บันเทิง

หนังชีวประวัติ

หนังชีวประวัติ

08 ก.ค. 2553

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวการนำชีวประวัติของประธานาธิบดี บารัก โอบามา มาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยหยิบเอาเรื่องราวในช่วงวัยเด็ก เมื่อครั้งใช้ชีวิตอยู่ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย...

  ในฮอลลีวู้ด มีการสร้างหนังชีวประวัติมากมาย เรื่องราวของผู้คนเกือบทุกๆ สาขาอาชีพ ต่างถูกนำมาขึ้นจอ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้นำประเทศ นักร้อง นักแสดง ศิลปิน เศรษฐี เซลส์แมน หรือยาจก ฯ...อย่าลืมนะครับว่า เรื่องราวในหนังหรือละครล้วนจำลองมาจากชีวิตจริง หรือแม้กระทั่งหนังแฟนตาซี ตัวละครที่ดูพิสดารพันลึก ก็ถอดบุคลิกมาจากมนุษย์ปุถุชน มีเลือดเนื้อ มีลมหายใจ ร่างกายประกอบด้วยเนื้อหนังมังสาอย่างเราๆ ท่านๆ นี่ล่ะครับ

 เหตุที่ยกประเด็นหนังชีวประวัติมากล่าวอ้าง เนื่องเพราะบ้านเราแทบไม่มีการสร้างหนังแนวนี้ขึ้นมาเลย หนึ่งอาจกลัวถูกฟ้องร้องจากคนในครอบครัวหรือทายาทโดยอ้างว่าบิดเบือนข้อเท็จจริง สองไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างหรือไม่ก็ติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ สามไม่มีเรื่องราวชีวประวัติคนไหนน่าสนใจพอจะเอามาขึ้นจอ และสี่ไม่มีคนทำหนังรายใดกล้าทำหนังแนวนี้ออกมาให้ดู จะด้วยเพราะใจเสาะกลัวคนไม่ดู นายทุนใจไม่กล้า หรือใจไม่ห้าวหาญพอจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปบ้าง

 หนังอัตชีวประวัติเรื่องล่าสุดของบ้านเรา เห็นจะเป็นเมื่อ 9 ปีก่อนครับ กับเรื่องราวของนักคิดนักเขียน นักวิชาการคนสำคัญในสังคมไทย อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชีวประวัติของท่านถูกถ่ายทอดลงใน “14 ตุลา สงครามประชาชน” หนังตั้งต้นจากเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ มหาวิปโยค ในปี พ.ศ. 2516 เมื่อครั้งอาจารย์เสกสรรค์อยู่ในฐานะผู้นำขบวนการนิสิตนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยหลบลี้หนีภัยการเมืองเข้าป่ารวมกลุ่มกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หนัง “14 ตุลาฯ” เล่าถึงการต่อสู้เอาตัวรอดในป่า ทั้งเพื่อปากท้องและอุดมการณ์

 ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หนังอัตชีวประวัติเรื่องดังที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีก็คือ “วัลลี” ออกฉายเมื่อปี พ.ศ.2528 หนังที่จำลองเอาเรื่องราวของเด็กหญิงยอดกตัญญู วิ่งๆ ไปกลับระหว่างบ้าน-โรงเรียน หลายสิบกิโลเมตรเพื่อดูแลแม่และยายที่ป่วย... “ครูจันทร์แรม ประทีปแห่งลุ่มแม่น้ำสาย” เป็นอีกเรื่อง ที่สะท้อนภาพชีวิตจริงของ จันทร์แรม ศิริคำฟู ครูสาวบนดอยสูง ที่อุทิศทั้งชีวิตให้นักเรียนยากจนและชาวเขาที่ไม่รู้หนังสือ ทั้งที่เธอเองจบการศึกษาเพียงชั้น ป.4 หนังออกฉายเมื่อปี พ.ศ.2535

 “ครูสมศรี” เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของครูนักสู้เพื่อสังคม แม้ ‘ครูสมศรี’ จะเป็นตัวละครที่ ‘ท่านมุ้ย’ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล สร้างขึ้นมา แต่ทว่าเรื่องราวทั้งหมดในหนังรวมทั้งตัวละคร ‘ครูสมศรี’ คือภาพจำลองบทบาทการทำงานเพื่อสังคมของครูประทีป อึ้งทรงธรรม อดีตครูสาวผู้บากบั่นทุ่มเทเพื่อการศึกษาและชีวิตที่ดีกว่าให้แก่เด็กและผู้ยากไร้ในสลัมคลองเตย

 พ้นจากเรื่องราวของคนดีแล้ว วงการหนังไทยเองก็เคยมีหนังที่เกี่ยวข้องกับคนที่สังคมตราหน้าว่าเป็นบุคคลอันตราย อาทิ ฆาตกรต่อเนื่อง อาชญากร อาทิ “ซีอุย” (ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังแล้ว 2 ครั้ง ละครโทรทัศน์อีก 1 ครั้ง) “บุญเพ็งหีบเหล็ก” (คดีฆาตกรรมเขย่าขวัญ ในสมัยรัชกาลที่ 5-6) หรือบุคคลที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม อาทิ นวลฉวี, เตือนใจ (เคยมีโครงการที่จะนำฆาตกรฆ่าข่มขืนเจ้าของฉายา ‘เป๋ อกไก่’ มาสร้างเป็นหนังด้วยเหมือนกัน แต่ก็ล้มเลิกไป)

 หนังอัตชีวประวัติ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ล้วนมีความน่าสนใจอยู่ในตัวระดับหนึ่ง (ถ้าไม่น่าสนใจ คงไม่มีใครอยากนำเรื่องราวไปสร้าง) จะเห็นว่าสำหรับหนังไทยนั้น หนังอัตชีวประวัติมีจำนวนน้อยหรือเกิน (น้อยจนน่าใจหาย) ทั้งๆ ที่บ้านเรามีบุคคลสำคัญมากมายที่น่าจะนำเรื่องราวของท่านเหล่านั้นมาเล่าสู่คนรุ่นหลังให้ได้ศึกษากันต่อไป

 ครั้งหนึ่ง ผู้กำกับ ‘มะเดี่ยว’ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เจ้าของหนัง “รักแห่งสยาม” “13 เกมสยอง” และ “คนผีปีศาจ” เคยให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องราวของบุคคลสำคัญที่เขาอยากนำมาสร้างเป็นหนังมากที่สุดคือ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของรัฐบุรุษคนสำคัญของไทย อ.ปรีดี พนมยงค์ นั่นเองครับ...ครั้งหนึ่งอีกเช่นกัน ที่ผู้กำกับ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ แห่ง “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” และ “แฝด” เคยประกาศทำหนังชีวประวัติของนักวิชาการคนสำคัญ ‘สอ เสถบุตร” นักคิด นักเขียน ผู้ริเริ่มทำพจนานุกรมไทย-อังกฤษ เป็นคนแรก ซึ่งเรื่องราวชีวิตของท่านก็เข้มข้น ผ่านเรื่องราวมากมาย พอๆกับจำนวนความหนาของหนังสือเลยทีเดียว

 มีคนไทยมากมายรอดูหนังอัตชีวประวัติ พอๆ กับมีบุคคลอีกจำนวนมาก ที่เรื่องราวของเขาและเธอสมควรได้รับการถ่ายทอดลงบนภาพยนตร์ในฐานะหนังชีวประวัติ

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"