
ไร้เงาตำนานขึ้นคอนเสิร์ต "แอ๊ด คาราบาว" อาการวิกฤตหมอสั่งหยุดด่วน!
"เล็ก คาราบาว" ร่ายยาวความในใจ คืนที่ทรมานที่สุดไร้เงาตำนาน "แอ๊ด คาราบาว" บนเวทีคอนเสิร์ต เผยอาการวิกฤตหมอสั่งหยุดด่วน!
กลายเป็นโพสต์ที่สะเทือนใจสาวก "คาราบาว" ทั่วประเทศ เมื่อมือกีตาร์ระดับตำนานอย่าง "เล็ก คาราบาว" ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก Lek Carabao Solo เผยเบื้องหลังคอนเสิร์ตที่ไร้เงาหัวเรือใหญ่เป่าประกาศิตบนเวที ซึ่งเจ้าตัวบรรยายความรู้สึกว่ามันคือ "ความทรมาน" ที่ต้องทำหน้าที่แทนเพื่อนรักในวันที่สถานการณ์บีบคั้นเกินบรรยาย
เล็ก คาราบาว ร่ายความในใจว่าการต้องประคองวงไปให้จบโชว์โดยที่ไม่มีน้าแอ๊ดยืนอยู่เคียงข้าง เป็นประสบการณ์ที่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับไปไม่เป็น พร้อมยอมรับว่ามันเป็นค่ำคืนที่ยาวนานและหนักหนาสาหัสที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตนักดนตรี เนื่องจากกระแสพลังที่เป็นศูนย์กลางของวงได้ขาดหายไปกะทันหัน
โดยระบุว่า “เมื่อคืนเป็นการยืนเล่นบนเวทีที่ทรมานและสะเทือนใจที่สุดเลย แทบจะพูดได้ว่ากว่าจะผ่านไปได้แต่ละนาทีมันช่างแสนนานเหลือเกิน ในใจคิดอยู่ตลอดว่านี่เราทำอะไรอยู่นะ
ปกติเวลาจับกีตาร์ ผมจะมีสมาธิจิตใจไม่หลุดลอยไปไหนเฉกเช่นดั่งการนั่งสมาธิก็ว่าได้ แต่เมื่อวานมันช่างต่างออกไป คือมิอาจทำให้ใจอยู่กับบทเพลงที่กำลังเล่นได้เลย
ความหวังดีอย่างบริสุทธิ์ใจของพี่แอ๊ด ทั้งที่แกเองก็อาการหลอดเสียงเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ คุณหมอสั่งให้หยุดพักนานแล้ว มิเช่นนั้นอาจเกิดการเสียหายอย่างถาวรกับหลอดเสียงได้ แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกวงแกก็ดื้อมาตลอด
ช่วงหลายวันมานี้แกอุตส่าห์หาคนมาช่วยร้องโดยมีแกร้องแซมนิดหน่อย แต่ไม่ว่าพี่แอ๊ดจะร้องน้อยเพียงใด การมีพี่แอ๊ดอยู่บนเวทีก็คือความขลังของความเป็นคาราบาว ว่าไหมครับ
แต่ครั้งนี้แกคงไม่ไหวจริง ๆ จึงต้องทำตามคำแนะนำของคุณหมอโดยตัดสินใจเข้ารับการรักษา ซึ่งนั่นทำให้ต้องหยุดงานอย่างกะทันหันแหละครับ
ส่วนทางวงนั้นถ้าถามว่า ไม่มีพี่แอ๊ดเล่นได้ไหม ต้องตอบว่า “ได้” เพราะพี่แอ๊ดได้หาคนมาช่วยทำหน้าที่แทนแกดังที่เรียนให้ทราบไปแล้ว แต่ก็ต้องถามกลับไปอีกว่า “แล้วมันจะใช่คาราบาวหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่มีพี่แอ๊ดน่ะ” มันสำคัญตรงนี้แหละ
ในความรู้สึกส่วนตัวผมนั้น แม้จะรู้ว่าเป็นความหวังดีของพี่แอ๊ด แต่ก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย เพียงมิได้ออกความคิดเห็นอะไร ได้แต่ทำไปตามที่พี่แอ๊ดบอก “เล็กช่วยดูแลวงด้วยนะ เราอาจต้องหยุดรักษาตัวสักพัก”
ในส่วนของผู้จัดการวงก็ฝากความหวังว่าเราจะฝ่ามรสุมนี้ไปกันได้ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากความหวังดีทั้งนั้น แล้วผู้ชมล่ะรู้สึกอย่างไรถ้าคาราบาวไม่มีพี่แอ๊ดน่ะ
ผู้จัดงานล่ะคิดอย่างไร แน่นอนว่าเค้าก็ต้องปกป้องตัวเองโดยขึ้นมาพูดบนเวทีว่าเค้าเพิ่งทราบว่าเป็นเช่นนี้ ซึ่งก็จริงของเค้า “ต่อไปจะมีมาแสดงแก้ตัวใหม่ โดยลดราคาบัตรให้” อะไรทำนองนี้
ผมเองเคยหยุดงานเพื่อเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ จำได้ว่าหยุดไปร่วมสิบกว่าวัน พี่รี่ก็เคยหยุดอยู่บ่อย ๆ ด้วยอาการขาไม่มีแรงบ้าง ป่วยเป็นไข้บ้าง สมาชิกท่านอื่นก็ล้วนเคยหยุดงานกันทุกคน พี่แอ๊ดคือคนเดียวที่ไม่เคยหยุดเลย เพราะนี่คือสิ่งที่ทำไม่ได้ ถ้าพี่แอ๊ดหยุด “วงก็ต้องหยุด” นั่นจึงทำให้แกอดทนมาตลอด นี่คือมุมที่ผู้ชมและผู้จัดงานอาจไม่ได้คิดถึง
ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่าทุกอย่างล้วนเกิดจากความหวังดีที่บริสุทธิ์ใจทั้งสิ้น ซึ่งสำหรับผมที่ต้องขึ้นเวทีขณะเพื่อนป่วยก็ทุกข์ใจจะแย่อยู่แล้ว ยังต้องมาแบกรับความผิดหวังจากผู้ชมอีก มันจึงเป็นความรู้สึกที่เรียนไปเบื้องต้นแล้วว่า “กว่าจะผ่านไปได้แต่ละนาทีมันช่างแสนนาน”
ตัวพี่แอ๊ดเองอาจมองในมุมหวังดีว่า แกได้หาคนมาช่วยร้องแทนแกได้แล้ว อีกอย่างแกก็คงคิดว่าหยุดรักษาตัวเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ คงไม่เป็นไร แต่ในทางปฏิบัตินั้นมันไม่ง่ายเลย
เล่นกับความรู้สึกของผู้ชมที่รู้สึกผิดหวัง ว่าจะได้ชมอย่างที่อยากชมอยากเห็นนั้นมันไม่ง่ายนะครับ ผมไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย โดยเฉพาะเวลาแสดงแล้วมีผู้จัดงานขึ้นมาพูดกลางคันเนี่ย
ทุกเส้นทางของชีวิตที่พานพบ ล้วนสร้างประสบการณ์ได้ตลอด แน่นอนว่าบทเรียนในครั้งนี้ทรงคุณค่าไม่น้อยเลย มันจะเตือนใจให้ผมกล้าพูดและยืนยันในสิ่งที่ไม่อยากทำ
เมื่อวานก่อนออกจากบ้าน ภรรยาก็พูดให้กำลังใจว่าผมจะผ่านเหตุการณ์หนักหนานี้ไปได้ นั่นแสดงว่าเธอก็รู้สึกว่าผมคิดอย่างไรกับการที่จะต้องขึ้นเวทีคาราบาวโดยไม่มีพี่แอ๊ด
ชีวิตต้องชัดเจนจึงจะมีสุข ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลแห่งความสุข การได้หยุดงานอยู่บ้าน ได้เฉลิมฉลองกันบ้างก็ดีนะ พี่แอ๊ดก็ได้รักษาตัวอย่างไม่ต้องกังวล สมาชิกวงก็ได้พักงานอยู่กับครอบครัว
นี่อาจนับได้ว่าเป็นปีแรกในรอบหลาย ๆ ปีที่พวกเราจะได้หยุดงานอยู่กับครอบครัว ได้ countdown ที่บ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่กันครับ
สวัสดี จากบ้านกทม. ครับ”



