
"ภณ ณวัสน์" เคยชีวิตติดขัด จนโดนพระอาจารย์ทัก ติดเหมรฺย?
"ภณ ณวัสน์" เกือบหมดแพสชันงานแสดง ย้อนเล่าชีวิตติดขัด จนโดนพระอาจารย์ทัก ติดเหมรฺย? ทั้งยังเปิดใจถึงความสัมพันธ์กับนางเอกสาว "คุกกี้ ญดา"
พระเอกสุดฮอต ภณ ณวัสน์ ที่วันนี้จะมาเผยจุดเริ่มต้นกับเส้นทางในวงการบันเทิง จากหนุ่มเดินสายประกวด สู่พระเอกชื่อดัง พร้อมเล่าเรื่องราวในชีวิตที่ตอนนั้นทำอะไรก็ติดขัดไปหมด จนพระอาจารย์ทักว่าเป็นเพราะติดเหมรฺย ทั้งยังเปิดใจถึงความสัมพันธ์กับนางเอกสาว คุกกี้ ญดา ที่เลื่อนขั้นจากเพื่อนวิ่งสู่คนรู้ใจ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
จุดเริ่มต้นการเข้าวงการบันเทิง เห็นว่าคุณแม่ก็เป็นนางเอก?
ภณ : ใช่ครับ แม่ชื่อ อ้อม ชณุตพร ผมมีโอกาสไปงานที่เขาจัดฉายภาพยนตร์เก่าๆ เลยได้ชมภาพยนตร์ของคุณแม่ ณ ตอนนั้น ซึ่งตอนเด็กผมใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มีความฝันว่าจะเป็นนักแสดง เป็นดารา
ความฝันของภณในวัยเด็กอยากเป็นอะไร?
ภณ : หลายช่วงวัย เริ่มจากเป็นเป็นตำรวจ พอมาอีกช่วงนึงเริ่มอยากเป็นสัตวแพทย์ เพราะเราเลี้ยงสุนัข หลังจากนั้นก็อยากเป็นวิศวกร อยากเป็นเยอะมาก
สุดท้ายเจอผู้จัดการ เลยได้เข้าวงการ แต่ไปเจอกันที่ไหน?
ภณ : เจอในเฟซบุ๊กครับ เขาไปส่องเฟซเพื่อนผมก่อน ตอนนี้เขาเป็นเดอะสตาร์ เขาเห็นรูปภณก็เลยเข้ามาติดต่อ อินบล็อกมาบอกว่าพี่เป็นโมเดลลิ่งและเป็นแคสติ้งด้วย สนใจอยากเข้าวงการไหม ผมก็ยังงงๆ อยู่ ยังเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ ผมก็เลยให้ไปถามคุณแม่
ตอนนั้นผู้จัดการได้ติดต่อไปหาคุณแม่ก่อนที่จะติดต่อหาเรา?
ภณ : ใช่ครับ ผู้จัดการผมเป็นแฟนคลับคุณแม่ด้วย เพราะว่าคุณแม่ผมเป็นนางเอก ซึ่งหลังจากนั้นก็นัดถ่ายโปรไฟล์ ผมก็กลัวว่าเขาจะหลอกอะไรหรือเปล่า ก็เลยให้คุณพ่อแต่งเครื่องแบบตำรวจไปเลย แล้วเขาจะส่งโปรไฟล์ให้ผู้จัด แล้วพี่คิงสนใจแล้วนัดดูตัวแล้วตอนนั้นผมยังใส่เหล็กจัดฟันอยู่ เล่นละครไม่ได้ พี่คิงบอกว่าขอจองไว้ก่อนแล้วให้ไปเรียนก่อน แล้วเราก็เริ่มดูแลตัวเองจากเด็กที่เตะบอลตอนกลางวัน แดดเที่ยง ก็เริ่มมาเตะตอนเย็น ส่วนพี่หน่องอยากให้เรามีประสบการณ์ ส่งไปประกวดตามเวทีต่างๆ
ชอบไหมเดินสายประกวด?
ภณ : แรกๆ ทำตามที่เขาแนะนำ ทำไปเรื่อยๆ แต่หลังๆ ผมรู้สึกว่าการประกวดเป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบ ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบ ผมทราบมาว่า ผมจะได้เวทีนี้ แต่ปรากฎพลิก มันมีเบื้องลึก เบื้องหลัง อีกอย่างผมไม่ชอบบรรยากาศเวลาเขม่นกัน
ประกวดเวทีแรกคือ?
ภณ : หนุ่มสาว ดาวเมขลา ส่วนรายการสุดท้าย จริงๆ ผมไม่อยากประกวดแล้วแหละ แต่ตอนนั้นช่วงเข้ามหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกว่าอยากลองจ่ายค่าเทอมเองสักครั้ง ก็ถามผู้จัดการว่าทำยังไงดีเราถึงจะหาค่าเทอมได้ พี่หน่องบอกว่าแกต้องแลกนะ สิ่งที่แกไม่ชอบนั้นแหละจะหาเงินได้ ก็เลยไปประกวดอีกเวทีนึง ซี่งเวทีนี้มีกรรมการคือผู้จัดละคร มันก็เป็นโอกาสดีที่ทำให้ผู้จัดเห็นศักยภาพเรา เราเลยโอเค เวทีนี้แหละลองดู สรุปได้ที่1 ไดเงินรางวัล 1 แสน มันเป็นเวทีสาววิ๊ง หนุ่มว้าว ซีซั่น2
พอได้ตำแหน่ง เราได้ทำงานในวงการบันเทิงเลยไหม?
ภณ : ช่วงนั้นก็ยังไม่มีความฝันว่าอยากเป็นนักแสดง ตอนนั้นก็เรียนไป พี่คิงติดต่อมา เพราะเห็นเราเอาเหล็กดัดฟันออกแล้ว ขอดูตัวอีกรอบ แกก็บอกว่าพร้อมแล้วแหละ มีละครเรื่องนึงให้ลง พาเข้าช่องเลย
ผลตอบรับกับละครเรื่องแรกเป็นยังไงบ้าง?
ภณ : พอละครมันออนแอร์ที่บ้านตั้งหน้า ตั้งตารอดูมาก ผมไม่กล้าดู เอาผ้าห่มมาคลุม เขินตัวเองเวลาอยู่ในทีวี
คุณแม่ว่าว่ายังไง เพราะว่าเป็นนางเอกเก่า?
ภณ : คุณแม่เงียบๆ ก่อนแล้วค่อยมาคอมเมนต์ สุดท้ายตอนละครจบแล้ว คุณแม่บอกว่า เรื้องแรกถือว่าโอเคนะ แต่อยากให้ปรับปรุงเรื่องอินเนอร์อีกนิดนึง
คุณแม่สอนเรื่องการแสดงแล้ว ยังมีสอนเรื่องอื่นๆไหม?
ภณ : คุณแม่จะบอกเสมอว่าจำบรรยากาศวันแรกได้ไหม เราสวัสดีทุกคนยังไง ต่อไปเรามีชื่อเสียงยังไงก็ต้องเป็นแบบนั้น แล้วเรื่องการตรงต่อเวลา เพราะเราทำงานกับคนหลายคน ถ้าเรามาช้าแค่คนเดียว มันจะเสียหายทั้งหมด
เล่นละครกับพี่คิง 2 เรื่อง เรื่องที่3 เห็นว่ามีลังเลว่าจะรับดีไหม?
ภณ : เพราะว่าช่วงนั้นผมอยู่ปี4 เป็นช่วงที่กำลังทำธีสิส ถ้าเราจะรับทั้งสองอย่างคุณก็ต้องสู้ ถ้าเลือกละครคุณก็ต้องไปดร้อป ซึ่งไม่จบใน 4 ปีแล้วคงไม่มีโอกาสได้เกียรตินิยมแน่นอน ถ้าไม่รับละครเลยโอกาสก็จะหายไป พี่หน่องก็บอกว่าเลือกแล้วนะ อย่าบ่นนะ ซึ่งก็บ่นบ้าง แต่ก็ทำ มันเป็นละครที่ดราม่ามากๆ ธีสิสก็ยากมากๆ เพราะเป็นคณะวิศวะ แต่สุดท้ายก็ได้เกียรตินิยมอันดับ2
ละครเหมือนไปได้สวยแต่มันหมดแพชชั่นอีกแล้ว?
ภณ : พอเราเรียนจบ ทำงานเต็มตัว จันทร์-พุธ เรื่องนึง พฤหัสบดี-อาทิตย์ อีกเรื่องนึง เท่ากับ 7 วันไม่มีวันหยุด ทำแบบนั้นวนลูปไป พอถึงจุดนึงเราเล่นคาแรคเตอร์ที่ใกล้เคียงกับตัวที่ผ่านมา ก็เล่นไป จนแบบมันมีอะไรที่ท้าทายมากกว่านี้อีกไหม ก็เลยเริ่มหมดไฟนิดนึง ณ ช่วงเวลานั้น แต่โชคดีที่มีเรื่องใหม่เข้ามา แล้วเป็นบทที่ว้าว แพชชั่นก็เลยกลับมา
มีคนเม้าท์ว่าจริงๆ เล่นของ?
ภณ : มันก็ต้องมีมูนิดนึง
มูอะไรบ้าง?
ภณ : คุณตาผมจะเล่นพระ ดูดวงด้วย คุณตาเลยดูดวงผมแล้วบอกว่ามีพระประจำตัวอยู่นะ ก็คือ หลวงพ่อเงิน ผมเลยจำไว้ แล้วคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากไปไหว้สักครั้งนึง เพราะเป็นพระที่ดูแลเรา ผมก็พูดลอยๆ แล้วทำงานไปเรื่อยๆ แล้วมีอยู่ช่วงนึงที่พี่หน่องถามว่า ทำไมช่วงนี้งานเหมือนจะได้ แต่ก็หลุดมันหลายงานมาก พี่หน่องผู้จัดการผมสายมูอยู่แล้ว เขาเลยไปหาหลวงพ่อที่ภูเก็ต ภาษาใต้เขาเรียกว่าติดเหมรฺย เหมือนเราไปบนบานอะไรไว้ คำมั่นสัญญา แล้วเราไม่ได้แก้ พี่หน่องเลยคิดว่าภณไปพูดตอนไหน ซึ่งผมพูดว่าอยากไปไหว้หลวงพ่อเงินสักครั้ง พอคิดได้ก็นั่งรถไปเลย
พอไปกราบแล้วชีวิตเป็นยังไง?
ภณ : เริ่มดีขึ้นครับ
คุณตาบอกไหมว่าถ้าติดเหมรฺยหรือติดคำบนบาน ต้องไปทำพิธียังไง?
ภณ : พอดีคุณตาเสียก่อนที่จะเข้าวงการ ถ่ายละคร
ตอนที่เดินทางไปวัดที่พิจิตรได้ไปทำพิธีอะไรยังไงบ้าง?
ภณ : ไปไหว้และขอพร และพูดว่า สิ่งที่เราเคยพูดไว้ เรามาไหว้แล้ว แล้วเราก็ขอพรท่าน อย่าให้ติดค้าง อย่าให้ติดขัด ขอให้การงานทั้งหมดราบรื่น
เห็นว่าจากการไปไหว้ครั้งนั้น ไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับบนบานเลย?
ภณ : ไม่กล้าเลยครับ ให้พี่หน่อง ผู้จัดการผมไปบนเลย ผมอยู่กอง พี่หน่องอยู่วัด ให้เขามู ขอพร ผมทำงาน เขาจะพูดเสมอว่า ถ้าขอพรแล้วได้ แกต้องไปด้วยกันนะ
นอกจากวัดแล้ว ไปมูที่ไหนอีก?
ภณ : ส่วนมากผมจะไปทางสายพญานาค จะไปทางอีสาน นครพนม แล้วพี่หน่องมาทางพญานาคเหมือนกัน ขอท่านแต่ละทีคือได้ คือไปนครพนมบ่อยมาก ไปแก้บน ตั้งโต๊ะบวงสรวง
ตอนนี้ถ่ายละคร 7 วัน?
ภณ : ตอนนี้ลดลงหน่อยแล้วครับ แต่เมื่อก่อนนี้ 7 วันจริงๆ 7 วันการละครเลยครับ
แต่ช่วงนี้ก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่เป็นตัวเอง?
ภณ : ช่วงก่อนหน้านี้ 2-3 ปีที่ถ่ายละคร 7 วัน เพราะเหมือน จันทร์-พุธ ตัวละครตัวนึง พฤหัสบดี-อาทิตย์ ตัวละครตัวนึง แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เป็นตัวเอง ก่อนนอนเราก็ต้องอ่านบท ทำความเข้าใจ เหมือนเป็นตัวเองแค่ตอนนอน ก็เลยคิดว่าจะทำยังไงดี สักพักก็ได้รู้จัก เข้าวงการวิ่ง ได้ออกกำลังกายด้วย มันก็เลยรู้สึกว่าเราได้อยู่กับตัวเองนะ สมองปลอดโปร่ง
พอได้เข้าวงการวิ่ง ตอนนี้คือหนักไปถึงขั้นมาราธอนเลย?
ภณ : ใช่ครับผม คือมันเหมือนเป็นเป้าหมายของนักวิ่งหลายคนที่เขาเริ่มเข้าวงการมา เขาอยากเก็บมาราธอนรายการใหญ่ๆ ของโลกให้ได้ ตอนนี้มีทั้งหมด 6 ที่
นอกจากวิ่งก็มีปั่นจักรยานด้วย จะไปลงไตรกีฬาหรือเปล่า?
ภณ : ลงมาแล้วครับ เป็นระยะสแตนดาร์ด
ด้วยการวิ่งทำให้เขาได้เจอหวานใจด้วย?
ภณ : ครับ
ไปวิ่งแล้วไปสะดุดรักกันตอนไหนกับน้องคุกกี้?
ภณ : มันเริ่มจากที่ผมซ้อมสวนรถไฟอยู่แล้ว คนวิ่งมันก็วิ่งสวนๆ กันอยู่แล้ว ก็จะเจอกัน ตุ้นหน้า คุ้นตากันอยู่แล้ว แล้วไปบังเอิญเจอที่งานวิ่ง ก็จำได้ว่าเคยซ้อมสวนเดียวกันก็ทักทายปกติครับ อินบล็อกไป แต่ยังไม่ได้คิดอะไรนะ แล้วเหมือนคุยกันแต่เรื่องวิ่ง เรื่องปั่นจักรยาน ไตรกีฬา จนเหมือนวันนึงผมอินบล็อคไป เพราะว่าเขาลงเกี่ยวกับปั่นจักรยาน ผมก็อยากหาเพื่อนปั่น เพราผมปั่นอยู่คนเดียว พอนัดเจอกันวันแรกก็เลยปั่นจักรยานไป
รู้สึกเกินเพื่อนตอนไหน?
ภณ : น่าจะคุยมาได้สักพักนึง ทัศนคติเริ่มตรงกัน เริ่มไปในทิศทางเดียวกัน เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยพัฒนาไป
แล้วเราไปกำหนดสถานะว่าเป็นแฟนกันตอนไหน?
ภณ : มันไม่ชัดเจน เรื่องลงรูปจะมีข่าวออกมานิดนึง เขาก็มาถามว่ามีคนคุยหรือเปล่า ผมก็เลยบอกไม่มี เขาก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน มันก็เริ่มตรงนั่นเลยครับ