
ศิลป์แห่งแผ่นดิน - เจดีย์งามที่เมืองแพรก
ขับรถจากลำแม่ลา แหล่งปลาช่อนเลื่องชื่อของเมืองสิงห์บุรี ว่ากันว่าปลาที่นี่เนื้อดี นุ่มเหนียว และไม่มีกลิ่นคาว นั่นเพราะสภาพดินโคลนที่ไม่มีกลิ่น เราสั่งปลาเผามาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว กินไปก็รู้สึกเหมือนปลาช่อนทั่วๆ ไป อาจเป็นเพราะลิ้นของเราไม่ละเอียดก็เป็นได้
เลาะเลียบแม่น้ำน้อยทางด้านฝั่งตะวันตก แวะบางระจัน เข้ากรรณสูตร จนมาโผล่ อ.สรรคบุรี ซึ่งเคยรุ่งเรืองในนามเมืองแพรก ตั้งแต่ครั้งอาณาจักรอโยธยา นามเมืองแพรกมีปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแห่ง
พระเจ้าอู่ทอง (รามาธิบดีที่ 1) ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา เคยประทับอยู่เมืองนี้ ต่อมามีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง เมื่อสมเด็จพระนครินทราธิราช เสด็จขึ้นครองราชยสมบัติ โปรดเกล้าฯ ให้ “เจ้ายี่” พระราชโอรสมาครองเมืองแพรก เมือแพรก จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองเจ้ายี่”
ผมคุ้นเคยกับลำน้ำน้อยมากขึ้น เมื่อสองปีหลังนี้ ขับรถเลาะเลียบตั้งแต่ต้นน้ำ (ช่วงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา) ไปจนถึงวิเศษชัยชาญ (อ่างทอง) ผักไห่ (อยุธยา)
ที่เมืองแพรกมีวัดพระแก้ว เป็นวัดเก่าแก่ เดิมชื่อวัดป่าแก้ว แรกค้นพบเป็นวัดร้างฝ่ายอรัญวาสี มีผู้พบพระพุทธรูปองค์เล็กทำด้วยแก้วใสบริสุทธิ์ ขนาดปลายนิ้ว จากในองค์เจดีย์ วัดพระแก้วได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2450
ปัจจุบันอยู่ที่บ้านบางน้ำพระ หมู่ 10 ต.แพรกศรีราชา ห่างจากตัวอำเภอสรรคบุรี 2 กิโลเมตร มีสถาปัตยสถานที่สำคัญคือ เจดีย์แบบละโว้ ผสมผสานทวารวดี เรือนธาตุลดท้องไม้แบบสุโขทัย ฐานสี่เหลี่ยมทรงสูงอยู่บนฐานไพที มีฐานเขียง และเรือนธาตุ ต่อด้วยฐานแปดเหลี่ยม ที่มีซุ้มจรนำ 4 ทิศ เหนือขึ้นไปเป็นบัวลูกแก้ว และบัวถลา ต่อไปเป็นองค์ระฆัง ต่อจากองค์ระฆังเป็นปล้องไฉน 12 ปล้อง รวมความสูงทั้งสิ้น 37 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างในพุทธศตวรรษที่ 18-19
น. ณ ปากน้ำ เคยกล่าวไว้ว่า เป็นเจดีย์ที่งดงามสมบูรณ์แบบที่สุดองค์หนึ่งในเมืองไทย
ด้านหน้าเจดีย์มีวิหารหลวงพ่อฉาย องค์เดิมสลักขึ้น จากหินทราย 5 ชิ้น ประกอบกัน ต่อมาฉาบด้วยปูนทับ หน้าตักกว้าง 109 นิ้ว สูง 159 นิ้ว
ด้านเหนือของวิหารเป็นอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่ รูปทรง รูปแบบ และสีสันของอุโบสถหลังนี้ทำให้ผมต้องร้อง โอ้โฮ...ไม่เหมือนอุโบสถวัดไหนๆ ในประเทศนี้ สีสันฉูดฉาดบาดตาเหมือนในฉากลิเก หน้าบันและส่วนประกอบอื่นๆ ทั้งช่อฟ้า ใบระกา กระทั่งคันทวย ซุ้มหน้าต่าง ประตู ดูสนุกสนานสำราญบานใจ อธิบายไม่ถูก เชิญท่านผู้อ่านทัศนาดูจากภาพถ่าย หรือไม่ก็ควรหาโอกาสมาดูชมด้วยตาว่าฝีมือช่างพื้นบ้านยุคใหม่ เขาสร้างสรรค์เสียจนนักเรียนศิลปะอย่างผมต้องร้องอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีอุโบสถแบบนี้อยู่ด้วย จนปัญญาจะบรรยายเชียวละครับ
ลูกชายคนเล็กหลับอยู่ในรถ ลูกชายคนโตที่เป็นช่างภาพประจำคอลัมน์ ก็เหนื่อยล้าเกินจะปฏิบัติหน้าที่ ผมก็เลยต้องถ่ายภาพเอง วันหน้าจะกลับมาชมเจดีย์งามองค์นี้อีกสักครั้ง เจดีย์งามที่วัดพระแก้ว เมืองแพรกศรัทธา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
"ศักดิ์สิริ มีสมสืบ"