ย้อนรอย "กบ สุวนันท์"เนียงประกายพฤกษ์ ขุดอดีตมาเป็นบทเรียน เกิดอะไรขึ้น
ย้อนรอย "กบ สุวนันท์"นางเอกดัง ที่ถูกเรียกว่า "เนียงประกายพฤกษ์"จากละครแจ้งเกิด ขุดอดีตมาเป็นบทเรียน เกิดอะไรขึ้น
จากเหตุการณ์ความสัมพันธ์ของประเทศไทย - กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในปี 2568 ค่อนข้างจะอ่อนไหวสืบเนื่องจากการขุดคูเลต ล้ำเข้าพื้นที่ประเทศไทย บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี นำไปสูประเด็นสืบเนื่อง และแวดล้อมจากนั้น แม้ว่ากรณีนี้จะตกลงกันเรียบร้อยและผ่านไปได้ด้วยดี
แต่กระแสข่าว การใช้โซเชียลให้ข้อมูลต่างๆ ก็ยังคงเป็นที่จับตามองต่อเนื่อง ขณะที่ล่าสุดในโลกออนไลน์ประเทศไทย ได้มีการเปิดข้อมูลย้อนปม กรณี "เนียงประกายพฤกษ์" (ดาราสาวไทย กบ – สุวนันท์ คงยิ่ง) ที่ถูกตีความเป็นข่าวลบในกัมพูชา จนกลายเป็นชนวนความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชาในปี 2546 (2003) นำไปสู่การเผาทำลายสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น คมสรุปให้แล้ว
เรื่องราวสรุป กรณี "เนียงประกายพฤกษ์"
- จุดเริ่มต้น "สื่อกัมพูชา" อย่างหนังสือพิมพ์ Reaksmey Angkor เผยว่า "กบ สุวนันท์" ให้สัมภาษณ์ว่า "นครวัดเป็นของไทย" และยืนหยัดไม่ไปเยือนกัมพูชา จนกว่าจะได้คืนปราสาทกลับ
- ข่าวนี้จุดกระแส ชาตินิยมและโกรธแค้น ในสังคมกัมพูชา นำไปสู่การเรียกร้องไม่น้อยตามสื่อวิทยุและกระดานออนไลน์
- ต่อมา "นายกฯ ฮุน เซน"ในขณะนั้น ได้กล่าวถากถางว่ากบ "มีค่าน้อยกว่าหญ้าแปลงหนึ่งที่นครวัด" และสั่งแบนละครไทยทันที
- สถานการณ์เริ่มรุนแรงขยายวงกว้างเมื่อง เกิดเหตุเผาสถานทูตไทยในพนมเปญ เมื่อวันที่ 29–30 ม.ค. 2546 พร้อมกับกลุ่มผู้ประท้วง บางรายเข้าใกล้องกงฯ จนเจ้าหน้าที่ต้องหนีลงแม่น้ำ
- "รัฐบาลไทย" ตอบโต้โดยการประกาศลดระดับความสัมพันธ์ ปิดด่านพรมแดน บินอพยพคนไทยกลับ และขับเอกอัครราชทูตกัมพูชาออก
- "กบ สุวนันท์" เธอออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยพูดสัมภาษณ์เช่นนั้น และย้ำถ้ามีหลักฐานจะขอโทษอย่างไม่ลังเล
บทสรุป : รัฐบาลกัมพูชายอมชดเชยค่าเสียหายหลายล้านดอลลาร์ จับกุมผู้ปล่อยข่าวปลอม และนี่กลายเป็นบทเรียนสำคัญด้าน Fake News และชาตินิยมสุดโต่ง
ทำไมเรื่องนี้จึงยังน่าจดจำ
- เป็นตัวอย่างชัดเจนของอำนาจของข่าวปลอม (Fake News) ที่ส่งผลระยะยาวต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- สะท้อนอิทธิพลของดาราไทยที่ข้ามชาติ เข้าไปกระทบต่ออารมณ์ชาตินิยมในสังคมกัมพูชา โดยเฉพาะกับ กบ สุวนันท์ ผู้ถูกเรียกขานในกัมพูชาว่า "เนียงประกายพฤกษ์" หรือ "ดาวพระศุกร์"
ปัจจุบัน ประเด็นนี้มักถูกหยิบยกมาเตือนถึงอันตรายของข่าวไม่ตรวจสอบและความรุนแรงของอารมณ์ชาตินิยม แม้จะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม