บันเทิง

แขกรับเชิญ-"หัวใจของหนังอิสระ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ผมก็แค่นักดนตรีในผับไม่เคยคิดว่าเพลงของผมจะมีคนฟังเป็นล้าน ผมจึงทำอะไรเล็กๆ และค่อนข้างเป็นตัวเอง"...

"คุณจุ๊ก" อาทิตย์ อัสสรัตน์ ผู้กำกับ-นักเขียนและทำหนังสั้น เปรียบเปรยไว้ จนเมื่อวันหนึ่งสิ่งที่เขาทำ ได้รับการยอมรับในรูปของรางวัลจากเวทีใหญ่ๆ มากมาย รวมทั้งล่าสุดกับรางวัล "คม ชัด ลึก อวอร์ด" ปฏิเสธไมได้ว่า หนังนอกกระแสอย่าง ''วันเดอร์ฟูลทาวน์'' (Wonderful Town) กลับมาได้รับความสนใจ และไถ่ถามกันมากที่สุดอีกครั้ง  
 น่าแปลก...คนไทยรู้จักชื่อของเขาช้าเหลือเกิน เพราะชื่อเสียงของคุณจุ๊กเป็นที่รู้จักในแวดวงหนังสั้นทั่วโลกตั้งแต่ทำหนังเรื่องแรก 
 แต่คงยังไม่สาย ถ้าวันนี้เราจะตามไปดูความคิดของคนทำหนังอิสระที่ยาวด้วยขนาดและรางวัล 
 ...แล้วจะเข้าใจที่ทำไมเขาถึงบอกว่า  "อย่างผม ผมไม่ได้มีหน้าที่แสดงความเป็นไทย ผมมีหน้าที่ที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเอง"

 คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักความหมายของคำว่า หนังอิสระ กระทั่งคนที่ชอบดูหนังเองก็เถอะ เมื่อมีคนรู้ว่าผมเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อิสระ ก็มักจะถามผมว่า หนังอิสระคืออะไร ต่างจากหนังทั่วไปอย่างไร ผมเองเริ่มชินกับคำถามเหล่านี้ จริงๆ แล้ว ผมรู้สึกว่ามันกลายเป็นหน้าที่ไปแล้ว ที่จะต้องคอยหาคำตอบที่ดีเตรียมไว้ คราวนี้ผมได้มีโอกาสที่จะตอบคำถามนี้อีกครั้งให้แก่คนจำนวนมากฟัง (ผมรู้ว่าจะมีคนอ่านบทความชิ้นนี้มากกว่าคนที่ดูหนังของผมเสียอีก) 

 ขออนุญาตยกงานเพลงเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อที่จะเข้าใจได้ง่าย  ผมเชื่อว่าใครๆ ก็รู้จัก "พี่เบิร์ด" ศิลปินในค่ายแกรมมี่ หรือ "แดน-บีม" ศิลปินค่ายอาร์เอส ซึ่งศิลปินดังๆ ส่วนมากก็จะมาจากสองค่ายนี้ทั้งนั้น ส่วนคนที่ชอบเล่นดนตรี ที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดหรือค่ายต่างๆ เช่น นักดนตรี ตามผับ หรือคนทั่วไปที่ทำงานประจำ แต่ใช้เวลาช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เล่นเปียโน กีตาร์ หรือไวโอลิน คุณอาจไม่รู้จักคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร  เป็นเพียงคนธรรมดาที่รักในเสียงดนตรี 

 วงการภาพยนตร์ก็เช่นเดียวกัน ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับทุนสร้างจากค่ายต่างๆ เช่น องค์บาก สร้างโดย ค่ายสหมงคลฟิล์ม หรือ รักสามเศร้า สร้างโดย ค่ายจีทีเอช นำแสดงโดยนักแสดงที่มีชื่อเสียง  ส่วน วันเดอร์ฟูลทาวน์ เป็นภาพยนตร์อิสระ ไม่สังกัดค่าย และ นักแสดงส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จัก ถ้าเปรียบกันผมก็เหมือนนักดนตรีที่ไร้ชื่อเสียง บางคนก็คงสงสัยว่า ทำไมบทความชิ้นนี้จึงได้ตีพิมพ์ใน นสพ.คม ชัด ลึก ก็ขอตอบว่าเพราะ วันเดอร์ฟูลทาวน์ เพิ่งชนะรางวัลสุพรรณหงส์ แล้วก็เกิดคำถามตามมามากมายว่า  หนังอะไร ทำไมถึงได้รางวัล ผมต้องขอขอบคุณ คม ชัด ลึก ด้วยที่มอบโอกาสนี้ให้แก่ผมเพื่อตอบคำถามเหล่านั้น        

 การที่หนังได้รางวัล จริงๆ แล้วผมก็แปลกใจไม่น้อยกว่าคนอื่น เพราะผมไม่คิดว่าจะได้ ก็เหมือนกับว่าผมก็เล่นดนตรีในผับของผมไปเรื่อยๆ แล้วอยู่มาวันหนึ่งผมก็ได้รับรางวัลดนตรียอดเยี่ยมแห่งปีมาครอง ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของคนทั่วไปที่อดสงสัยไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้ คือหนังอะไร เพราะคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้ดู หรือแม้กระทั่งได้ยินชื่อ หนังเรื่อง วันเดอร์ฟูลทาวน์

 ผมทำ วันเดอร์ฟูลทาวน์ ด้วยความสนุกและภาคภูมิใจกับมัน  มันเป็นภาพยนตร์เล็กๆ  ซึ่งว่าด้วยความรักระหว่างคนสองคน เป็นความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเกลียดชัง ทั้งคู่อยู่ในเมืองแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา เมืองเล็กๆ แห่งนี้เพิ่งผ่านเรื่องร้ายจากเหตุการณ์ สึนามิ มาได้ไม่นาน เนื้อหาของหนังไม่ใช่เรื่องตลก ผี หรือแอ็กชั่น มันเป็นเพียงหนังชีวิตที่เล่าเรื่องคนสองคน ผมยอมรับว่าเป็นหนังค่อนข้าง เนิบนาบ และเรียบง่าย

 บางคนถามผมว่า ทำไมไม่ทำหนังให้สนุกกว่านี้หน่อย ผมขอบอกว่า ผมก็แค่นักดนตรีในผับ ไม่เคยคิดว่าเพลงของผมจะมีคนฟังเป็นล้าน ผมจึงทำอะไรเล็กๆ และค่อนข้างเป็นตัวเอง ซึ่งก็มีคนถามผมอีกว่า แล้วทำไมถึงได้รางวัล ผมเองก็ไม่ทราบ และคงไม่สามารถบอกแทนกรรมการได้ ผมขอถามกลับว่า หนังดีวัดจากจำนวนคนดูหรือเปล่า นักดนตรีที่เล่นตามผับ เพลงของพวกเขาไม่ดีเท่าของศิลปินมีชื่อ เพียงเพราะว่าเพลงของศิลปินเหล่านั้นมีคนฟังมากกว่าอย่างนั้นหรือ  

 และคำถามสุดท้ายที่ผมมักถูกถามเสมอ คือ ผมทำหนังเรื่องนี้อย่างไร ก็คงเหมือนนักดนตรีที่เก็บหอมรอมริบเงินเพื่อเช่าห้องอัด อัดเพลงที่ตัวเองแต่ง ผมเองก็เก็บเงิน เพื่อเช่ากล้องมาถ่ายหนัง ไม่ดีหรือครับที่ศิลปะเป็นของพวกเราทุกคน มันอาจจะดูไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ ถ้าคนที่จะเล่นดนตรีต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น ใครๆ ก็ชื่นชอบพี่เบิร์ด รวมทั้งผมด้วย แต่โลกเราก็มีสีสันมากขึ้น เพราะยังมีคนอีกมากมายที่ไม่ได้หวังรางวัลใดๆ ตอบแทน พวกเขาแค่อยากเล่นดนตรี ดนตรีที่ออกมาจากใจ

 ผมภูมิใจมากที่ วันเดอร์ฟูลทาวน์ ชนะได้รางวัลมามากมาย ผมดีใจที่มีคนรู้จัก และอยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น แล้วถ้าบทความชิ้นนี้ทำให้ผมเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผมก็ปลื้มใจเช่นกัน แต่สิ่งที่ผมระลึกอยู่เสมอ คือ ผมทำหนังด้วยความรักโดยไม่ได้คาดหวังรางวัลใดๆ ผมคิดว่าศิลปินทุกคนก็ถ่ายทอดผลงานแต่ละชิ้นออกมาจากความรู้สึกเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าศิลปินคนนั้นจะมีชื่อเสียงหรือไม่ก็ตาม ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากการทำสิ่งที่ตนรัก ไม่ว่าจะเป็นพี่เบิร์ด หรือ เด็กนักเรียนชั้น ม.1 ที่กำลังฝึกเล่นไวโอลีนอยู่ที่บ้าน...

 ผมมองว่าคนทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างกันเลย

อาทิตย์ อัสสรัตน์
ผู้กำกับภาพยนตร์ วันเดอร์ฟูลทาวน์

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ