
เปิดหน้าใหม่ "หนูแหม่ม" วัย 58 ปี เจอภาวะเลือดคั่งหลังผ่าตัด
เปิดหน้าใหม่ "หนูแหม่ม" วัย 58 ปี แจงเหตุตัดสินใจศัลยกรรมยกเครื่องใหม่ แม้ว่าจะมีภาวะเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
เปิดหมดเปลือก “หนูแหม่ม สุริวิภา” แชร์ประสบการณ์การทำศัลยกรรมใบหน้าย้อนวัยในเกาหลีในวัย 58 ปี ซึ่งเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ทำศัลยกรรมยกใบหน้าใหม่เกือบทั้งหมด โดยเน้นความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะมีภาวะเลือดคั่งหลังผ่าตัดหลังสาเหตุเพราะความดันขึ้น แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสวยเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด ใครๆเห็นต่างก็ร้องว้าวกันยกใหญ่ ในรายการ WOODY INTERVIEW
จุดเริ่มต้น ?
พี่หนูแหม่ม : พี่ทักทางคุณเอ๋ ไปว่าอยากย้อนวัย พอดีไปดูในคลิปที่เขาลงบ่อยๆ ค่ะ จริงๆ การจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนหรือศัลยกรรมหรืออะไรก็ตาม เราทุกคนต้องดูหาข้อมูล พี่หนูแหม่มก็คือหนึ่งในนั้น วันหนึ่งเราจะมีเวอร์ชันในใจ แต่เราแค่รู้สึกว่าเมื่อไหร่มันจะถึงเวลานั้นเท่านั้นเอง
ตอนทำพี่หนูแหม่มอายุเท่าไหร่ ?
พี่หนูแหม่ม : พี่ทำตอน 57 อันนี้คือพี่ 57-58 เพราะฉะนั้นมันแบบมันคาบเกี่ยวกัน พี่เลทมากเลยค่ะ พี่ยังนั่งเสียดายเลยว่าทำไมฉันไม่คิดได้ตั้งแต่ตอนฉัน 40 พี่หนูแหม่มรู้สึกว่าเริ่มเร็วได้เปรียบ เริ่มก่อนสวยก่อน พี่สวยมาก เพราะว่าน้ำหนักมันเริ่มลง เพราะว่าเราได้รับออเดอร์จากหมอว่า ยูต้องลงน้ำหนัก ยูต้องลง
ทำไม Inspire ถึงขั้นที่ลดน้ำหนัก ?
พี่หนูแหม่ม : ถ้ายูจะเปลี่ยน ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นคนเดิม ยูต้องเปลี่ยนเป็นคนที่มันว้าว เพราะหมอพูดคำว่าว้าววันนั้น หมอบอกแต่ว่าหมอก็ไม่ได้แบบซีเรียสจริงจัง พี่ก็นั่งคิดที่บ้านว่า มันต้องว้าวสิ ถ้าเราจะเปลี่ยนทั้งที ไม่ใช่แค่แบบผ่าตัดแล้วหน้าสวย พี่รู้สึกว่าถ้าจะว้าวมันต้องสร้างแรงกระเพื่อมนิดหนึ่ง พี่ก็เลยรู้สึกว่าเอาล่ะ นี่คือการบ้านของฉัน ฉันต้องทำ คือไม่ใช่ว่าหมอจะช่วยคุณได้ฝ่ายเดียว คุณต้องช่วยหมอด้วย ทำไมเราจะทำไม่ได้ พี่ก็กลับมาจัดการตัวพี่เลย
โดยที่ทุกวันนึกถึงภาพว่าเราจะได้ไปแปลงหน้า ?
พี่หนูแหม่ม : ใช่ นึกถึงว่าเมื่อไหร่น้ำหนักฉันลงไปแล้ว แบบฉันแฮปปี้แล้ว แล้วฉันจะพร้อม
พี่บอบบี้จะทำตามไหม ?
พี่หนูแหม่ม : พี่บอบบี้กลัว ขนาดเราไปเขายังไม่ไปกับเราเลย เขากลัวว่าจะต้องไปเจอแผล พี่บอบบี้ไม่ได้ไป พี่ไปกับผู้ช่วย โทรหากันทุก คุยกับแบบเฟซไทม์กัน เอากล้องขึ้นไปบนฝ้าของโรงแรม เพราะเขาไม่สามารถให้พี่เอาหน้าไปให้ดูได้ เขาบอกไม่เอาไม่ดู คงกลัวว่าจะเจ็บอะไรอย่างงี้ค่ะ
Reaction ที่ได้กลับมาจากเพื่อนๆ หรือว่าคนใกล้ตัวเขาว่ายังไงบ้าง ?
พี่หนูแหม่ม : เขาอยากเห็นแผลก่อนอันดับแรก ว่ามีแผลเป็นไหม ไม่รู้ทำไมทุกคนจะต้องวิ่งเข้ามาดูข้างหูก่อนอันดับแรก เพราะมันขึ้นอยู่กับผิวหนังของแต่ละคนด้วย
พี่หนูแหม่มทำอะไรบ้าง ?
คุณเอ๋ : ตัดถุงใต้ตาล่างค่ะ คือเคสพี่หนูแหม่มจะมี Challenge อยู่อย่างหนึ่งด้วยความที่พี่หนูแหม่มเป็นฝรั่งด้วย พี่หนูแหม่มใบหน้ามีความเหี่ยวแล้วก็หย่อนคล้อยจริง แต่จุดที่ไม่เหมือนเคสอื่นเลยก็คือพี่หนูแหม่มมีผิวหนังใต้ตาเป็นสามเหลี่ยม 2 ข้าง ที่มีความบางเหมือนกระดาษไขที่ยับ ซึ่งมันยากมาก คุณหมอตัดหนังใต้ตาก็จริง แต่ถ้าตัดเยอะเกินไปจะเกิดภาวะใต้ตาล่างแหก ดังนั้นคือการตัดหนังใต้ตาล่าง คุณหมอจะดูจากสปริงใต้ตาก่อนว่าจริงๆ มันตัดได้แค่ไหนไม่ให้ใต้ตาล่างมันแหกลงมา มันก็เลยได้ลิมิตจำกัด แต่ทีนี้ด้วยคุณภาพของผิว การดึงหน้าคนที่คอลลาเจนยังดีแล้วผิวยังดีอยู่ ดึงแล้วผลจะสวยกว่าคนที่เหี่ยวมากแล้ว อีกอย่างหนึ่งเคสที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์บนหน้าเลย ดึงหน้าแล้วผลจะดีกว่าเยอะมาก ดังนั้นของพี่หนูแหม่ม คุณหมอไม่กังวลตรงไหนเลยในส่วนของใบหน้า เพราะเป็นการย้อนวัยที่ธรรมดามาก แต่คุณหมอกังวลใต้ตามาก เพราะคุณหมอรู้ว่าต่อให้คุณหมอตัดหนังใต้ตาไปความเหี่ยวตรงนี้ไม่มีทางหายไป 100% มันอาจจะดีขึ้นอย่างเกณฑ์ก็ 50% พอดีขึ้นแล้วเราก็จะต้องใช้การฉีดผิวแล้วก็ทรีทเมนต์ต่างๆ ช่วยฮีลผิวใต้ตาขึ้นมาให้มันดีขึ้น
แล้วอะไรต่อ?
คุณเอ๋ : ใต้ตาแล้วก็เป็นดึงหน้า ดึงคอ แต่ก่อนที่จะดึงหน้าดึงคอได้ พี่หนูแหม่มมีไขมันกระพุ้งแก้มที่มันหย่อนอยู่ ก็มีการตัดออก อันนี้ก็คือทำพร้อมกับการดึงหน้าดึงคอ ข้อดีของการตัดไขมันกระพุ้งแก้มพร้อมกับการดึงหน้าดึงคอ ก็คือพี่หนูแหม่มไม่ต้องมีแผลข้างในปากเลย ถัดมาคือการกรีดเก็บเหนียง กรีดเสร็จแล้วคุณหมอก็จะมีการยกกระชับกล้ามเนื้อใต้คางไป ซึ่งก็จะใช้เทคนิคคล้ายๆ กับการดึงหน้า อันถัดมาก็เป็นการฉีดไขมันสเต็มเซลล์ เวลาที่เราดึงหน้าแล้วหน้าเขาจะแบน ก็จะมีการเติมไขมันสเต็มเซลล์ จุดส่วนใหญ่ที่เติมแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าส่วนใหญ่เลยก็จะเป็นหน้าผาก เป็นขมับ เป็นใต้ตา อินเดียนไลน์ ร่องแก้ม สุดท้ายแล้วก็คือเซ็ตผิวของโรงพยาบาล
แต่ที่สำคัญคือความปลอดภัย ?
พี่หนูแหม่ม : ตอนแรกที่พี่คุย เอ๋พี่จะปลอดภัยไหม? พี่ต้องการความปลอดภัยที่สุด คิดตังค์พี่เท่าไหร่ก็ได้ พี่อยากได้ความปลอดภัย เอ๋ก็จะเล่าเรื่อง Process ของการทำให้ฟัง มันก็ทำให้เรารู้สึกค่อยๆ มั่นใจ เพราะว่าพี่อายุเยอะแล้วก็มีความดันด้วย เพราะฉะนั้นจึงขอพักคืนหนึ่งก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นก็ค่อยทำ วันรุ่งขึ้นก็ทำสายๆ ก็นัดประมาณ 10 โมง พี่ได้พักวันหนึ่งเที่ยวเล่นกินอาหารอร่อยเพลินตา วันรุ่งขึ้นก็ไปทำในเวลาที่พี่เดินเข้าห้องผ่าตัด พี่ไม่มีคำถามอะไรเหลืออยู่ในใจเลย เดินเข้าห้องผ่าตัดแบบสบายใจ หมอวางยาขอเปิดแผลพี่ 2 ครั้งเนื่องจากว่าเกิดอาการที่มันแบบความดันขึ้น เดี๋ยวให้เอ๋อธิบายก็ได้ ขอวางยาพี่ครั้งที่ 2 พี่ ยังบอกเชิญเลยจ้า
คุณเอ๋ : ทีมแพทย์ ทีมวิสัญญี ทีมพยาบาลและทีมพนักงานทุกคน มีใจในการดูแลผู้ป่วยจริงๆ ความปลอดภัยและมาตรฐานของการผ่าตัดต้องมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งคุณหมอเป็นห่วงคนไข้จริงๆ ทุกคนจะเจอหมอลงมาเยี่ยมในยามค่ำคืน
เขาต้องเช็คดูอะไรบ้าง ?
คุณเอ๋ : เช็คว่าบวมไหม มีเลือดคั่งไหม อย่างเคสของพี่หนูแหม่มตั้งแต่ตอนแรกที่เอ๋สัมภาษณ์พี่หนูแหม่มลงคลิปก่อนผ่าตัดออนแอร์ให้ทุกคนรู้ก่อนผ่าตัดนะคะ เอ๋บอกว่าเคสพี่หนูแหม่มมีสิทธิ์ที่จะได้เปิดแผล รีดเลือดที่คั่งจากประสบการณ์ที่เจอคนไข้ที่มีความดันสูง พี่หนูแหม่มคือสูงมากนะ 200 เวลาความดันจะขึ้น ตอนที่เวลากินยาแล้วคุมลง มันจะเหลือประมาณเท่าไหร่คะ
พี่หนูแหม่ม : 140
คุณเอ๋ : เพราะว่าพี่หนูแหม่มกินยาตลอด กินยาจนกระทั่งเข้าห้องผ่าตัด แต่ในคนที่เป็นความดันสูง เวลาที่โดนผ่าตัด เอ๋เจอมาหลายคนแล้ว อยู่ดีๆ มันก็จะขึ้น โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ร่างกายมันก็ต้องตอบสนอง มันก็มีการตอบสนองอยู่แล้ว ปกติเวลาผ่าตัดเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่เอาขึ้นมาวอร์ดคนไข้ คนที่ผ่าตัดเสร็จจะต้องนอนอยู่ข้างห้องผ่าตัดเลย แล้วก็มีวิสัญญีกับพยาบาลคอยเฝ้า ตอนแรกพี่หนูแหม่มอาการปกติดีทุกอย่าง เข็นมาที่ห้องพักฟื้นข้างๆ ห้อง กำลังจะได้ออกมาแล้ว เกือบจะเสร็จแล้ว อยู่ดีๆ ความดันขึ้น 200 เลยค่ะ หน้าบวมกลับขึ้นมาข้างหนึ่งข้างซ้าย หมอเห็นปั๊บ พี่หนูแหม่มเรากลับเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบ เข็นเข้าไปรีดเลือด แล้วก็วางยาอีกรอบหนึ่ง เป็นแค่ยานอนหลับไม่ใช่ยาสลบ เราก็ได้แจ้งพี่หนูแหม่ม ซึ่งพี่หนูแหม่มก็ทราบอยู่แล้วว่ามีความดันขึ้นนะ มีภาวะเลือดคั่ง เรามีการรีดเลือดครั้งที่ 2 ดังนั้นข้างเดียวที่โดนรีดคือข้างซ้าย บวมกว่าข้างขวาเยอะมาก แน่นอน 100% ว่าหน้า 2 ข้างจะคนละแบบกันเลย ซึ่งก็จริงวันถัดมาก็คือตาขวาเปิดได้ ตาซ้ายเปิดไม่ได้
พี่หนูแหม่ม : ล่ามมีความสำคัญกับจิตใจของพวกเรามาก จริงๆ แล้วเราเป็นคนไทย หนึ่งในความสบายใจ ล่ามจะอธิบายจนเราหลับเลยค่ะ เดี๋ยวคุณหมอจะทำตรงนั้นตรงนี้ โชคดีที่ได้คุยกันเบื้องต้นกับเอ๋ก่อนที่จะทำ ได้มีการวางแผนว่าโอเคจะทำยังไงยังไง มันเลยไปถึงตรงนั้นมันก็ทำให้เราไม่กังวล