
คุยกับ 'โก๊ะตี๋'ชีวิตนี้(ไม่)ตลก
ใครจะคิด ว่าจากตลกผมโก๊ะตัวเล็กๆ หนึ่งในคณะตลกของ เอ็ดดี้ ผีน่ารัก เมื่อสิบกว่าปีก่อน วันนี้จะกลาย มาเป็นตลกแถวหน้าของเมืองไทย สร้างเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่เห็นหน้า ทว่าชีวิตจริงของ เจริญพร อ่อนละม้าย หรือที่รู้จักกันดีในนาม โก๊ะตี๋ อารามบอย หาได้ตลกเหม
งานรุม
ผลงานเวลานี้
ทำหลายอย่าง ทั้งหนัง พิธีกรต่างๆ นานา ทั้งทูไนท์ โชว์ ล้วงลับตับแตก ทำทุกอย่าง ละครซิทคอมก็มี แต่ละครยาวไม่ค่อยรับ เพราะส่วนมากละครจะใช้เวลานาน เราไม่มีเวลา เพราะบางทีอยากทำหลายอย่าง แต่ถ่ายละครมันต้องใช้เวลาเยอะ
มีโอกาสเป็นผู้กำกับหนังด้วย
ที่ผ่านมาก็มีได้เป็นผู้กำกับหนังเรื่อง หัวหลุดแฟมิลี่ และ สามย่าน ก็ถือว่าทำให้เราได้มีประสบการณ์มากขึ้น แต่บังเอิญหนูอาจจะโชคร้าย เพราะหนังบังเอิญเข้าฉายในช่วงที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ทั้งสองครั้ง
จะมีโอกาสเห็นนั่งแท่นกำกับหนังอีกไหม
มีแน่นอน หนังเรื่องนี้หนูตั้งใจอยากทำมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ แต่โชคดีมากที่ไม่ได้ทำ เพราะ 2 เรื่องที่ผ่านมา หนูโดนแจ็กพ็อตทางการเมือง ตอนนี้ก็มีค่ายที่เขาเสนอมาอยากให้เราทำให้เขา ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นปีหน้า ที่จะได้เห็นกัน หนูชอบหนังนะ เพราะมันคลาสสิก ละครก็คลาสสิกในแบบที่สามารถทำแล้วทำอีกได้หลายๆ ครั้ง ส่วนความคลาสสิกของหนังคือทำยังไงที่จะดึงดูดให้ผู้ชมอยากจะมาดูหนัง อยากจะเสียเงิน 120 บาท ซื้อตั๋วมาชมได้
ล่าสุดจะมีทอล์กโชว์คาเฟ่ ออน สเตจ ตอน "โก๊ะตี๋ 6 แพร่ง"
ก่อนหน้านี้เรามี โก๊ะตี๋ คาเฟ่ ออน สเตจ ตอน คอนเสิร์ตแบบโก๊ะ โก๊ะ ครั้งนั้นเลียนแบบพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) แต่คราวนี้ โก๊ะตี๋ 6 แพร่ง เราเลียนแบบหนังเรื่อง 5 แพร่ง คืออยากให้คนได้มาขำ ซึ่งจะมีร้องเพลงและเต้นมากกว่าเดิม และปีนี้เราจะมีเซอร์ไพรส์กับแขกรับเชิญที่มา ทั้ง ตั๊ก บริบูรณ์ ชิน ชินวุฒิ มัม ลาโคนิค พี่เอกชัย ศรีวิชัย เชื่อว่า คนมาดูต้องได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับบ้านไปแน่นอน หนูไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะครั้งที่แล้วคนดูชอบ บางคนก็ดูจากดีวีดี แล้วเขารู้สึกว่ามันเกินคาด ก็เลยอยากดูของจริง ไม่คิดว่าโก๊ะตี๋จะทำได้ขนาดนี้ ก็เลยเกิดคอนเสิร์ตครั้งนี้ต่อ
ทำงานมากมาย มีเวลาพักผ่อนบ้างหรือเปล่า
ถ้าว่างเมื่อไหร่ หนูก็นอน จริงๆ การพักผ่อนสำหรับหนู ก็คือนอน กับการอยู่กับที่บ้าน นั่นก็เหมือนกับได้ปลดปล่อยจากงานที่ทำ คนอาจจะบอกว่าเอาเวลาตรงไหนพัก ทำงานเยอะขนาดนี้ แต่นี่แหละ การที่หนูได้อยู่กับครอบครัว ก็เหมือนกับได้พักผ่อน
ชีวิต(ไม่)ตลก
ข่าวว่าโก๊ะตี๋ เป็นเศรษฐีร้อยล้าน
โอ้ย...ถ้าหนูมีร้อยล้าน หนูจะมานั่งเหนื่อยอย่างนี้ทำไม จริงๆ หนูไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก แค่ถ้ามี 20 ล้าน หนูก็ทำตัวนิ่งๆ สบายๆ แล้ว หลายคนอาจจะมีเงินแล้ว ต้องการชื่อเสียง บารมี แต่หนูอยู่วงการมา 10 กว่าปี มีชื่อเสียงแล้ว แต่เงินไม่มี (หัวเราะ) เพราะคนเขาเห็นแต่รายรับของเรา เขาไม่ได้มาเห็นว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง
ทุกวันนี้มีภาระอะไรบ้าง
หนูมีหลานแท้ๆ 3 คน แล้วยังหลานนอกไส้อีก ต้องดูแลบ้านถึง 2 หลัง เลี้ยงดูคนทั้งครอบครัว ข้าวเม็ดหนึ่ง หนูก็ยังต้องซื้อให้ คนอื่นเขาไม่ได้ช่วยหา เราก็บอกเขาแล้ว แต่เขาไม่เปลี่ยนนิสัยตัวเอง หนูก็เลยไม่รู้จะทำยังไง แล้วหนูก็ไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจ เพราะแม่หนูเขาอยากช่วย หนูก็อยากทำทุกอย่างให้แม่หนูมีความสุข หนูไม่ได้แช่งนะ แต่หนูก็อยากให้ทุกเวลาของแม่หนูที่อยู่บนโลกนี้มีความสุข แต่เขาชอบคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ห่วงคนนั้นคนนี้ทุกอย่าง หนูเลยต้องคอยช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายให้คนอื่นๆ ด้วย บางทีแม่หนูเขาก็บ่นว่าอยากตาย หนูก็ประชดเลยว่า ถ้าแม่ตาย หนูก็สบายเลยนะ หนูไม่เอาพี่ไม่เอาน้องเลยนะ แม่หนูเลยไม่อยากตายแล้ว เพราะห่วงคนอื่น (หัวเราะ)
เดือนหนึ่งๆ ต้องหาเงินให้ได้เท่าไหร่
ต้องให้ได้หลัก 2 แสนขึ้นไปต่อเดือน ทั้งค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ-ไฟ ค่าจานดาวเทียม ค่ายใช้จ่ายทุกอย่างต้องหาหมด ต้องดูแลสมาชิก 2 หลัง บ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านกัน ดูแลหมดแหละ แต่มันเป็นนิสัยเขา คงจะบอกเขาว่าอย่าฟุ่มเฟือยไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ทำงานเหนื่อยในการหามา ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร ถ้าหมดก็ค่อยขอน้องใช้ใหม่ (ยิ้ม)
เวลาอยู่บ้าน โก๊ะน่าจะเป็นคนซีเรียส
โอ้ย เข้าบ้านหนูเป็นคนซีเรียส อยู่นอกบ้านอาจจะดูตลก นี่หนูยังไม่อยากนึกสภาพ ว่าถ้าหนูเป็นอะไรไป มันจะล้มเป็นโดมิโน่ขนาดไหน พี่ชายหนูคนโตอายุ 44 ปีแล้ว เขายังไม่คิดเลย ยังแบมือขอเงินแม่อยู่เลย ทุกวันนี้หายใจทิ้งไปวันๆ ขนาดหนูให้เงินเขาใช้เป็นเงินเดือน ก็ยังไม่วายไปขอแม่ ถ้าหนูไม่ให้เป็นเงินเดือน จะขอเยอะกว่านี้ คงขอไม่จบ
ท้อไหม
ท้อ แต่ไม่ถอย เพราะมันเป็นปัญหาแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก หนูเป็นคนหากินมาตั้งแต่เด็ก อายุ 12 ปี เข้าใจเลยคำว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งบางคนรู้ว่าหนูใจบุญ ก็มาขอเงินหนูดื้อๆ เลย บางคนบอกว่าลูกต้องเรียนว่ายน้ำ ไม่อยากให้ต้องทิ้งคอร์สเรียนกลางคัน ก็มาขอเงินหนู 8 พัน หนูก็อยากจะบอกว่า หนูใจบุญนะ แต่ไม่ใช่กองทุนช่วยเหลือหมู่บ้าน ไม่ใช่พระเจ้ามาโปรดทุกคน พอมีคนรู้เบอร์โทรหนูมากๆ หนูก็ปิดเครื่องเลย เพราะหนูเป็นคนปฏิเสธคนไม่เป็น
ทุกวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร
มันก็เปลี่ยนนะ เมื่อก่อนเวลามาทำงาน ก็จะสวัสดีคนนั้นคนนี้ แต่วันนี้เข้ามาก็มีแต่คนไหว้ ส่วนคนที่เราไหว้เขา ก็ไปเป็นผู้บริหารกันหมดแล้ว (หัวเราะ)
ชีวิตเปลี่ยนเพราะอะไร
เพราะหนูมีความคิดสวนทางกับเด็กคนอื่นๆ หนูไม่ได้บอก ว่าต้องให้ทำตามอย่างหนูนะ แต่หนูกล้าออกจากโรงเรียน กล้าทำอะไรอย่างที่ตัวเองชอบ และทำให้ดีที่สุด หนูชอบแสดงออก ชอบโชว์ ชอบทำให้คนหัวเราะ เลยมาได้ทุกวันนี้
สังเกตโก๊ะตี๋แทนตัวเองว่า "หนู" ตลอด
ถ้าหนูพูดกับคนอายุมากกว่า หนูจะแทนตัวเองว่าหนู แม่หนูสอนมาว่า ถ้าเราต้องการให้ความสุภาพกับเขา กับผู้ใหญ่กว่าเราก็แทนคำว่าหนู แต่ถ้าคุยกับน้อง ก็จะแทนตัวเองว่าพี่
ดูเป็นคนมีสัมมาคารวะ
ก่อนออกจากบ้าน แม่จะสอนให้จำไว้เลยว่า 10 นิ้วของเรา ขอข้าวเขากินได้ ไม่อดตาย หนูถูกปลูกฝังมา วงการนี้หนูให้คำจำกัดความว่า "ตะแกรงร่อนความสำเร็จ" หลายคนเข้ามาในวงการบันเทิงนี้แล้วก็ออกไป บางคนเล่นละครแค่ 2 เรื่อง ก็คิดว่าตัวเองเป็นดาราแล้ว และก็เอาคำว่าดารามาทำให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่ แต่ดูรุ่นพี่ๆที่เขาอยู่ในวงการบันเทิงสิ อย่างพี่เอก (สรพงศ์ ชาตรี) อาตู่ (นพพล โกมารชุน) อยู่วงการมาตั้ง 20-30 ปีได้ เพราะเขาทำตัวเองดี ตะแกรงวงการบันเทิงนี้รูมันเล็กมาก ใครที่ทำตัวใหญ่ อยู่ไม่ได้หรอก วงการนี้ใครทำอะไรมันถึงกันหมด ไม่ว่าเราจะทำอะไร อย่าลืมว่าเรามาจากไหน หนูไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองเคยเลี้ยงควาย ทำนา ยังสามารถเจอหนูได้ตามตลาดนัด กินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง กินลูกชิ้นปิ้ง ทุกคนต้องอย่าลืมกำพืดของตัวเอง
รักแบบโก๊ะ...โก๊ะ
เล่าเรื่องความรักกับ "อ้อย" ให้ฟังหน่อย
กับอ้อยรู้จักกันมา 7 ปีแล้ว เรามีการผูกข้อไม้ข้อมือกันตั้งแต่ 4 ปีแรก ก่อนหน้านี้บางคนก็หาว่าหนูเป็นอ้อย ไม่แมน เป็นเก้ง กวาง แต่เรารู้ตัวเองดีว่าเราเป็นอะไร หนูไมแคร์ ที่ใครว่าหนูเป็น เพราะหนูอาจจะเล่นเป็นกระเทยเหมือน (หัวเราะ)
ถูกสเปคอ้อยตรงไหน
เขาเป็นคนตรงกับที่ใจอยากได้ ไม่แต่งหน้า ไม่แต่งตัว สไตล์เดียวกับเรา แต่เขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวว่าเป็นแฟนดารา เพราะเขาต้องไปขายของ ไม่อยากให้ใครมาพูดได้ว่า ใช่สิ เป็นแฟนดาราจะทำอะไรก็ได้นี่ ถามว่าจะพาออกงานเมื่อไหร่ ก็คงไม่หรอก อยู่กันไปอย่างนี้แหละ คนที่รู้จักหนูเขาก็จะรู้ว่าอ้อยคือใคร ส่วนแม่หนูก็โอเคกับอ้อยแหละ แต่ตอนแรกๆ ก็มีนิดหน่อย คดีแม่ผัว-ลูกสะใภ้มันมีตลอดแหละ แต่วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความดีสามารถชนะได้ทุกอย่าง
หมั้นนานยังไม่ยอมแต่ง ไม่กลัวเลิกหรือ
โอ้ย ถ้าจะเลิกก็ตั้งแต่แรกแล้ว หนูเป็นคนไม่มีฟอร์ม เป็นตัวของตัวเอง เจอครั้งแรก หนูตดให้ดมเลย เต็มที่ อิ่มก็เรอ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ ก็บอกเขาว่า มีอะไรอยากปล่อยมาก็ปล่อย อย่าเก็บไว้ ไม่มีใครสามารถเป็นคนดีได้เสมอไป ตั้งแต่แรกเราต้องสื่อนิสัยให้เขารู้ว่าเขารับได้ไหม แต่บังเอิญเขารับได้ แรกๆหนูก็ใส่ไปเต็มที่ จริงๆก็คือต้องการลองใจเขาแหละว่าเขาจะรับได้แค่ไหน แต่พอผ่านไปๆ เราก็กลับมาเป็นตัวเอง เพราะจริงๆหนูไม่ใช่คนที่จะมาอะไรขนาดนั้น เขาก็เลยเห็นว่า เออ จริงๆหนูก็ไม่ได้เลว หนูก็เป็นคนดีนะ เขาจะได้ไม่หาว่าทำไมเราเปลี่ยนไป หนูไม่เคยคุยโทรศัพท์ทีละนานๆ คุยได้อย่างมากก็ 10 นาที ถ้าสะดวกคุยก็คุย ไม่สะดวกคุยก็บอก ตอนนี้ทำงานอยู่นะ ไม่ว่าง ก็วางสายเลย ทีนี้ตอนหลังผู้หญิงก็จะไม่จิก ไม่ถามเราเมื่อคบกันไปนานๆ เขาจะเข้าใจ
ข่าวว่า 35 ปีจะแต่ง
อันนี้หนูกำหนดเองแหละ จริงๆแค่แพลนเอาไว้ แต่จะแต่งหรือเปล่าไม่รู้ หนูว่าการแต่งงานคือการประกาศว่าจะใช้ชีวิตคู่ แต่จริงๆก็มีหลายคนอยู่ก่อนแต่ง ฉะนั้นการแต่งไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าจะอยู่กันไปได้ตลอดชีวิต
เอ้า...รอลุ้นต่อไป อีกไม่นานเกินรอจ้า
เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"
ภาพ... "ชาญณรงค์ พรดิลกรัตน์"