
"เชอรีน" เล่าชีวิต.. ต้องอดทน 2 ปี พร้อมมีคู่ชีวิตอีกครั้ง
"เชอรีน" เปิดใจ "แฟนใหม่หน้าคุ้น" ทันสถานการณ์ดัง อดีตสามีตกเป็นข่าวร้อนกับเพื่อนในวงการ คดีเมาแล้วขับ เล่าชีวิตทนทุกข์ 2 ปี เปิดหัวใจรักใหม่ พร้อมมีคู่ชีวิตอีกครั้ง
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามอง หลังอดีตนักร้องดัง "เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล" น้องสาวคนสวยของซุปตาร์กิมจิ "นิชคุณ หรเวชกุล" รีสตอรี่เจ็บจี๊ดร้องเพลง "แฟนใหม่หน้าคุ้น" ทันสถานการณ์ดัง อดีตสามีปรากฏเป็นคลิปร้อนกับเพื่อนในวงการคดีเมาแล้วขับ งานนี้หลายคนเลยพุ่งเป้าจับตามองที่เธอเป็นพิเศษ ล่าสุดเปิดใจหมดเปลือกผ่านรายการดัง "โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23 กับพิธีกรตัวแม่ "พี่หนูแหม่ม สุริวิภา" เล่าถึงเรื่องราวความรักที่ต้องเผชิญมาตลอด พร้อมแง้มสเตตัสหัวใจครั้งใหม่ที่พร้อมเปิดใจแบบสุด
ถามถึงเรื่องคลิปไวรัลที่หลายคนพูดถึง ร้องเพลง แฟนใหม่หน้าคุ้น ทันกับเหตุการณ์ที่เป็นข่าวพอดี?
"คือคลิปที่ถ่ายคือเป็นเรื่องราวของเพื่อนค่ะ ที่เขาเพิ่งเจอมา แล้วเราก็รู้เรื่องราวของเพื่อน ก็เลยร้องเพลงนั้นด้วยความอินด้วยกัน แล้วเพื่อนมาลงช่วงนั้นพอดี ก็เลยเป็นประเด็นขึ้นมา เราก็รีสตอรี่ปกติไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น"
ได้อ่านคอมเมนต์มั้ย หลายคนก็อินกับเพลงที่เราร้อง?
"ปกติไม่ค่อยได้อ่านค่ะ คือก็มีคนมาคอมเมนต์ในช่องทางของหนูเนอะ เราก็เลื่อนผ่านๆเพราะไม่ชอบเสพคอมเมนต์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่ากระแสมันเป็นยังไงเพราะปกติไม่ค่อยตามข่าวตัวเองเท่าไร"
ที่ผ่านมาเจอเรื่องหนักในชีวิตมาเยอะมาก?
"เป็นเรื่องที่คิดหนักมากกว่าค่ะ ในเรื่องของที่ว่าถ้าเราจะเดินออกมาจากความสัมพันธ์ตรงนั้น คือถ้าเป็นตัวเราเองคนเดียวเราก็จะไม่คิดอะไรหรอกอยากเดินก็เดินออกมาเลย พอเรามีน้องเราก็ไม่รู้ว่าเราจะไปต่อยังไง ตอนที่เริ่มเรื่องครั้งแรกตอนที่โดนครั้งแรก น้องเพิ่งจะได้ประมาณ6เดือนเอง ซึ่งเด็กมากยังแบเบาะอยู่เลย เราเพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่ เลยคิดว่าลองคุยลองเปลี่ยนลองค่อยคุยกันก่อนดีมั้ย ลองพยายามดูก่อนดีมั้ย ก็ลองอดทนดูซักพักนึงสุดท้ายก็ออกมาดีกว่า"
ตอนนั้นทุกคนในบ้านว่ายังไงบ้าง กับสิ่งที่เรารับมือ?
"ทุกคนก็เป็นห่วง และถามไถ่ว่าสบายดีมั้ย แต่ทุกคนจะรู้ว่าถ้าไม่อยากเล่า ไม่อยากได้ความช่วยเหลือ หนูจะเงียบและไม่พูดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะหนูรู้สึกว่าหนูขอจัดการเรื่องของหนูเอง คือมันไม่ใช่ปัญหาของเขาที่ต้องมาร่วมจัดการกับเรา เราต้องจัดการของเราเอง ถ้าอยากได้กำลังใจ หรืออยากได้ความช่วยเหลือจริงๆเราถึงจะเอ่ยปากขอ แต่ทุกคนจะถามตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง ทุกคนก็เป็นห่วงแต่ว่าจะไม่ทำเยอะ"
แค่คำว่า "โอเคมั้ย" เราก็รู้สึกยังไง?
"เราก็รู้สึกโอเคค่ะ เป็นฟิลที่แบบว่าทุกคนมาให้กำลังใจเราและพูดคุยด้วย ก็มีฟิลแบบพี่ๆมาร่วมพูดคุยที่ห้องเรา โทรมาถามเราว่าเป็นไงบ้างโอเคมั้ย และสเต๊ปต่อไป คิดว่าจะเป็นยังไง หนูก็บอกทุกคนว่าโอเค แค่เดินออกมาจากตรงนั้นมันก็โอเคแล้ว คือโมเมนต์ที่เราเสียใจ เราทุกข์ใจ พอเราเดินออกมาแล้ว เราทิ้งทุกอย่าง เราตัดทุกอย่าง เราออกมาแล้วเราโอเคแล้ว"
ใช้เวลานานมั้ยในการตัดสินใจจะทิ้งทุกอย่าง แล้วเริ่มชีวิตใหม่?
"ใช้เวลาอยู่ 2 ปีค่ะ ตั้งแต่ครั้งแรกถึงครั้งสุดท้าย เป็นระยะเวลา2ปี"
ในช่วง2ปีนั้นที่อดทน ต้องเจอกับอะไรบ้าง?
"แล้วแต่ช่วงค่ะ ช่วงที่มีความสุขก็มี ช่วงที่แฮปปี้ก็มี ไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลา ไม่ได้มีด้านร้ายตลอดเวลา ในเมื่อเราเลือกที่จะอยู่ในความสัมพันธ์นี้ เราก็ต้องมองในเรื่องของแง่มุมที่มีความสุข แง่มุมที่โอเคที่เรายังพออยู่ได้ เพราะเรารู้ว่าเราอยู่เพื่ออะไรและเพราะใคร"
เคยคิดมั้ยว่าจะมีภาพเราในพาร์ทของการเป็นคุณแม่?
"จริงๆไม่เคยคิดเลยค่ะ เป็นคนตั้งใจว่าจะไม่มีลูกตั้งแต่เด็กๆ ไม่อยากมีลูกเพราะว่าเรารู้สึกว่ามันไม่มีความรับผิดชอบเยอะมาก ซึ่งมันเยอะจริงๆนะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะทำได้ออกมาดีหรือเปล่า อีกอย่างคือสังคมและโลกสมัยนี้ค่อนข้างน่ากลัว เหมือนถ้าเรามีลูกเราต้องมานั่งกังวลเวลาลูกไปโรงเรียน โลกกำลังวิกฤตมากขึ้นภาวะโลกร้อนมากขึ้น มันน่าเป็นห่วง"
แต่พอมาเป็นคุณแม่จริงๆแล้วความรู้สึกเป็นยังไง?
"ก็แฮปปี้มากค่ะ แต่ก็ยังเป็นห่วงเหมือนเดิมค่ะ (หัวเราะ) ก็พยายามเลี้ยงเขาให้เผชิญกับโลกนี้ได้"
ในเรื่องความรัก เรามองความรักครั้งใหม่ไว้ยังไงบ้าง?
"ก็ยังมองความรักเหมือนเดิม รักก็คือรัก ก็ถ้าเรามีความสุขก็คือรัก ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง เพราะว่าก็อยากมีแฟนค่ะ อยากมีคู่ชีวิต"
ไม่กลัวความรักที่จะไปซ้ำรอยเดิมหรอ?
"ไม่ค่ะ จะซ้ำเดิมหรือไม่ซ้ำเดิม มันอยู่ที่เราเลือก ว่าเราจะให้มันจบแบบเดิม หรือจะเลือกให้ได้เจอคนแบบเดิมมั้ย เราก็ต้องมองอะไรที่มันกว้างขึ้น มันอยู่ที่เราโตขึ้นหรือผ่านประสบการณ์มากขึ้น เราจะคัดคนที่เข้ามายังไง เราต้องดูคนแบบไหน"
ตอนนี้ได้คัดคนใหม่ที่เข้ามาหรือยัง?
"(หัวเราะ) ก็มีคัดค่ะ คัดไว้แล้วค่ะ "
ได้เรียนรู้อะไรจากที่ผ่านมากับการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว?
"มันทำให้รู้ถึงเรื่องการรักตัวเอง การเคารพตัวเอง แล้วก็ฟังเสียง ฟังความรู้สึกตัวเอง เพราะว่าถ้าเราไม่รักตัวเอง รักตัวเอง เราจะมาคาดหวังให้คนอื่นเคารพเรามันก็คงไม่ได้ คนอื่นเขาจะทำอะไรกับเราก็ได้ เพราะว่าเราก็ยอมให้เขาทำด้วย ถ้าเรารู้สึกว่าไม่โอเคกับเราเราก็ควรที่จะลุกขึ้นมาพูด ปกป้องตัวเอง เราจะได้ไม่ต้องเจอสิ่งนั้นไปเรื่อยๆ"