
ดราม่าอีกแล้ว.. "ขนม" ทวงการเซ็นรับรองบุตร "ครูเต้ย" โพสต์ชี้แจง
ดราม่าอีกแล้ว.. "ขนม ศศิกานต์" ทวงการเซ็นรับรองบุตร ด้าน "ครูเต้ย อภิวัฒน์" โพสต์ชี้แจง เรื่องการเลี้ยงดูบุตร เรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือน
ดราม่าเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อ "ขนม ศศิกานต์" อดีตภรรยา "ครูเต้ย อภิวัฒน์" โพสต์ข้อความในทำนอง ขอหารค่าตั๋วเที่ยวดิสนีย์แลนด์ของลูก กับประเด็นเซ็นรับรองบุตร ระบุว่า..
"คำถาม : จะพาไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ขอหารค่าตั๋วของลูกหน่อยนะ (จริงๆจ่ายค่าตั๋วไปครบแล้วแค่อยากฟังคำตอบ)
- เงียบ
คำถาม : เซ็นยินยอมให้หน่อยนะ จะพาลูกไปเที่ยว ถ้าเกิดต้องเซ็น
- ให้จดรับรองบุตรก่อน สิจะเซ็นให้
คำถาม : ของขวัญวันเกิดลูกหล่ะ
- ลูกยังเล็กยังใช้ไม่เป็นหรอก"
ก่อนคอมเมนต์ใต้โพสต์ทิ้งท้ายว่า.. "คำถามที่สองก็รู้อยู่นะคะ แค่อยากฟังคำตอบเฉยๆเหมือนกันค่ะ"
งานนี้ร้อนจน "ครูเต้ย อภิวัฒน์" โพสต์ชี้แจงทันทีว่า.. "ผมขอชี้แจงเรื่องการเลี้ยงดูบุตรให้ทุกคนเข้าใจตรงกันนะครับ
- ประเด็นแรก ความขัดแย้งของผู้ใหญ่ควรเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการกัน ไม่ควรนำบุตรมาเกี่ยวข้องหรือถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้ง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความสุขของบุตร เรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องภายในครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าควรเป็นการพูดคุยกันภายใน มากกว่าถูกนำออกไปเผยแพร่ต่อสังคม เพราะเมื่อเรื่องเหล่านี้ถูกเปิดเผย สิ่งที่กระทบมากที่สุดคือความรู้สึกและอนาคตของลูก ในขณะที่บอกว่าห่วงใยความรู้สึกของเด็ก ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกนี้และก็มองเห็นในจุดนั้น แต่ผมอยากให้คิดให้ลึกกว่านี้ ว่าการกระทำแบบนั้นจะกระทบอนาคตของลูกอย่างไร หากเรารักและห่วงใยลูกจริง สิ่งที่ควรทำคือการปกป้อง ไม่ใช่ทำให้เด็กต้องรับภาระทางใจจากสื่อโซเชียล
- ประเด็นที่สอง เรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือน ที่ผ่านมาผมโอนค่าใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงดูบุตรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ หากมีบางช่วงล่าช้า ก็เพราะยังไม่ได้รับเอกสารเบิก ไม่ใช่เพราะไม่เต็มใจหรือหลีกเลี่ยง (ทุกอย่างมีเหตุผลครับ เพียงแค่ไม่อยากออกไปพูดเพราะไม่อยากให้อะไรเสียหายไปมากกว่านี้)
- ประเด็นที่สาม เรื่องสิทธิ์ของบิดา ผมได้สอบถามและขอเรื่องไปจดรับรองบุตรหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ แม้ผมต้องทำงานเดินทางหลายจังหวัด และไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้ตลอดเวลา แต่ผมพยายามกลับไปหาลูกเสมอ และในด้านค่าใช้จ่ายหรือสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องใช้ ผมไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยตั้งแต่ตอนเป็นครอบครัวมา การไม่อนุญาตให้บิดามีสิทธิ์ในตัวบุตร ทั้งที่ผมปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของตนมาโดยตลอดไม่เพียงไม่ยุติธรรมต่อบิดา แต่ยังอาจกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของบุตรในการมีพ่ออยู่ในชีวิต
สุดท้ายแล้ว เมื่อเราไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ผมเห็นว่าควรปล่อยให้ศาลเป็นผู้พิจารณา เพื่อให้ได้คำสั่งที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูก
ที่ผ่านมาผมอาจติดตลกไปบ้างคนเลยมองว่าผมติดเล่นแต่ถ้าหากเป็นเรื่องลูก เจตนาของผมในฐานะพ่อ สิ่งที่ผมทำทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้ลูกเติบโตโดยไม่ถูกดึงเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งใดๆ จริงๆแล้วผมไม่อยากนำเรื่องครอบครัวออกมาสู่สังคมเลย แต่เมื่อถูกพูดถึงในที่สาธารณะ ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง จากนี้ไปผมขอให้เป็นหน้าที่ของศาลในการตัดสิน เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายครับ
หากในอนาคตลูกทั้งสองมาเห็นข้อความนี้ อยากจะบอกหนูทั้งคู่ว่า พ่อรักหนูมากๆนะครับลูก หนูทั้งคู่คือดวงใจของพ่อ พ่อจะทำทุกวิธีทางอย่างถูกต้องเพื่อให้เราได้เจอกันนะครับ รอพ่อหน่อยนะลูก"
พร้อมคอมเมนต์ใต้โพสต์ตัวเองแบบรัวๆว่า..
- ส่วนคนที่ถามเรื่องเมื่อวานรอเจ้าตัวเขาออกมาพูดดีกว่านะครับ ทุกอย่างมีหลักฐานครับ
- ฝากเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ เคยคุยกันแล้วว่าอยากเบิกทุกวันผมก็ไม่ติดนะครับ เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินอันไหนที่เกี่ยวกับเรื่องลูกผมก็บอกให้ทักมาได้ตลอด เพราะตอนเป็นครอบครัว ก็มีเบิกก่อนส่งบิลอยู่แล้วครับ ผมไม่เคยติดและดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในครอบครัวครบถ้วนมาโดยตลอดครับ
- มีคนถามว่าถ้ารักลูกทำไมต้องใช้บิล หลงประเด็นหรือเปล่าครับ กับลูกจะใช้จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เคยหวง ผมบอกเสมอเพราะต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดครับ แต่ที่อยากให้เป็นบิลมาก็เพราะอยากรู้ว่าลูกผมได้รับอะไรบ้าง ซึ่งมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวที่เราตกลงกันแล้วด้วย
- มีคนถามทำไมถึงต้องทำบิล ในตอนที่เป็นครอบครัวฝั่งเขาเป็นคนเสนอเองครับว่าจะทำบิลเบิกเขาจะสำรองก่อนเพราะผมต้องไปทำงานไม่ได้อยู่กับลูกตลอดครับ ขอบคุณในส่วนนี้ด้วยครับ แต่หากมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินทุกอย่างก็ส่งเบิกกันก่อนตลอดอยู่แล้วครับ ไม่เคยมีปัญหากัน
- สรุปเรื่องบิลครับ แค่ส่งมาผมก็จ่ายทุกบาทครับ เลิกสงสัยได้แล้วครับ มันเป็นข้อตกลงของเราครับ
- เรื่องเซ็นรับรองบุตรที่หลายคนถามว่าทำไมไม่ไปจดตั้งแต่แรก ตอนแรกเราเข้าใจว่าเอกสารที่ทางโรงบาลเอามาให้เซ็นวันคลอดคือเอกสารเซ็นรับรองบุตร และผมก็ได้ย้ายลูกเข้าทะเบียนบ้านแล้วด้วย ตอนนั้นไม่รู้จริงๆเลยคิดว่าเพียงแค่นี้ก็รับรองความเป็นพ่อแล้ว จะว่าโง่ก็ได้ครับ ก็คนพึ่งเคยเป็นพ่อ ตอนนั้นพอรู้ว่าไม่ใช่ถึงได้ดำเนินการจะทำเรื่องเซ็นครับ ไม่ได้เพิกเฉย