บันเทิง

โรคแปลกๆแขกรับเชิญที่'ดารา'ไม่ต้องการ

โรคแปลกๆแขกรับเชิญที่'ดารา'ไม่ต้องการ

08 ก.ย. 2553

โรคภัยไข้เจ็บ แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่ในปัจจุบันกลับมีโรคแปลกๆ หรือโรคประหลาดเกิดขึ้นกับมนุษย์ จนเราแทบไม่เคยรู้เลย ว่ามีโรคนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ ? เช่นเดียวกับคนบันเทิง ในช่วงนี้ที่จู่ๆ ก็ป่วยเป็นโรคที่คนทั่วไปมึนงง ว่ามีคนป่วยเป็นโรคนี้ด้วยหร

 คนแรก นางร้ายชื่อดัง  "โอ๋" ภัคจิรา วรรณสุทธิ์ ที่เธอป่วยเป็นโรค  มัยแอสทีเนีย กราวิส (myasthenia gravis) หรือเรียกว่าโรค "เอ็มจี" โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยอาการเริ่มแรกที่เธอประสบพบเจอคือ เริ่มตามองไม่เห็น  ร่างกายเริ่มอ่อนแรง จากนั้นเริ่มพูดไม่ได้  อีกทั้งเหนื่อยง่าย เจออากาศร้อนๆ ไม่ได้  และอาการที่เธอเคยเจอหนักสุด คือหายใจไม่ออก ดังนั้นคุณหมอแนะนำว่าอย่าทำงานเหนื่อย ทำให้ตอนนี้เธอต้องรักษาอาการป่วย อีกทั้งกินยาตลอด

 และหากผ่าตัด คุณหมอบอกว่าโอกาสที่จะรอดมี 80 เปอร์เซ็น ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต้องลุ้นเอา  อีกทั้งผ่าตัดแล้วอาจจะไม่หายก็ได้ และอนาคตมีสิทธิ์เป็นมะเร็ง ทำให้ช่วงนี้ โอ๋ต้องชะลอการมีทายาท เนื่องจากโรคดังกล่าวจะส่งผลกระทบทั้งตัวแม่และลูกได้  เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ

 หากใครได้ติดตามข่าวคราวของนักแสดงหนุ่ม "โอ" อนุชิต สหพันธุ์พงษ์ ก็คงจะตกอกตกใจกับอาการป่วยของดาราหนุ่ม ที่จู่ๆ ก็เจอโรคประหลาด  ไวรัสที่ปลายประสาทคู่ที่ 7 ทำให้ควบคุมใบหน้าซีกซ้ายไม่ได้ (ปากเบี้ยวนิดหน่อย) อาการคืออยู่ดีๆ ก็เป็นได้ เพราะทุกคนมีไวรัสตัวนี้อยู่ในร่างกาย เนื่องจากเป็นไวรัสตัวเดียวกับอีสุกอีใส หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ มันก็จะปรากฏขึ้นมา

 โดยอาการเริ่มแรกที่เกิดขึ้นกับโอ เริ่มจากปวดคอ ปวดหัว แต่ตอนนั้นคิด ว่าตัวเองปวดเมื่อยคอธรรมดา หรือปวดหัวปกติ จึงกินพาราเซตามอล ปวดคอ จึงไปนวดแผนไทยธรรมดา หลังจากนั้นก็ไปฝังเข็ม หลังจากนั้นอาการเริ่มหนัก คือยิ้มไม่ได้ เริ่มรู้สึกว่าหน้าเปลี่ยนๆ อาการก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากที่สุด คือกินอะไรแล้วเคลียร์อาหารในปากไม่ได้ จึงไปหาหมอแผนปัจจุบัน รักษาโดยการให้สเตียรอยด์ ให้ยาฆ่าไวรัส จึงต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพอยู่ 4 วัน

 งานนี้หนุ่มโอถึงกับยอมรับ ว่าตอนแรกกลัวจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต แต่เมื่อหมอยืนยันหายแน่นอน จึงทำให้โล่งอก แต่ต้องไปทำกายภาพบำบัด โดยทำท่าบริหารยักคิ้ว ฝึกยิ้ม แล้วก็มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าตามเส้นประสาท เพื่อให้กล้ามเนื้อทำงานมากขึ้น หมอบอกว่า 1 เดือนจะหายเป็นปกติ แต่ห้ามเครียด เอ้า...หายเร็วๆ นะจ๊ะ

 สร้างความตกใจให้บรรดาแฟนๆ  เมื่อดาราสาว สเตลล่า มาลูกี้ นางเอกจากภาพยนตร์เรื่อง "ฟ้าทะลายโจร" เปิดใจผ่านรายการ "ตีสิบ" ของ วิทวัส สุนทรวิเนตร์ หลังหายจากอาการป่วย แต่ต้องเสียขาไปหนึ่งข้าง (โอ้ว...แม่เจ้า)  โดยเธอต้องเจอกับโรคร้าย แคลเซียมสูงผิดปกติในปอด เกิดจากโรคพาราไทรอยด์ ซึ่งมีเพียงแค่ 5 คน ในโลก ที่ป่วยเป็นโรคนี้ และเธอเป็นคนที่ 2 ที่หายป่วย

 โดยการเริ่มต้นจากตอนที่เธอตั้งครรภ์ พอตั้งท้องถึง 8 เดือน น้ำหนักขึ้นแค่ 3 กิโลกรัม ก็เลยไปหาหมอ ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร กระทั่งคลอดลูกเองตามธรรมชาติ แต่เมื่อเลี้ยงลูกได้ไม่นาน เธอกินอาหารแล้วก็อาเจียนออกมาทันที เมื่อไปตรวจอาการ หมอบอกว่าแค่ปัสสาวะอักเสบ อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาอาการหนักขึ้น หมอเจาะเลือดปรากฏ ว่าแคลเซียมในร่างกายสูงมากผิดปกติ มีโอกาสหัวใจวายสูง ต้องส่งเข้าห้องไอซียูทันที และเมื่อเข้าไอซียูได้เพียง 2  ชั่วโมง ปรากฏว่า ตับ ไต ปอด ไม่ทำงาน และเมื่อเข้าเครื่อง ซีทีสแกน ปรากฏว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ หมอบอกว่าต้องตัดทิ้ง แต่ร่างกายอ่อนแอมากไม่สามารถผ่าตัดได้ และแคลเซี่ยมในปอดสูง ทำให้เกิดอาการน้ำท่วมปอดได้

 ดังนั้นการใช้เครื่องช่วยทำงานแทนปอดและหัวใจ ต้องแทงเข็มไปที่เส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาขวา เพื่อต่อเข้าหัวใจ และปอด ตอนแรกอาการดีขึ้น พอใช้ได้แค่ 2 วัน ปรากฏว่าขาเริ่มบวมจนเหมือนจะปริแตกได้ หมอต้องกรีดเนื้อ เพื่อเข้าไปนวดกล้ามเนื้อที่ขาก็ดีขึ้น แต่พอรุ่งขึ้นก็บวมใหม่ คราวนี้เท้าเริ่มดำเริ่มจะเน่าแล้ว หมอกลัวว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ เลยต้องตัดขาทิ้งไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด

 ฟากนักร้องซูเปอร์สตาร์ "ทาทา" อมิตา มาเรีย ยัง  ที่ป่วยเป็นโรค ไทรอยด์ จนทำให้ตัวบวม เดี๋ยวยุบเดี๋ยวพอง จนเป็นอุปสรรคในการทำงานในวงการบันเทิง แต่สิ่งที่คุณพ่อสุดที่รักเป็นห่วงเธอค่อนข้างมาก คือการที่ลูกสาวป่วย  เห็นยาที่ต้องกิน  ฉีดยา เจาะเลือด อยู่ในโรงพยาบาล  เพราะคนเป็นพ่อคงเสียใจพอสมควร เนื่องจากไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร 

 "บางครั้งโรคนี้ ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยพอสมควร และเจ็บตัวทุกครั้งที่เข้าไป เพราะไม่ได้เข้าไปนอน บางทีเข้าไปเจาะเลือด ต้องตรวจร่างกาย เดือนหนึ่งอย่างน้อยต้องไปหาหมอ 1-3 ครั้ง  เพราะโรคไทรอยด์ ต้องเช็กอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้เป็นเรื่องของการลดน้ำหนัก เพราะต้องทำงาน แต่คุณหมอไม่อยากให้ลดมาก บางครั้งเราไม่ได้ทานมาก แต่มันบวมด้วยตัวเอง  ส่วนค่าใช้จ่ายในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา สาวทาทาบอกว่าสูงพอสมควร แต่ยังไม่ถึง 10 ล้าน  แต่ก็หมดไปเยอะเหมือนกัน เพราะปีหนึ่งก็ต้องเสียค่ารักษาหลายล้านบาท" ทาทากล่าว (อู๊ย...ย) 

 อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนหายจากอาการป่วยเร็วๆ นะจ๊ะ