
เจ็บปวด.. "นาย ณภัทร" จิตใจแตกสลาย จนเป็นแพนิกควบคุมไม่ได้
ผมไม่เชื่อใจใครง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว.. "นาย ณภัทร" ล้างกระดานชีวิตใหม่ เคยเจ็บปวดทรมาน เป็นแพนิกควบคุมไม่ได้ วันสุดท้ายของโลก เลือกโทรหาใคร..
หลายคนไม่เคยรู้ พระเอกหนุ่ม "นาย ณภัทร" เคยเจ็บปวดทรมาน ถึงขั้นเป็นแพนิกคุมไม่ได้ โดยเจ้าตัวเปิดใจเล่า.. ผ่านช่อง KARNFOEI ที่มี "ท็อป ทศพล" เป็นผู้ดำเนินรายการ SOFT SPOT PODCAST EP.1 เล่าช่วงเวลาที่หายไป ล้างกระดานชีวิตใหม่หมด กลับมาเลือกตัวเองรักตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง กับ "นาย ณภัทร เสียงสมบุญ"
โดย "นาย ณภัทร" เล่าชีวิตตัวเองตลอด 2 ปี ที่ผ่านมาว่า.. "เพิ่งเข้าใจคำว่ารักตัวเองมันเป็นยังไง ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่จากวันนี้จนวันตาย ผมจะเลือกตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง การที่ผมจะเป็นคนแบบนี้แล้ว มันไม่ใช่ว่าเป็นการเห็นแก่ตัวนะ ผมเป็นคนโอบกอดคน และห่วงใยคนรอบข้าง ไม่ชอบเห็นคนมีความทุกข์ ผมพยายามทำให้ทุกคนมีความสุขให้ได้มากที่สุด จนลืมตัวเองไปหมดเลย"
"ช่วงล้างกระดานชีวิต ผมหยุดงานแสดงรับบทบาทไป 1 ปี เพื่อที่จะเวิร์กกับร่างกายกับอารมณ์ กับสภาพจิตใจของผม ผมเหมือนคนร่างแตกแหลกไม่เหลือชิ้นดีอะไรเลย ผมคิดว่าทุกอย่างคือจุดจบของชีวิต จนวันหนึ่งมีอะไรมาเปลี่ยนชีวิต อาจจะเป็นเรื่องวิ่งก็ได้นะ มาวันหนึ่งความคิดของผม คือ เกิดขึ้นว่าไม่เป็นไรมันเกิดขึ้นได้ คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้อยู่คนเดียวนะ อบอุ่นมากเลย ทำไมมันอบอุ่นอย่างนี้ว่ะ"
"ผมเจ็บปวดมากเลย วิธีกระบวนการนั้นโคตรทรมาน มันเป็นเหมือนอารมณ์ที่อยู่ลึกมากๆ ฝังเมล็ดพันธุ์ที่ลงไปลึกมากๆ อยู่ในดินพันชั้น เราต้องค่อยขุดมันออกมา ผมจะทำให้ตัวเองมั่นใจเลยว่า ผมจะล้างสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้ออกไปหมด อยู่กับมัน เข้าใจมัน ยอมรับมัน บอกไม่ได้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ เป็นเรื่องของอารมณ์ เรารู้สึก ผมจะให้เวลามัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ มาโฟกัสสภาวะอารมณ์ตัวเอง"
"บางคนรู้สึกหายหน้าหายตาไปเลย ทำอะไรอยู่ ผมใช้เวลาที่มีคุณค่าประโยชน์ที่สุดในชีวิตอยู่คือการทำงานกับร่างกายตัวเอง การยอมรับยากมาก กว่าอารมณ์จะรองรับตัวเองใช้เวลามาก ค่อยๆ กลับมา มาพร้อมกับการออกกำลังกาย ผมอินกับเรื่องวิ่ง คนไม่รู้ว่าการวิ่งคือการทำงานกับร่างกายที่ดีที่สุด"
"ผมเป็นแพนิกที่หาวิธีควบคุมมันไม่ได้ อันนี้ไม่เคยเล่าเลยนะ เป็นได้ทุกเมื่อมันหนักมาก ผมอยากแชร์เพราะผมเจอวิธีดีลกับมันแล้วมันเวิร์ก นั่นคือการวิ่ง มีวันหนึ่งที่ผมเป็นแพนิกตัวสั่น แล้วควบคุมไม่ได้ หัวใจผมเต้นปับๆ นอนอยู่แล้วต้องสะดุ้งขึ้นมา จนวันหนึ่งไอเหี้ยเมื่อไหร่มันจะหายว่ะ หงุดหงิดโกรธ ลองดูสิขึ้นลู่วิ่งกูจะวิ่งให้เร็วที่สุด แล้วดูสิหัวใจกูมันจะเต้นตายห่าไปเลยหรือเปล่า เพราะชีวิตผมสู้ไม่ถอย จนอาการหัวใจเต้น ตัวสั่นที่เราควบคุมไม่ได้ ค่อยๆดีขึ้น บวกกับร่างกาย จิตใจที่เราเวิร์กกับมันตลอดเวลา ค่อยๆ ยอมรับมันทางอารมณ์ ใจดีกับตัวเอง มันดีขึ้นไปสเต็ปพร้อมกันเลย หลังๆเริ่มเพิ่มโกลให้ตัวเอง เริ่มลงมาราธอนแรก พอมีเป้าหมายในชีวิตแล้วดี มีเดตไลน์แล้วดี การวิ่งให้อะไรที่มากกว่านั้น ทำให้รู้สึกดีมีความสุข"
"ผมมีปัญหาเรื่องการไว้ใจคน ผมไม่เชื่อใจใครง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมจะมีขอบเขตของตัวเองให้เปิดและปิด ซึ่งเมื่อก่อนพังทลายไปหมดเลย แต่วันนี้เราไม้กั้นอัตโนมัติผมเลือกที่จะปิดเปิดให้เท่านี้ ถ้าเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมีเหตุให้วิ่งไม่ได้ มันคือเรื่องจริงความเป็นจริงของโลกที่ไม่มีอะไรสมหวังได้ตามที่เราต้องการตลอด การที่เราเผื่อใจไว้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้น เป็นข้อดีในการประกอบการตัดสินใจ ทุกๆ อย่างมีข้อดีและข้อเสีย"
"ผมเหมือนคนที่แบกประชากรของประเทศไว้ คำพูดของผมนิดเดียวส่งผลต่ออีกคนที่ผมแบกไว้ทั้งประเทศ วันนี้ผมเริ่มทำความเข้าใจกับทฤษฎีนี้มากขึ้น ผมก็เริ่มเห็นลำดับมันทีละนิด และมองเป็นข้อดีของมัน ทุกสิ่งที่มันไม่ดี ทุกสิ่งที่มันแย่ มองให้เห็นแล้วมันจะเป็นข้อดีในการทำทุกอย่าง ผมเชื่ออย่างนี้"
"อยากให้กำลังใจทุกคน ปัญหาชีวิตของแต่ละคนความหนักมันไม่เท่ากัน เราไม่สามารถไปสัมผัสในจุดที่เขายืนได้เลยว่าเขาทรมานกับมันมากแค่ไหน ผมมั่นใจว่า คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียวบนโลกนี้แน่นอน บางครั้งการยอมรับว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้ว การได้พูดคุยกับคนอื่นก็ทำให้เราสบายใจได้เหมือนกัน การล้มเหลว ผิดพลาด มีความทุกข์ มีปัญหา ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต มันเกิดกระบวนการเรียนรู้ของมัน ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน จะมองว่าโลกจุดจบ ค่อยๆ ใจดีกับตัวเอง"
"บางครั้งคนอาจจะลืมใจดีกับตัวเอง การใจดีกับตัวเองบางทีมันไม่ใช่แค่วิธีคิดนะ ถ้าคิดไม่ออกลองทำแบบนี้ ในวันที่ไม่มีใครกอดตัวเอง ก็กอดตัวเองไปก่อน นี่เป็นเทคนิคหนึ่งที่ผมทำแล้วเวิร์ก ไม่เป็นอะไร โอเคเจอเรื่องนี้อยู่ ลูบท้ายทอย ลูบคอ ลูบหู สัมผัสอุณหภูมิคิดมากหัวร้อน พวกนี้เป็นเซนส์ที่ดีมากๆต่อร่างกายเรา"
"ผมชอบช่วยเหลือคน ถ้าผมเห็นใครผมจะช่วยเขาอย่างเต็มที่ เพราะเราเข้าใจการอยู่ในจุดนั้นเป็นยังไง รู้สึกยังไง มันมีความคิดอะไรอยู่ ผมว่าผมเจอส่วนที่เหี้ยที่สุดในชีวิตมาแล้ว จุดที่ผมแตกย่อยยับไม่เหลือเหี้ยอะไรสักอย่าง มีอารมณ์เยอะมากที่เกิดขึ้นในร่างกาย ผมเข้าใจว่ารู้สึกยังไง ไม่ว่ายังไงให้เลือกตัวเอง มั่นใจทุกคนจะค่อยเจอวิธีของตัวเอง ถ้าไม่เดือดร้อนใครให้เลือกตัวเองก่อนเสมอ ภูมิใจในตัวเองให้เป็น ทุกอย่างคือการเรียนรู้ จะประกอบให้คุณเป็นคนในวันนี้"
นอกจากนี้ "ท็อป ทศพล" ถามว่าถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของโลก ชีวิตฉุกเฉินสุดๆ ปากเหว ไม่ไหวแล้ว โทรหาใครทุกครั้งก็รู้สึกดี ซึ่ง "นาย ณภัทร" ได้โทรหาเพื่อนที่เป็นหมอ ชื่อ "หมอเมย์" เป็นเพื่อนรักมากรู้จักกันตั้งแต่สมัยเด็ก ว่า.. "กูอัดรายการ เล่าเรื่องชีวิตอยู่ จะโทรมาบอกว่า กูรักมึงฉิบหาย ขอบคุณที่อยู่ในชีวิตกู ขอบคุณในการช่วยเหลือทุกอย่าง มึงน่ารักกับกูเสมอ รักมึงฉิบหายเลย….ไอ้เหี้ย" ขณะที่เพื่อนตอบกลับว่า "กูรักมึงเหมือนกัน ไอ้ดื้อ"



