
ชั่วฟ้าดินสลาย
ผมคิดว่าความน่าสนใจของ ชั่วฟ้าดินสลาย อีกประการหนึ่ง ก็คือจำนวนครั้งที่ถูกนำไปสร้างเป็นหนัง (ไม่นับรวมละครทีวี และ เวที-ซึ่งไม่มีข้อมูล) และแต่ละครั้งมุมมองในการถ่ายทอดหรือตีความจากนวนิยายผ่านไปสู่จอหนัง ก็มีความแตกต่างกันออกไป ผมจำได้ว่าเคยดู ชั่วฟ้าด
ครู ‘เนรมิต’ ขับเน้นการแสดงของ ‘ชนะ’ และ ‘งามตา’ โดยเฉพาะตัวละคร ‘ยุพดี’ ที่ไม่เพียงทำให้ ‘ส่างหม่อง’ หลงใหลคลั่งไคล้ หากแต่ยังหว่านเสน่ห์มายังคนดูอย่างผมเองที่หลงรักเธอเข้าให้อย่างจัง (ไม่น่าเชื่อนะครับว่า แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 55 ปี “ชั่วฟ้าดินสลาย” ในเวอร์ชั่นหนังขาวดำที่สภาพก็ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก อีกทั้งยังดูผ่านรูปแบบดีวีดี จะตรึงใจเราได้ขนาดนี้)
ครู ‘เนรมิต’ ผู้เชี่ยวชาญและช่ำชองในงานถ่ายภาพ มารับหน้าที่ ‘กำกับการแสดง’ ให้แก่หนังเรื่องนี้ (ภายใต้การอำนวยการสร้างของ ‘รัตน์ เปสตันยี’ คนทำหนังหัวก้าวหน้าของเมืองไทยในยุคนั้น) ซึ่งดูเหมือนท่านจะเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ตัวเองอย่างแจ่มชัด งานภาพที่เคยถนัดกลับไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่การลำดับเรื่องราว และการแสดงนั้น กลับทำได้โดดเด่น เข้มข้น เต็มไปด้วยพลังชวนให้ติดตาม
50 กว่าปีผ่าน “ชั่วฟ้าดินสลาย” งานเขียนระดับคลาสสิกของบรมครูนักประพันธ์ มาลัย ชูพินิจ ที่ท่านใช้นามปากการจนานวนิยายเรื่องนี้ว่า ‘เรียมเอง’ ตกมาอยู่ในอุ้งมือของ ‘หม่อมน้อย’ ม ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับที่ควบคุมดูแลทุกอย่างในหนังอย่างประณีตบรรจง ดูจะใส่ใจกับทุกๆ องค์ประกอบของหนังให้งดงาม สมบูรณ์เท่าเทียมกันทุกส่วน
ตั้งแต่งานกำกับภาพ ซึ่งดูเหมือน ‘หม่อมน้อย’ จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ภาพที่ปรากฏในแต่ละเฟรม ไม่ใช่แค่ ‘สวย’ หากแต่ ‘งาม’ เข้าขั้นเรียกว่า ‘วิจิตร’ แม้ฉากในครัวที่ปรากฏบนจอแค่ไม่กี่วินาที ‘แสง’ ที่ส่องเป็นลำผ่านตามช่องหลังคานั้น สวยไม่ด้อยไปกว่างานจิตรกรรมตามแกลเลอรีไหนๆ ไม่นับวิวทิวทัศน์ ทั้งเชิงเขา ผืนป่า ลำธารและน้ำตก ที่บันทึกภาพได้สวยไม่แพ้สารคดีท่องเที่ยว รวมทั้งงานกำกับศิลป์ ที่เรียกว่า ‘ประดิดประดอย’ จนออกมาเป็นความ ‘วิจิตรตระการตา’ ทั้ง ‘คุ้ม’ อันใหญ่โตโอ่อ่า ที่เป็นเหมือน ‘ฮาเร็ม’ ของ ‘พะโป้’ ไปจนถึงห้องหับที่หลับนอน มุ้งหมอน ตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องประดับ ความละเอียดละออแต่ละส่วนเข้าขั้น ‘เนี้ยบ’
และที่สำคัญที่สุดของ “ชั่วฟ้าดินสลาย” ในเวอร์ชั่น ปี พ.ศ. 2553 ก็คือ ‘การแสดง’ ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าปีไหนๆ ไล่มาตั้งแต่ตัวละครสมทบกับบทของ ‘พะโป้’ โดย ธีระพงษ์ เหลียวรักวงศ์ สาวรับใช้คนสนิทที่ ดารณีนุช โพธิปิติ มารับบทนี้ รวมทั้ง ศักราช ฤทธิ์ธำรงค์ ในบท ‘พี่ทิพย์’ คนงานเก่าแก่ผู้กำความลับของปางไม้กลางป่าลึก จนมาถึงตัวละครหลักคือ ‘ส่างหม่อง’ กับ ‘ยุพดี’ ที่มี อนันดา เอเวอริ่งแฮม และ พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ มารับบทสำคัญ ซึ่งการแสดงของทั้งคู่นั้นก็เรียกได้ว่า ‘ยอดเยี่ยม’ จนแทบไม่มีที่ติ
การให้ความสำคัญกับความ ‘งาม’ ชนิดที่คนดูแทบจะไม่ ‘วางตา’ ของ “ชั่วฟ้าดินสลาย” ปี ’53 ซึ่งดูเหมือนจะมีการพยายามยกระดับความงาม ให้ดูเลิศหรูมีระดับ เข้าใจว่าเพื่อให้สมฐานะอัครมหาเศรษฐีของพ่อเลี้ยง ‘พะโป้’ ความเป็นคนทันสมัยรู้เท่าทันโลกของ ‘ยุพดี’ และคนที่เอาจริงเอาจังกับวิชาความรู้และการเล่าเรียนในฐานะปัญญาชนของ ‘ส่างหม่อง’ ผู้กำกับอย่าง ‘หม่อมน้อย’ จึงมีการเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนของงานเขียนเชิงปรัชญาและกวีนิพนธ์ เพื่อสร้างนัยสู่ความมีเสรีภาพของตัวละครหนุ่มสาว และ ความเป็นคนหัวก้าวหน้าที่คิดกล้าแหกกรอบและกฎเกณฑ์ (ถึงขั้นละเมิดศีลธรรม) โดยเฉพาะงานเขียนเรื่อง “Prophet” ของมหาปราชญ์เมธี คาลิล ยิปราน
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือปล่าวนะครับว่า ‘จริต’ ในความ ‘เลิศหรู’ หรือการทำให้ดูมี ‘รสนิยม’ ของ “ชั่วฟ้าดินสลาย” จะเป็นการผลักหนังให้ออกห่างจากคนดู หรือไม่ก็ยกระดับของหนังจนอาจต้อง ‘ปีนบันได’ ดูจึงจะซึมซาบอิ่มเอมร่วมตามไปด้วย ในขณะที่ “ชั่วฟ้าดินสลาย” ปี 2498 แทบจะไม่ประดิดประดอยใดๆ ในเรื่องขององค์ประกอบศิลป์ในหนังแม้แต่น้อย นอกจากมุ่งเน้นความสำคัญไปยัง ‘ส่างหม่อง’ และ ‘ยุพดี’ แม้กระทั่งตัวละคร ‘พะโป้’ ในเวอร์ชั่นนี้ ยังเป็นแค่ชายอ้วนพุงพลุ้ย หนวดขาวเฟิ้มขาดไร้เสน่ห์ใดใด ช่างผิดแผกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากบทประพันธ์ต้นฉบับ เพราะถึงแม้ ‘พะโป้’ จะเป็นชายสูงวัย แต่ต้องมีมาดและบุคลิกดูดี เพราะไม่เช่นนั้นหญิงสาวหัวสมัยใหม่อย่าง ‘ยุพดี’ คงไม่ทิ้งชีวิตโก้หรูในพระนคร ตามมาอยู่ในป่าในดง (ซึ่ง บุตรี ครูมาลัย ชูพินิจ เคยให้สัมภาษณ์ว่า นึกตำหนิผู้สร้างที่คัดเลือกนักแสดงมารับบทตัวละคร ‘พะโป้’ ทั้งๆ ที่คุณพ่อเขียนบรรยายบุคลิก ลักษณะท่าทางเอาไว้อย่างละเอียด)
ทีมนักแสดงที่ฝากฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยม งานกำกับศิลป์ทุกๆ ส่วนที่ทำออกมาสวยงามอย่างวิจิตรบรรจง เรื่องราวที่แทบจะถอดบทประพันธ์มาทุกตัวอักษร อาจจะสมบูรณ์เกินกว่าความเป็นหนังซึ่งควรกอปรด้วยเลือดเนื้อ วิญญาณ สัญชาตญาณหรืออาจจะเป็น ‘สันดาน’ ของความเป็นคนปะปนอยู่
บางที ‘งานศิลปะ’ ดีๆ บางชิ้น อาจเหมาะที่จะประดับอยู่ในแกลเลอรี่ รอคนที่เข้าถึงในความงามเข้าไปเยี่ยมชม มากกว่าไปตั้งโชว์อยู่ในห้างสรรพสินค้าแปะป้ายราคาถูกๆ แต่ไม่มีใครจ่ายเงินซื้อไปเชยชม
ชื่อเรื่อง : ชั่วฟ้าดินสลาย
ผู้เขียนบท-กำกับ : หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล
นักแสดง : อนันดา เอเวอริ่งแฮม, เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์, ธีระพงษ์ เหลียวรักวงศ์, ดารณีนุช โพธิปิติ, ศักราช ฤทธิ์ธำรง, เพ็ญเพชร เพ็ญกุล
เรทติ้ง : น.18+ ภาพยนตร์ที่เหมาะกับผู้ชมอายุ 18 ปีขึ้นไป
วันที่เข้าฉาย : 16 กันยายน 2553
"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"