สติสักหน่อย หนังอย่าง "ชั่วฟ้าดินสลาย" มีอะไรน่าสนใจกว่าแง่มุมแค่ "ก้น" กับ "นม" ของนักแสดง แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่นี่คือบทที่ดีที่สุดของ พลอย
ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ ในบท "ทิพย์" ซึ่งเป็นคาแรกเตอร์ปิด ขรึมและสงบ ทำให้โทนหนังมีค่าเฉลี่ยที่ดีในช่วงท้ายของเรื่อง อีกอย่างหนึ่งที่ผมไม่ชอบคือ ทุกฉากที่มีการพูดถึง the prophet ของ คาลิล ซึ่งไม่ใช่เป็นวรรณกรรมในดวงใจ แต่เพราะอารมณ์ในการอ่านของตัวละครไม่ผ่านสักฉาก และไม่เชื่อว่าเป็นยุคพ.ศ. 2475
"ยุพดี" (เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์) และ "พะโป้" (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) คหบดีม่ายชาวพม่าอายุคราวพ่อ เจ้าของกิจการป่าไม้อันมั่งคั่งแห่งกำแพงเพชร ทั้งคู่ได้เดินทางไปใช้ชีวิตที่ปางไม้เขาท่ากระดาน ซึ่งยุพดีคิดว่าชีวิตของเธอได้ถูกเติมเต็มแล้วในทุกๆ ด้านจาก พะโป้ สามีที่เธอรัก
แต่ท่ามกลางพลังอำนาจแห่งไพรพฤกษ์และขุนเขา "ส่างหม่อง" (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) หนุ่มพม่าผู้หล่อเหลาปานเทพบุตรแต่แสนบริสุทธิ์ผู้เป็นหลานชายของพะโป้ ต่างก็เกิดความสิเน่หาต่อกัน ยิ่งทั้งคู่ได้ชิดใกล้กันมากเท่าไร ก็ยิ่งเกิดอาการหวั่นไหวและอยากอยู่ด้วยกันมากขึ้นเท่านั้นตามสัญชาตญาณหนุ่มสาวที่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ และในที่สุด ทั้ง ส่างหม่อง และ ยุพดี ก็มิอาจต้านทานความปรารถนาของตนและยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสตัณหาอย่างถึงที่สุด ทั้งคู่ก้าวล้ำเส้นของการเป็นหลานและอาสะใภ้โดยลอบเป็น "ชู้"กัน
โดยทิศทางของเรื่องแล้ว เนื้อหาแบบนี้เหมาะกับสไตล์ของ หม่อมน้อย มาก เพราะขณะที่ยุคสมัยของหนังเปิดโอกาสให้โชว์งานโปรดักชั่นเต็มที่ แต่จุดร่วมอย่างหนึ่งในตัวละครหม่อมน้อยก็คือ การที่มันเผยให้เห็นถึงความเป็นพล็อตของหนังเล่าเรื่องตรงที่หนึ่งปีหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
นี่คือข้อมูลของหนังที่เล่าออกมา ผ่านภาษาที่สละสลวย (อันไม่เกี่ยวกับปรัชญาชีวิตในหนังสือ)
เอาสิ่งที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมก่อน ผมคิดว่า โดยหลักๆ หม่อมน้อย สามารถควบคุมหลายส่วนไว้ในมือได้อย่างน่าพอใจ สิ่งที่เป็นเพชรของหนังมากๆ ก็คือ การแสดงของ พลอย เฌอมาลย์ ในบท "ยุพดี" จนเกือบจะเชื่อได้ว่า เธอจะเป็น 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงทุกสถาบันในปีนี้
สำหรับบท "ส่างหม่อง" มีเรื่องน่าติชมอย่างนี้ คาแรกเตอร์ที่ปูมาเสียหายทันทีเมื่อ ส่างหม่อง แสดงอารมณ์เมื่อลงไปในน้ำเพื่อมีความสัมพันธ์กับ "ยุพดี" การพลิกผันฉับพลันมีส่วนทำให้คนดูไม่เชื่อบทของ ส่างหม่อง อยู่พอสมควร
ครึ่งแรกของหนัง สิ่งที่ ส่างหม่อง เป็นและทำ ไม่มีเครดิตเลย แต่คุณ อนันดา เอเวอริ่งแฮม มากอบกู้คะแนนคืนอยู่บ้างในตอนท้ายของหนัง ที่แสดงส่วนของดราม่าได้ แต่ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าพอใจ ผมว่าในส่วนของดราม่านั้น หม่อมน้อยก็ยังให้อะไรบางอย่างกับคนดูได้ในแบบทางของเขา แต่เมื่อถอยออกมาแล้วลองดูอย่างพินิจพิจารณาก็คือ "ชั่วฟ้าดินสลาย" มีส่วนที่ดีและด้อยปะปนกันอย่างชัดเจน บทหนังไม่ดีเลย การเปลี่ยนสถานการณ์ หรือบุคลิกตัวละครแข็งกระด้างมาก จนเกือบไม่เชื่อ
ทว่าการแสดงของนักแสดงหลายคนกลับดีเกินคาด ครึ่งแรกของหนังกับครึ่งหลังของเรื่อง เหมือนมาจากคนละส่วนกัน โทนของหนังโดดๆ อยู่ แต่โปรดักชั่นในส่วนครึ่งหลังทำออกมาได้ดี อันนี้ไม่ต้องนับฉากเลียนแบบ
น่าแปลกเหมือนกันว่า ท่ามกลางข้อดีข้อด้อยที่ปะปนกันของ "ชั่วฟ้าดินสลาย" ผมกลับชอบหนังเรื่องนี้ มากกว่าหนัง 125 ล้าน "กวนมึนโฮ" และงาน 75 ล้านบาทอย่าง "สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก" แถมมีอะไรติดกลับบ้านไปให้คิดต่อ (เมื่อออกจากโรง)
ซึ่งไม่ใช่ก้นผู้ชาย หรือ นมผู้หญิงแน่นอน
"นันทขว้าง สิรสุนทร"