
'มายา'พาหลงใหลเรียนจบมาไม่ได้ใช้
เขาว่าวงการมายาเป็นอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝันใครที่ได้เข้ามามักจะหลงใหลจนไม่อยากจะไปทำอาชีพอื่นใดอีกด้วยเป็นอาชีพที่นอกจากจะสร้างรายได้มากมายในเวลาชั่วพริบตาก็ยังเป็นอาชีพที่สร้างชื่อไปไหนมาไหน
มีแต่คนต้อนรับแถมได้สิทธิพิเศษในหลายๆอย่างเช่นบางทีไปซื้อของกับแม่ค้าที่เขาถูกใจดารานั้นๆก็อาจมีสิทธิได้กินฟรีอีกแน่ะจึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าคนดังที่อยู่ในวงการเวลานี้แม้ว่าจะร่ำเรียนมาในสาขาอาชีพที่แตกต่างแต่เมื่อได้ลองใช้ประสบการณ์ในวงการบันเทิงก็แทบจะหันหลังให้แก่วิชาชีพที่สู้อุตส่าห์ร่ำเรียนมาและแทบจะขอตายไปกับการเป็นดาราเลยก็ว่าได้
อย่างพระเอกดัง"ป๋อ"ณัฐวุฒิสกิดใจจบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิตกระทั่งไปศึกษาต่อปริญญาโทสาขาบริหารการจัดการจากSoutheastern University ประเทศอังกฤษดีกรีดีขนาดนี้แต่เมื่อกลับมาพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าก้าวเท้าไปสมัครงานในช่วงที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดจึงทำให้ไม่มีบริษัทใดรับป๋อเข้าทำงานเลยจนทำให้พระเอกดังรู้สึกไม่อยากเลือกงานแล้วขอทำอะไรก็ได้สุดท้ายได้มีโอกาสเจอ"คุณแดง"สุรางค์เปรมปรีดิ์และได้มีโอกาสเซ็นสัญญากับช่อง7 สีทุกวันนี้ป๋อเลยค้นพบเส้นทางของเขาแล้วแถมยังพบกับว่าที่ภรรยาในอนาคตอย่าง"เอ๋"พรทิพย์วงศ์กิจจานนท์อีกด้วยว้าววว...
แม้ว่าจะตั้งหน้าตั้งตาศึกษาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีจนสามารถคว้าปริญญามาได้เป็นผลสำเร็จแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่"บี้"สุกฤษฎิ์วิเศษแก้วร่ำเรียนมาจะดึงดูดใจเขาได้เท่ากับสิ่งที่กำลังสร้างชื่อสร้างรายได้ให้เขาอยู่ในเวลานี้ด้วยระหว่างที่บี้ยังไม่สำเร็จการศึกษานั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าประกวดเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวปี3 แม้ว่าจะไม่ได้คว้าอันดับหนึ่งในปีนั้นแต่บี้ก็โด่งดังเป็นเดอะสตาร์แถวหน้าได้ไม่ยากแต่ที่ยากกว่าคือการจะให้กลับไปเป็นวิศวกรตามที่เคยร่ำเรียนมานั่นแหละ
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่านักร้องหนุ่มวงร็อฏชื่อดังบอดี้สแลมอย่าง"ตูน"อาทิวราห์คงมาลัยที่เรียนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแต่ไม่มีความคิดอยากจะทำงานตามสายที่เรียนมาตรงกันข้ามกลับอยากจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปเพราะที่ผ่านมาเรียนเพื่อให้แม่สบายใจกระทั่งตูนไปลองสอบเป็นสจ๊วตและได้ทำงานที่สายการบินกัมพูชาแอร์ไลน์ทำอยู่ได้นานถึง2 ปีแต่ที่สุดก็ค้นพบว่าสิ่งนี้ยังไม่ใช่ตัวเองซึ่งผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตูนมาเป็นนักร้องนำวงบอดี้สแลมในวันนี้คือแฟนเก่าของเขาที่เลิกรากันไปแล้วด้วยเพราะตูนอยากจะทำชีวิตตัวเองให้ประสบความสำเร็จเพื่อเหนี่ยวรั้งแฟนสาวไว้แต่ไม่เป็นผลแต่ถึงอย่างไรก็ทำให้เขาเป็นตูนบอดี้สแลมจนถึงวันนี้
ขนาดระดับพระเอกดังอย่าง"เคน"ธีรเดชวงศ์พัวพันธ์ก็ไม่ได้ทำงานตามสายที่เรียนมาคือการถ่ายภาพBrooks Institute of Photography จากแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกาทว่าเคนยังเรียนไม่จบก็ถูกเรียกตัวกลับมาที่เมืองไทยเสียก่อนด้วยความที่ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นทั้งคุณพ่อวีรประวัติที่เป็นผู้กำกับและคุณแม่กาญจนาเป็นผู้เขียนบทโทรทัศน์เคนจึงได้รับการผลักดันให้เข้าสู่วงการบันเทิงกับละครเรื่องแรกราชินีลูกทุ่งพุ่มพวงดวงจันทร์ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนเคนจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเล่นได้ออกมาธรรมชาติมากคือแข็งเป็นหิน(ฮา)แต่แล้วน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนทุกวันนี้คุณพ่อลูกอ่อนก็กลายเป็นพระเอกแถวหน้าของเมืองไทยและไม่คิดจะกลับไปทำงานตามสายที่เรียนมานอกจากว่าจะชอบถ่ายรูป(ลูก)เล่น
แม้จะมีข่าวทำนองเรื่องรักๆใคร่ๆออกมาให้เห็นบ่อยครั้งแต่เรื่องของการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญที่"จ๋า"ณัฐฐาวีรนุชทองมีไม่คิดจะขว้างทิ้งเพราะก่อนหน้านี้เธอจบปริญญาตรีภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกระทั่งคว้าปริญญาโทยุโรปศึกษาจากสถาบันเดียวกันมาอีก1 ใบและในเวลานี้เธอก็ยังมุ่งมั่นกับการเรียนต่อปริญญาเอกสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งในอนาคตไม่ไกลนี้วงการบันเทิงก็จะมีนางเอกที่มีดีกรีดอกเตอร์ประดับวงการด้วยแต่กระนั้นหลายคนก็สงสัยว่าเธอเรียนมาขนาดนี้จะมีโอกาสได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาหรือไม่แต่จ๋าบอกว่าแม้จะไม่ได้นำไปประกอบวิชาชีพแต่เธอก็เรียนไว้เพื่อประดับความรู้ในชีวิตเพื่อเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของอาชีพนักแสดงในวันข้างหน้าแหม...น่าคิด
ปิดท้ายกับ"นุ่น"ศิรพันธ์วัฒนจินดาที่จบจากสาขาวิศวกรรมอุตสาหการคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่แต่กลับมาหลงใหลอยู่ในเส้นทางบันเทิงทั้งที่ตอนแรกทางบ้านไม่ปลื้มด้วยซ้ำและยังอยากให้เธอเรียนหมอแต่นุ่นบอกว่าชอบทำงานหนักๆจึงเลือกเรียนวิศวะเพราะไหนๆก็ไม่ได้เรียนสายศิลป์ตามใจชอบแล้วกระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงและได้พิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวเห็นและพลอยปลื้มกับความสำเร็จไปกับเธอวันนี้นุ่นบอกว่าเสียดายกับวิชาที่ร่ำเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้เหมือนกันและถ้ามีโอกาสก็อยากที่จะไปสอนหนังสือให้เด็กๆด้วย
เรียนจบแล้วถึงจะไม่ได้ใช้ในวิชาชีพที่เรียนมาแต่ถ้าประสบความสำเร็จได้ไม่ทำอาชีพที่ทำให้ใครเดือดร้อนก็น่าจะเพียงพอแล้ว...