
รู้ทันกฎหมาย - ซ่อมไม่เสร็จ
ซื้อรถมาก็ต้องมีเวลาเข้าซ่อมบ้าง โดยเฉพาะรถที่เก่าและแก่ แต่รถที่ยังไม่เก่าก็เอาเรื่องได้หากไม่ส่งซ่อมดีๆ ก็มีเรื่องให้ปวดหัว
รถที่ซื้อมาย่อมมีประกันอะไหล่และคุณภาพการใช้งานได้ระยะหนึ่ง หากพ้นกำหนดการประกันแล้ว หากรถเสียหายก็เอาไปซ่อมได้ที่ร้านขายรถ ที่เราเรียกว่าดีลเลอร์หรือตัวแทนยี่ห้องนั้นๆ
บางยี่ห้อก็ไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ต่างหากแยกจากบริษัทที่ขาย กฎหมายถือเป็นคนละคนกันไป คนซื้อรถจึงต้องเข้าใจว่าถ้าซ่อมแล้วมีปัญหาก็ไปหาเรื่องได้กับบริษัทที่รับซ่อม ไม่ใช่กับผู้ขายที่เป็นดีลเลอร์
แต่การไปซ่อมบางทีก็มีปัญหา อย่างที่ถามมาว่าถ้าไปซ่อมแล้วยังเสีย แบบนี้ถือว่าเขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบหรือไม่และแค่ไหน
ก็ต้องดูว่าเวลาไปรับรถที่ซ่อมมา เราสามารถเห็นได้ว่ามันยังบกพร่องไม่เรียบหร้อยหรือไม่ เช่น ซ่อมสีรถที่ประตูหน้า แต่ว่ามาเทียบสีกับประตูหลังแล้วสีด่างเห็นๆ แบบนี้แน่นอนที่เป็นงานไม่เรียบร้อย
แต่คนที่นำรถไปซ่อมก็ย่อมมองเห็น แต่เมื่อไม่ได้สนใจเท่าที่ควร รับรถไปแล้วค่อยไปตรวจสอบที่บ้าน ก็มีความเสี่ยงที่คนซ่อมจะปฏิเสธความรับผิดได้ เพราะกฎหมายบอกว่า ถ้ารับรถไปทั้งที่ชำรุดบกพร้องโดยไม่อิดเอื้อน ผู้ซ่อมไม่ต้องรับผิด
แบบนี้มีวิธีกั๋กไว้ได้ หากไม่แน่ใจก็ต้องสงวนสิทธิเอาไว้เป็นหลักเป็นฐานว่า ยังไม่ได้ตรวจรับงาน แต่ก็ต้องรีบตรวจรับตามเวลาสมควรด้วย ทิ้งไว้สามปีเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าสีด่าง อย่างนี้ก็ควรรับกรรมไป
ถ้าเรื่องความชำรุดบกพร่องนั้นไม่อาจเห็นได้ในทันทีที่รับงานไว้ กลับไปพบเห็นทีหลัง ก็ยังเรียกร้องได้ แต่จะอ้างตะบันไปเรื่อยไม่ได้ ต้องอาศัยความเป็นจริงหรือลักษณะของความบกพร่องด้วยว่าไม่อาจเห็นได้ ไม่ใช่เพราะเราไม่เห็น
แม้ว่าจะไม่เห็นเพราะมันไม่ควรจะเห็นตอนนั้น หรือมาเห็นเอาทีหลังอย่างไรก็ตามที ก็ต้องไปเรียกร้องให้พี่ช่างเขาทำการซ่อมให้เรียบร้อย หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่เวลาที่ส่งมอบรถให้เราเมื่อไหร่ กฎหมายท่านให้ถือว่าคนซ่อมพ้นความรับผิดไป
บางทีคนซ่อมรู้อยู่แก่ใจว่ามันบพกร่องตรงไหน แต่ทำเนียนปิดบังไว้ไม่แจ้งให้ทราบ อย่างนี้กฎหมายมีวิธีจัดการให้ โดยไม่ต้องนำระยะเวลาหนึ่งปีมาใช้ นั่นหมายความว่าคนซ่อมต้องรับผิดชอบแม้ว่าจะเกินกว่าเวลาหนึ่งปีแล้วก็ตาม
ต่อให้ปล่อยไปได้ขนาดนั้น งานนั้นเกิดผู้รับซ่อมไม่ยอมรับผิดชอบขึ้นมา ก็ต้องพาเรื่องไปถึงศาล กฎหมายท่านก็ต้องกำหนดเวลาเอาไว้ เรียกว่าอายุความ
หมายความว่า ถ้าจะฟ้องคนซ่อมรถเมื่อไหร่ก็ต้องฟ้องภายในหนึ่งปีเหมือนกัน แต่นับหนึ่งปีนับแต่วันที่การชำรุดบกพร่องนั้นได้ปรากฏขึ้น
เวลาจะฟ้องหรือเรียกร้องให้รับผิดชอบก็ต้องอยู่ในกรอบความรับผิดตามกฎหมาย คนซ่อมที่ทำงานให้ ถ้าเป็นลูกจ้างของบริษัทหรืออู่ซ่อมรถ กฎหมายท่านให้ไปเรียกร้องให้รับผิดเอากับเจ้านาย คือบริษัทหรืออู่ซ่อมนั้น แต่ไม่ขยายลามไปถึงดีลเลอร์
ซ่อมแล้วหายได้สามวัน กลับมาเสียใหม่ต้องกลับไปซ่อมอีกนั้น ยังไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นความชำรุดบกพร่อง ต้องให้ได้ความชัดเจนว่า ความชำรุดนั้นเกิดจากการซ่อมของเขาด้วย รถบางคันก็ซ่อมแล้วซ่อมอีกด้วยสภาพของมันเอง
รถเสียรถซ่อมก็ต้องรอบคอบกันไว้ จะโทษช่างหรืออู่เสมอไปก็ไม่ได้เหมือนกัน
"ศรัณยา ไชยสุต"