
เจาะใจ'มะหมี่'เส้นทางนี้ไร้...เส้น
สร้างชื่อจากภาพยนตร์ไทยครั้งแรกกับบทสาวเซ็กซี่นั่งขูดมะพร้าวใน "แม่เบี้ย" มาถึงวันนี้ "มะหมี่" นภคประภา นาคประสิทธิ์ โกอินเตอร์ร่วมงานกับภาพยนตร์ต่างชาติหลายต่อหลายเรื่อง ล่าสุดเธอกำลังมีผลงานเรื่อง Bitter Sweet ข้ามฟ้าหาสูตรรัก และร่วมงานหนังฝรั่งเศส กั
ว่าด้วยงาน
ผลงานตอนนี้
ที่กำลังจะฉาย 17 มิถุนายนนี้ คือ บิทเทอร์ สวีท หรือชื่อไทยว่า ข้ามฟ้าหาสูตรรัก เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ เป็นหนังรักร่วมทุนระหว่างไทย-อเมริกัน แต่มะหมี่ถือว่าเป็นหนังไทย ถึงแม้ว่าเราจะใช้ภาษาไทยแค่ 30% เพราะนักแสดงไทยเยอะมาก ทีมงานก็คนไทยเยอะมาก ยกเว้น เจฟฟ์ แฮร์ ผู้กำกับ และพระเอก คือ คิป พาร์ดูว์ และเจมส์ โบรลินด์ ที่เล่นเรื่อง "แคช มี อิฟ ยู แคน" นอกจากมะหมี่แล้ว ก็ยังมีคุณทาทา ยัง พี่กอฟ (อัครา อมาตยกุล) คุณตอง (ภัครมัย โปตระนันทน์) เล่นด้วย น้องแคลอรีน นีมะโยธิน ก็เล่น ตอนแรกเขาส่งบทมาให้เรา 3 บท บทแรกบททิชา คือนางเอก บทที่สองเป็นน้องสาวของทิชา บทที่สามเป็นเพื่อนของทิชา มาให้เราดูว่าจริงๆ เราเหมาะกับคนไหน เผื่อให้ผู้กำกับเลือก สุดท้ายผู้กำกับก็เลือกว่าเราเหมาะกับบทไหน เราก็ได้บททิชามาเล่น
หนังฉายทั้งในไทยและต่างประเทศ
ใช่ ที่ฉายไปแล้ว คือที่อเมริกา แล้วก็ได้รับผลตอบรับดีมาก หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลด้วย คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม คนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้ว มาเที่ยวเมืองไทยเยอะมาก ภาพลักษณ์เมืองไทยในหนังเรื่องนี้ ก็เป็นในเชิงบวก เพราะพูดถึงเมืองไทย เห็นผู้หญิงไทยเล่นปุ๊บ ก็จะคิดว่า เอ๊ะ เป็นผู้หญิงอย่างว่าหรือเปล่า มองแง่ลบหรือเปล่า แต่จริงๆ เรื่องนี้ยกย่องผู้หญิงไทยเป็นคนมีการศึกษา มีความรู้ มีความสามารถ ก็รู้สึกภูมิใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้
กับหนังฝรั่งเศส ลาร์โก้ วินช์ 2
หนังเรื่องนี้เพิ่งถ่ายเสร็จไป เมื่อเดือนที่แล้ว คิดว่าสิ้นปีนี้คงได้ดู ต้องเท้าความ ว่าเป็นการ์ตูนยอดนิยมของฝรั่งเศส จากนั้นก็มีผู้กำกับ จับมาเป็นหนังแอ็กชั่น ภาคแรกประสบความสำเร็จมาก เขาก็เลยเขียนภาคสองต่อมา เหตุก็เกิดในเมืองไทย ก็เลยมาแคสติ้งนักแสดงในเมืองไทย เราก็ได้รับเลือกให้เล่นเรื่องนี้ ไม่เคยรู้ว่าเป็นหนังฟอร์มใหญ่เลย กระทั่งมาดูลิสต์รายชื่อ ว่ามีใครเล่นบ้าง มีทูมเมอร์ ซิสเลย์ เป็นดารามีชื่อเสียงของฝรั่งเศส คุณชารอน สโตน ซึ่งทุกคนรู้จัก ต้องมีซีนเข้าฉากกับชารอน สโตน ตื่นเต้นมาก บทสนทนายาว ต้องบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา ในเรื่องเล่นเป็นสาวพม่า เพื่อให้เขาช่วยเหลือเรา ก็เกร็ง กลัวพูดผิด ไม่เคยเข้าซีนกับดาราฮอลลีวู้ดใหญ่ๆ ก็มีผิดพลาดบ้าง เขาก็บอกให้ใจเย็นๆ สังเกตถ้าในเมืองไทยเราทำผิด ก็จะยกมือขอโทษ แต่การทำงานกับต่างประเทศ ไม่ต้องเลย เขาไม่ชอบ ถ้าผิดปุ๊บให้พูดต่อไปเลย เขาจะไป
ตัดต่อเอง
ร่วมงานกับชารอน สโตน เป็นอย่างไรบ้าง
เขาก็ถามว่า ยูเป็นคนไทยใช่ไหม เขาบอกว่ารู้เลยว่ายูเป็นคนไทย เพราะยูนั่งยิ้มตลอด (หัวเราะ) เขาน่ารักมากเป็นกันเอง
โกอินเตอร์ตัวแม่
พอพูดถึงชื่อมะหมี่ นักแสดงไทยที่ไปร่วมแคสติ้งหนังฮอลลีวู้ดด้วยกันถอดใจ
สิ่งที่มะหมี่ชอบในการแคสติ้งหนังต่างประเทศ คือมันไม่มีเส้นสาย เขาเลือกเราตรงที่เราได้ทำการบ้านกับบทนั้นๆ จริงๆ แล้วถ้าใช่เขาก็จะเลือกเรา ทุกคนไม่ต้องกลัวเลยนะ ว่ามะหมี่จะไปแคสเรื่องไหน เพราะเขาดูที่การแสดง การแอ็กติ้งว่ามันเข้ากับคาแรกเตอร์เรื่องนั้นหรือเปล่า เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว เขาไม่ได้เลือกแค่ว่าเราเคยโกอินเตอร์เรื่องไหนมาแล้วบ้าง อยู่ที่ว่าคุณจะงัดวิชาการแสดงในบทนั้นมายังไง เราจะตีความยังไง และจะถูกใจอย่างที่ผู้กำกับคิดไหม ถ้าตรงก็คือใช่ ฉะนั้นไม่ต้องกลัว ว่าเจอมะหมี่ที่ไหน มะหมี่ต้องได้ มันเป็นไปไม่ได้
ความคิดที่ว่าหนังต่างประเทศมักยื่นบทหญิงขายบริการให้นักแสดงไทย
ทุกครั้งที่มะหมี่อ่านบท จะดูว่าบทนั้นเป็นบวกหรือลบกับประเทศไทยแค่ไหน ถ้าลบมากก็จะไม่ค่อยรับเล่น หนังส่วนใหญ่ที่รับเล่นจะไม่มีบทโสเภณี แต่ถ้ามีจริงๆ แสดงว่าบทนั้นต้องดีมากๆ ถึงจะรับเล่น ต้องดูว่าทำลายชื่อเสียงประเทศไทยไหม ทำลายชื่อเสียงตัวเองไหม ไม่ต้องห่วงเลย จะค่อนข้างดูบท
เมืองไทยมักจะเลือกนักแสดงพิมพ์นิยม หรือไม่ก็เลือกจากชื่อเสียง
ต้องยอมรับ ว่าตลาดบ้านเราไม่เหมือนกับเมืองนอก หลายคนก็จะบอก ว่ามะหมี่ขายเมืองไทยไม่ได้เลย ขายได้แต่เมืองนอก ก็ไม่อยากให้คนไทยคิดแบบนั้น จริงๆ แล้วอยากให้มองที่ฝีมือกันมากกว่า เราไม่อยากให้มองที่ผิวพรรณรูปร่าง ไม่อยากให้มองคนภายนอก แต่ก็เข้าใจว่าตลาดเมืองไทยเป็นแบบนี้ กลุ่มผู้บริโภคเป็นแบบนี้ ก็ไม่แปลก เพราะไม่งั้นก็คงไม่มีคนดู แต่จะโทษคนดูก็ไม่ได้ มันป็นความต้องการของตลาดมากกว่า แต่เราก็สามารถหากินได้อยู่ ไม่ใช่ว่าเมื่อคนไทยไม่ต้องการแล้วจะไม่มีงานเลย ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ เราต้องเข้าใจ ว่าเมื่อตลาดไม่มีปุ๊บ เราก็ต้องเดินหาตลาดเอง ว่าที่ไหนเหมาะกับเรา ไม่ควรอยู่เฉย ไม่งั้นเราจะไม่มีงาน มะหมี่จะเป็นคนไม่นั่งรอโอกาส แต่จะเป็นคนเดินไปหางานเอง
กว่าจะได้งานเป็นเรื่องยาก
ยากมาก เวลาไปแคสติ้งอยากจะร้องไห้ ด้วยความที่เมื่อก่อนภาษาอังกฤษไม่ดี ทั้งที่ผู้กำกับก็อยากได้มาก พอรู้ว่าไม่ได้เพราะภาษาอังกฤษไม่ดี เราก็ร้องไห้โฮเลย อยากเล่นมาก เราก็รู้สึกทำไมเราโง่แบบนี้ บทก็ดีมากๆ แต่คนจีน คนฮ่องกงกลับเอาไปกิน เพราะคนไทยไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ คนไทยหลายคนไม่กล้าไปแคสติ้ง เพราะกลัวว่าตัวเองจะดูโง่ แต่จริงๆ คนไทยเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติมากๆ เขามีครูสอน ไม่ต้องอายที่จะพูด ก็เลยไปเรียนภาษาให้ดี ทีนี้ก็กล้าที่จะแข่งขันกับเขา ถ้าเรียกมาแคสร้อยคน แล้วสุดท้ายเป็นเรา มันเป็นอะไรที่ดีมาก การแข่งขันสูง ในเอเชียทุกคนก็อยากเป็นนักแสดง เมืองนอก ถ้าเขาอยากเป็นนักแสดง เขาก็จะไปเรียนขี่ม้า ฟันดาบ เรียนทุกอย่าง มะหมี่เรียนพวกนี้เพื่อต่อสู้กับเขาโดยเฉพาะ ยอมเสียเวลาให้ตัวเองไปเรียนทุกอย่าง เพื่อต่อสู้กับพวกเอเชียด้วยกัน แต่นักแสดงไทยไม่ค่อยมีคนยอมลงทุนไปเสียตังค์เรียน ส่วนใหญ่ถ้าได้หนังถึงจะเรียน ถ้าไม่ได้ก็ไม่สนใจเรียน แต่มะหมี่เรียนทุกอย่างที่จะสามารถแข่งขันกับเขาได้
จุดมุ่งหมายสูงสุด
จุดมุ่งหมายมะหมี่ คือเล่นให้ได้หลายบท หลายคาแรกเตอร์ คิดว่าไม่ว่านักแสดงคนไหนก็อยากทำ อยากเป็น โอกาสไม่ใช่ว่าจะมาง่ายๆ ไม่ใช่ว่ามาแล้วจะได้เล่นเลย เพราะมะหมี่เองก็ฝ่าฟันสุดๆ จุดสูงสุดคือการได้ทำงานกับทุกประเทศ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะฮอลลีวู้ด
เห็นว่ากำลังจะไปเรียนฟิล์ม
ตอนนี้กำลังดูๆ อยู่ คงจะไปเรียนทางด้านฟิล์มที่อเมริกา เรียนเพื่อให้สมองได้พัฒนานิดหน่อย เราจะมาแค่ครูพักลักจำคงไม่ได้ หรือจะมาให้พี่ๆ สอน หรือปากต่อปาก มันก็ไม่ลึกถึงทฤษฎี ปฏิบัติเราได้ แต่ทฤษฎีไม่รู้จริง ถ้ารู้จริงเราก็โต้แย้งกับคนอื่นได้ขณะทำงาน มันก็เป็นข้อดี
เรียนแต่ไม่อยากเป็นผู้กำกับ
อยากกำกับมากๆ แต่คนเป็นผู้กำกับต้องสามารถมองเห็นภาพรวมของหนังทั้งหมดได้ และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เรายังไม่สามารถมองไกลได้ขนาดนั้น ก็ขอไปเรียนให้รู้ในสิ่งที่เราอยากทำก่อนดีกว่า ถ้าเราเรียนรู้สัก 3-4 ปี ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนใจเป็นผู้กำกับก็ได้ แต่ตอนนี้มะหมี่ก็เคยทำหนังสั้นให้ ททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เรื่อง ต่างอากาศ ของโครงการไอเลิฟเที่ยว สนับสนุนให้คนมาเที่ยวเยอะๆ ชอบมาก เพราะเขียนบทและกำกับเอง และทำหนังสั้นให้แก่โครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "หยาดน้ำเพื่อชีวิต" ในหัวข้อที่ชื่อว่า ในหลวงท่านทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนทำอะไรได้บ้าง ก็เขียนพล็อตเรื่องเอง กำกับเอง แต่จะให้กำกับหนังใหญ่เลย เรารู้สึกยังไม่มีภูมิปัญญาขนาดนั้น กลัว อายตัวเอง เพราะเรารู้แค่งูๆ ปลาๆ รู้ไม่จริง ถ้าเราทำไป ก็มีแต่เสียกับเสีย อาจจะโดนด่าได้ และไม่อยากให้คนมองว่าพึ่งคนนั้นคนนี้ให้มาช่วยกำกับ ทั้งที่จริงไม่ได้กำกับเอง ก็ไม่อยากให้เกิดแบบนี้ ซึ่งคงต้องไปเรียนประมาณ 6 เดือน เดือนหน้าก็คงได้ไป หลังเคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้ว
รักนี้ไม่ง่าย
เรื่องงานขายดีกับต่างประเทศ แล้วเรื่องรักล่ะ
ขายดีเหมือนกัน (หัวเราะ) เขาชอบหน้าแบบนี้ เรารู้ว่าเพราะอะไร เหมือนถ้าเราเป็นผู้ชายไทย ก็คงชอบผู้หญิงฝรั่ง แต่อยู่ที่เราวางตัว ว่าเราจะยอมเป็นตะวันตก หรือเป็นวัฒนธรรมไทยกี่เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับมะหมี่ เป็นวัฒนธรรมไทย 100% ทุกครั้งที่มีฝรั่งจีบ มะหมี่จะบอก ว่าคุณน่าจะไปเรียนวัฒนธรรมไทยมาก่อนนะ ถ้าจะชวนไปเดท เมืองนอกเขาไม่เหมือนเมืองไทย พอเดทปุ๊บอาจจะจบด้วยอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเขาก็งงๆ ว่ามหัศจรรย์ผู้หญิงไทยเป็นแบบนี้ เมืองนอกเวลาจีบเขาดุดันมากเลย
ประคองตัวเองอย่างไร
ใส่แหวนนิ้วนาง ทุกคนจะเลิกยุ่งเลย มะหมี่เชื่อว่าความอ่อนไหวมีเกิดขึ้นกับทุกคน นี่คือวิธีป้องกันตัวเองของมะหมี่ ทุกคนก็เคารพ ว่ามีแฟนแล้ว มีพักหนึ่งต้องทำงาน แล้วลืมตัว ถอดแหวนออก ทุกคนก็มองว่ามะหมี่ต้องเลิกกับแฟนแล้วแน่เลย ถึงได้ถอดแหวนออก มันก็ไม่แปลก ถ้าเราไม่มีแหวน ทุกคนก็จะมาจีบ มันทำให้เราไม่มีสมาธิกับการทำงาน ยิ่งถ้าเราชอบเขา ก็ยิ่งงานเละ แบบนี้เซฟมากที่สุด สุดท้ายพอปิดกอง ทุกคนก็จะรู้ว่าการใส่แหวนของมะหมี่มันเป็นทริกของเรา ที่จะทำงานให้มีสมาธิ
ให้เลือกหนุ่มไทยกับหนุ่มต่างชาติ
ส่วนใหญ่จะโอนเอียงฝั่งไทย เพราะเราอยู่เมืองไทย คุยกันรู้เรื่อง แต่ฝรั่งเขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทย ไม่เข้าใจอากัปกิริยา เขาบอกว่าทำไมผู้หญิงไทยจะดินเนอร์แต่ละครั้งยากจัง มะหมี่ชอบผู้ชายไทยมากกว่า คุยกันคลิกมากกว่า ก็มีฝรั่งเข้ามาจีบ ถ้าให้เลือกเลือกผู้ชายไทย
โห...หนุ่มไทยใจชื้นขึ้นเลยแฮะ
นภคปภา นาคประสิทธิ์
ชื่อเล่น มะหมี่
วันเกิดที่ 19 เมษายน 2524
ปัจจุบันอายุ 29 ปี
การศึกษาปริญญาตรี ธุรกิจต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ผลงานละครที่ผ่านมา ปมไหม, มนต์รักส้มตำ, มายา, คนทรง-จ้าวแผ่นดิน
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา แม่เบี้ย, Butterfly man, The Coffin, โลงต่อตาย, ลองของ, เจ้าสาวผัดไทย
เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"
ภาพ... "กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร"