บันเทิง

2 ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่
ของวง ‘แพนเค้ก’

2 ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ ของวง ‘แพนเค้ก’

31 ก.ค. 2553

หายไป 2 ปีเต็ม กลับมาคราวนี้วง “แพนเค้ก” ที่สมาชิกในวงยังอยู่กันครบทีมทั้ง “นิ้งหน่อง” ทินกร พึ่งตาราวี (นักร้องนำ) “โจ” เหมือนเพชร อำมะระ (มือกีตาร์และโปรดิวเซอร์) “พีท” กฤษฏิ หาญเจริญวนะภูษิต (มือกีตาร์) “ยอด” อาทิตย์ รัตนพันธ์ (กลอง) และ “เบนนี่” อธิส

  “ก่อนหน้านี้เราทำเป็นซิงเกิ้ลมา 4 เพลงปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ออกอัลบั้มเต็ม เป็นการทดลอง ว่าจริงๆ ที่เราผ่านมา 3 อัลบั้ม แต่อัลบั้มที่ 3 ไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดีเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนทำออกมาตามระยะเวลาที่บีบบังคับ เลยคิดได้ไม่ค่อยเยอะ แต่ว่าอัลบั้มนี้เหมือนเป็นการกลับไปสู้จุดเดิม ที่เราเคยเป็น คือคิดงานแบบไม่ต้องมายึดติด ว่าจะฮิตหรือไม่ฮิต จะดังหรือไม่ดัง มีสลักอะไรมาจำกัดเรา ทำให้ใช้เวลาทดลองกันค่อนข้างนาน ระยะเวลา 2 ปี เราทำซิงเกิ้ล 4 ซิงเกิ้ล เกลียดเพลงรัก ต้นงิ้ว แทนความว่างเปล่า และเพลงประกอบละครคุณหนูฉันทนา ซึ่ง 4 เพลงนี้ไม่เหมือนกันเลย มันเกิดการหลอมรวมความคิดที่มันเปิดกว้างมากขึ้น เลยเริ่มทำอัลบั้มมาเรื่อยๆ ด้วยการค่อยทำทีละเพลง จน 2 ปีมันก็ครบ 10 เพลงพอดี” โจมือกีตาร์ของวงกล่าว ก่อนที่พีท มือกีตาร์อีกคนกล่าวเสริมว่าการทำอัลบั้มนี้เป็นทำดนตรีในสไตล์ใหม่ๆ ของพวกเขา

 “ทดลองเรื่องดนตรีใหม่ ซาวนด์ใหม่ วิธีการอัดใหม่ วิธีการร้องใหม่ วิธีการดีไซน์ เมโลดี้ รูปแบบ เนื้อเพลง เพราะบางทีเราแต่งมาเนื้อเพลง ก็วนๆ อยู่ที่เดิม อกหักก็ไม่ได้แตกต่างจากชุดแรก ชุดสองเท่าไหร่เลย เลยคิดว่าควรเปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ โดยการหลอมรวม 4 ซิงเกิ้ลเมื่อปีที่แล้ว เพราะทั้ง 4 เพลงนั้น มีสไตล์เพลงไม่เหมือนกันเลย โดยเราเลือกจุดเด่นๆ และจุดแข็งของทั้ง 4 เพลงมาไว้ด้วยกันในอัลบั้มนี้ โดยเรียกแนวเพลงในอัลบั้มนี้ ว่าเป็นวาไรตี้ป๊อปร็อก เราไม่ได้จำกัดว่าเป็นแนวไหนเลย” พีทเผย

 โดย “โจ” ซึ่งรับหน้าที่โปรดิวเซอร์อัลบั้มนี้ ยังเล่าถึงการทำงาน ว่าต้องทำงานร่วมกับ “ตี่” กริช โทมัส ซีอีโอของแกรมมี่ว่าเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ก็มีคัดความรู้สึกบ้างในช่วงแรกๆ

 “การทำงานเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไป คือการใช้ความรู้ทางด้านดนตรีที่มากขึ้นกว่าเดิม ต้องศึกษาให้มันใกล้เคียงกับสิ่งที่เราจะทำ เพราะว่าในอัลบั้มนี้เรามีเอ็กเซ็กคลูทีฟโปรดิวเซอร์ ที่เป็นคนดนตรีตัวจริงอย่างพี่ตี่ (กริช โทมัส) โดยพี่ตี่เป็นคนดูแลอัลบั้มทุกอัลบั้มในตึกแกรมมี่ การทำงานกับพี่ตี่ไม่ยากเลย แค่เราเข้าไปฟังๆๆ ที่พี่เขาพูดมา โดยตอนแรกก็มีความรู้สึกว่ากึ่งๆ เป็นความรู้สึกเล็กๆ ว่าการที่พวกเราทำเพลงกันมาตลอด มันก็ประสบความสำเร็จ แล้วทำไมผมต้องมาเชื่อหรืออะไรด้วย คือมันจริงเหรอ มันก็มีมุมนั้นเหมือนกัน แต่ด้วยความที่พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ เขารู้ว่าเขาจะต้องเปลี่ยนมุมมองเรายังไง เขาไม่ได้สอนอะไรมาก

 เขาเรียกมานั่งคุยธรรมดา แล้วพี่เขาก็จะให้เราฟังเพลงค่อนข้างเยอะมาก เพลงตั้งแต่ยุค 60-70-80 ซึ่งเป็นเพลงร็อกที่เต้นรำ ทำให้เรารู้สึก ว่าเราใช่กับเพลงแบบนี้ แล้วพี่เขาถึงค่อยมาบอก ว่าทำเพลงแบบนี้ทำยังไง เพราะจะให้วงเราไปเล่นเพลงหนักๆ หรือให้เล่นเหมือนวงอื่น บางทีเรารู้สึก ว่ามันไม่ใช่ตัวเอง พี่เขาสอนให้เรารู้ ทำให้เราไม่เกิดการต่อต้าน ทำให้รู้สึกนับถือ เพราะการที่เราอยู่วงการนี้เราควรมีทฤษฎีอะไรบ้าง ไม่ใช่ทำไปโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด” โจเผย พร้อมออกอาการปลื้มแบบสุดๆ ที่กลับมาคราวนี้ ได้รับการตอบรับที่ดี จนทำให้มีกำลังใจมากขึ้น

 “พอใจมาก เพราะตอนที่ปล่อยเพลงวงแหวนดาวเสาร์ออกมาไม่ได้คิด หรืออยากให้มันเป็นเพลงฮิต อยากให้รู้สึก ว่าเรากลับมาในความใหม่แล้วก็สนุก เพราะว่าเพลงเร็วของเรา ไม่ได้เป็นเพลงที่หลายคนพูดถึง ทั้งๆ ที่เราก็เล่นคอนเสิร์ตสนุก มันสวนทางกัน เพราะทุกคนรู้ ว่าแพนเค้กเป็นวงสนุก แต่ว่ากลับไม่ฟังเพลงเร็วเรา จะถามหาแต่เพลงช้า มันก็เลยแบบ ว่าแปลกๆ เราเลยอยากให้ทุกคนฟังเพลงเร็ว แล้วหันมามอง แค่เพลงเร็วของเรา ทำให้แฟนๆ ตื้นเต้นนิดหนึ่ง มันก็ดีมากแล้ว ยิ่งเพลงความคิดถึง ไม่พึ่งปาฏิหาริย์ออกมากระแสตอบกลับมาดี มันทำให้หายเหนื่อย เพราะอัลบั้มที่ 3 มันไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่พอปล่อยเพลงอัลบั้มนี้ออกมา กระแสตอบรับดี มันทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นมากเลย” โจแจง โดย พีท กล่าวเสริมต่อ ว่าการหายไป 2 ปี พวกเขาเคี่ยวชิ้นงานนี้ โดยไม่ใช่ทำแค่ 10 เพลง เพราะทำเพลงออกมา ว่า 20 เพลง แต่ก็คัดตัดแล้วก็แก้ หลายรอบมาก จนได้ออกมาเป็น 10 เพลงนี้ เพื่อจะตอบแทนให้คนฟังได้ฟังเพลงที่มีคุณภาพ" โจกล่าว

 ปิดท้ายด้วย “หน่อง” นักร้องนำที่ขอฝากถึงอัลบั้มใหม่ด้วยวลีคมๆ ที่อยากให้แฟนๆ ซื้ออัลบั้มของจริงที่มีคุณภาพ

 “ตอนนี้อัลบั้มวางแล้ว อยากให้ทุกคนซื้อของจริง รับรองว่า ทั้งระบบเสียง และระบบภาพคม ชัด ลึก แน่นอน” หน่องปิดจบ