
"อั้ม อธิชาติ" ปัดกิ๊ก "เมย์ วาสนา" ลั่น! นึกถึงผัวที่บ้านเขาด้วย
"อั้ม อธิชาติ" ปัดกิ๊ก "เมย์ วาสนา" ลั่น! จะโยงใครเป็นมือที่สาม นึกถึงผัวที่บ้านเขาด้วย พร้อมตอบเสียงปริศนาในคลิปคือใคร?
ตั้งแต่กลับมาครองตัวเป็นโสดอีกครั้ง พระเอกกล้ามล่ำ "อั้ม อธิชาติ" ก็โดนจับตาเรื่องความรักแบบไม่มีพัก ทั้งข่าวลือเรื่องของ "มาดามเมย์ วาสนา" ที่ถูกโยงเป็นมือที่สาม รวมถึงเสียงสาวปริศนาในคลิปที่ชาวเน็ตแห่คอมเม้นต์สนั่นว่าเป็นแฟนใหม่ ซึ่งล่าสุด "อั้ม อธิชาติ" ได้มาร่วมงาน “Good Health Great Heart เฮลธ์ตี้ทั้งตัว หัวใจแฮปปี้” ณ โรงพยาบาลพญาไท 3 ถือโอกาสเคลียร์ทุกประเด็นแบบม้วนเดียวจบ
ถามกรณีมาดามเมย์ วาสนา ที่มีข่าวโยงว่าเป็นมือที่ 3 แต่เมย์ตอบไปแล้วว่าไม่จริง รู้จักแค่ทำผลิตภัณฑ์ ตรงนี้เรารู้สึกยังไงบ้าง ?
“จริงๆ ก็เป็นสิ่งที่เราก็อยากพูด พี่เองก็อยากพูด เพราะว่าหลายข่าวที่ลือกันไป แบบมี 1 อย่างนี้ แต่ลือกันไป 8-9-10 ใช้คำที่ว่าฉันรู้ว่า ฉันแน่ใจ ฉันมั่นใจ ซึ่งพี่ก็บอกทุกครั้งแล้วว่าความจริงมันคือเท่านี้ มีอะไรมาพิสูจน์กับพี่ ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรที่จะมาพิสูจน์ ซึ่งเราก็บอกว่ามันเท่านี้ อย่างพี่มดดำ (คชาภา) ก็จะรู้จัก เพราะว่าเราก็ทำงานด้วยกัน ก็เจอกันในบางงาน ก็คุยกันก็เท่านั้นเอง”
ในพาร์ตของพี่เมย์รู้จักกันประมาณไหน ?
“ก็เป็นเอ่อ..จะเรียกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน แล้วเป็นโรงงานซึ่งเราผลิตอาหารเสริมเนี่น เราก็ต้องคุยกับโรงงานหลายที่อยู่แล้ว เพื่อดูว่าเราเหมาะกับอะไร แล้วก็โจทย์ของโรงงานในแต่ละที่ อะไรที่ตอบโจทย์เราได้บ้าง แล้วก็อย่างที่บอกเราก็คุยงานกันในระดับปกติ คุณมดดำก็จะรู้ตั้งแต่ต้นเพราะตอนที่มีข่าว คุณมดดำก็ยังบอกเลยว่ามาอีกแล้วข่าวพวกนี้ คือเขาก็ดูอยู่ทุกขั้นตอน ประมาณนี้”
พอมันมีข่าวแบบนี้ มันกวนใจเราขนาดไหน มันบ่อยเกิน ?
“คืออย่างนี้ ที่บอกว่ามีข่าวมันไม่กวนใจพี่ แต่พูดแล้วไม่จบ พูดแล้วไม่ฟัง มันเดือดร้อนคนอื่น แล้วพี่ก็จะบอกว่าในยุคนี้ เป็นยุคที่มีข่าวสารกันขนาดนี้ เรายังฟังเรื่องเล่านินทาและพูดต่อๆ กันจนกลายเป็นเรื่องสนุกอยู่อีกหรือ โดยเฉพาะสื่อในยุคนี้พี่ก็ต้องบอกว่าเรามีเครื่องมือมากมายในการใช้ ถ้าอะไรที่มันไม่ถูก พี่ก็อยากให้สื่อได้ขอโทษบ้าง คนพูดได้ขอโทษว่าฉันเข้าใจผิดนะ เรื่องนี้ฉันไม่รู้นะ ฉันพูดไปโดยฉันไม่รู้ อันนี้พี่อยากให้มันเกิดเรื่องราวแบบนี้ในสื่อบ้าง เพราะว่าอย่างที่เราบอกว่า ทุกวันนี้เรามีสื่อที่มันเป็นท็อกซิกเยอะ ข่าวท็อกซิกก็เยอะ คำพูดคนก็เยอะ ฉะนั้นเราก็มองว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งที่เราอยากจะไปลดในส่วนนั้น เช่นตัวพี่เองสังเกตได้ว่าปกติเวลาเราจะมีเรื่องอะไรเราจะไม่พยายามเอาอะไรที่ไม่ดีไปใส่”
ส่วนพี่อั้มคิดว่ามีการสนิทสนมอะไรจนเกินไปไหม ที่ทำให้คนคิด หรือมีข่าวเมาธ์ออกมาได้?
“ไม่ได้มีการสนิทสนมอะไรเกินไปเลย เพราะจริงๆ ก็ต้องบอกว่าในการคุยงานทุกครั้งพี่อยู่ท่ามกลางคนมากมาย เพราะฉะนั้นเราก็ค่อนข้างระวังตัว ไม่เคยอยู่สองต่อสอง มดดำก็จะรู้ดี พี่ประชุมงาน 10 กว่าคน แต่บางคนที่ลือไป เอาภาพแค่ 2 คนในระหว่างประชุมงาน ทั้งที่นั่งกันอยู่ 10 คน ถามว่าถ่ายกล้องแค่นี้แล้วเห็น 2 คน แล้วก็ไปลือกัน มันถูกต้องหรือเปล่า”
สรุปว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ?
"ใช่ครับ"
เพราะในพาร์ตของพี่เมย์ที่ให้สัมภาษณ์ไป เขาก็บอกว่างงเหมือนกันว่ามันเชื่อมโยงกันได้ยังไง?
“มันก็เชื่อมกันไปหมดอ่ะ มันก็เชื่อมกันจนมันมั่วไปหมด พี่ต้องบอกอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวของคุณเมย์เองก็ตามใช่มั้ยครับ รวมถึงไม่ว่าจะเป็นข่าวช่วงที่แล้วที่นักข่าวเจอพี่ก็สัมภาษณ์เรื่องเพื่อนพี่อีก วันนี้ผัวเขาก็เลยมาด้วยเลย เขาบอกว่าไหนอยากเจอนักข่าว เขาก็มาเยี่ยมแหละ เขามาทำงาน เป็นอีกหนึ่งที่โดนโยง เพื่อนพี่”
ก็ยืนยันว่าเขามากับผัว?
“เขาก็บอกแวะมาเจอหน่อย เขาเนี่ยก็คือเป็นผัวเป็นเมียตามปกติเลย มาเยี่ยมมาทักทายอะไรประมาณนี้”
แล้วเสียงปริศนาในคลิปที่เป็นข่าว ?
“คืออย่างนี้นะ พี่ทำเพจสุนัข และพี่ก็อยากแชร์ข้อมูลสุนัข ซึ่งมันก็ต้องมีคนพากย์ แล้วคนพากย์ก็พากย์มาตั้งแต่ตอนที่พี่ไปน้ำท่วม พากย์ไปทุกอย่าง ซึ่งก็เป็นผู้ช่วยของพี่ เป็นผู้ช่วยคุณมดดำ รู้จักกันมาเกือบ 20 ปีได้มั้ง ก็พากย์ไป ทุกคนก็จะบอกว่าเอ๊ะเสียงนี้คุ้นๆ นะ เสียงคุณเจนี่หรือเปล่า ฉันว่าใช่แน่ๆ เลย ไม่ดูหมาเลยนะ ฟังแต่เสียงอย่างเดียว ซึ่งทุกอย่างเราเขียนไว้หมดตั้งแต่ข้อความ บางคนเข้าใจผิด เราก็เข้าใจได้ เราก็เขียนบอกเป็นใคร บางคนยังเข้าใจผิดก็ถ่ายคลิปให้ดูว่าอันนี้เป็นคนนี้นะ อย่าไปพาดพิงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ยังเข้าใจผิดอยู่ และสิ่งที่สำคัญที่พี่เห็น คนเข้าใจผิดก็ส่วนหนึ่ง แต่สื่อนี่แหละ สื่อที่เขาเข้าใจผิด เนื้อข่าวคุณไม่มีอะไรเลย มาขึ้นพาดหัวให้มันน่าสนใจ "เมียใหม่ อั้ม อธิชาติ" พาดเพื่อเรียกเอ็นเกจเมนต์ แต่ในเนื้อข่าวไม่มีอะไร แล้วคราวนี้ผู้ช่วยพี่ก็ชื่อเมย์เหมือนกัน เขาก็บอกว่าฝากคำนึงถึงนักข่าวหรือคนที่ลงข่าว จะพาดหัวอะไรนึกถึงผัวที่บ้านเขาด้วย เขาก็เดือดร้อนตรงที่ว่าผัวเขาก็ต้องโดนเพื่อนมาถาม แล้วก็ต้องมานั่งตอบ ต้องบอกว่าในเนื้อข่าวที่เขาลงมันก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่มีอะไร พาดหัวให้มันไม่มีอะไรได้ไหม”
นอกจากสงสารคุณเมย์แล้ว สงสารน้องหมาไหมที่อยู่ในคลิปไม่มีคนสนใจเลย?
“คือคนสนใจน้องหมาก็มีเยอะแหละ เราก็เลยบอกว่าดูหมาให้เป็นหมาเนอะ ดูสุนัขให้เป็นสุนัข ให้ดูว่าสุนัข เราสอนเขายังฟัง เขายังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เราเป็นมนุษย์ล่ะ เราดูหมาเอาข้อมูลไปใช้ไหม เลี้ยงหมาแล้วเป็นยังไง ซึ่งก็บอกว่าในข้อมูลที่เราดู พี่ทำเพจหมาพี่ก็ฟังคนอื่นนะ บางคนแนะนำว่าต้องเลี้ยงแบบนี้ ให้อาหารแบบนี้ เราก็รับฟัง แต่อะไรที่มันไม่น่าฟังก็ต้องบอกว่าก็ไปดูที่อื่น พี่ต้องบอกอย่างนี้ว่า ณ ปัจจุบันนี้เรื่องราวพวกนี้มันไม่ได้มีประโยชน์ เรื่องราวที่เราควรใส่ใจและเราควรพูดถึงที่มันมีประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสังคม ต่อสิ่งรอบข้าง ให้นำความคิดเห็นเราที่มันเกิดขึ้นไปเกิดประโยชน์ ให้มันมีอีกเยอะ พวกนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เช่นนั่งถกเถียงกันว่าเสียงใคร ใช่แน่ๆเลย เมียแน่ๆ ฉันคอนเฟิร์ม”
แล้วพี่อั้มเครียดไหมที่แบบสนิทกับใคร ด้วยความที่เรามาทำธุรกิจแล้วต้องเจอคนมากมาย กลัวคนจับจ้องไหมว่าพอไปยืนใกล้กับคนนั้น คนนี้ คนที่เป็นพาร์ตเนอร์ หรือคนที่ทำงานด้วยกัน ?
“กังวลไหม ก็ไม่กังวล มันเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถามว่าสมมุติว่าพี่ไม่มีคนรอบข้างเป็นผู้หญิงเลย รอบข้างเป็นผู้ชายจะมองว่ายังไง บาร์โฮสแน่นอน เป็นเกย์แน่นอน ก็อยากให้มีความเข้าใจกัน เข้าใจผิดได้นะพี่ไม่ว่าเลย แต่เข้าใจผิดแล้วแก้ให้ด้วย ไม่ใช่แบบพอเขาแก้แล้ว ไม่สนใจ ก็ไปข่าวอื่นแล้วเด้อ คำขอโทษไม่เคยมี ซึ่งพี่ต้องบอกว่าเราเป็นสื่อกันนะ เราเจอกันมาตั้งแต่เด็กๆ ในยุคก่อน ยุคเราในยุค 90 เรามีอะไรเราก็ขอโทษกันได้ พี่ผิดพี่ก็ขอโทษ พี่พลาดพี่ก็ขอโทษนะ ฉะนั้นนักข่าวรุ่นเก่าก็จะมีวันนี้พี่พลาดพี่ขอโทษ พี่อยากให้มีแบบนี้ เพราะทุกวันนี้มันมีแต่อะไร สิ่งที่เราเห็นคือ อะไรที่มันไม่ใช่ในแบบที่คุณคิดก็จะย้ำเรียกคนมา สุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดการแบ่งฝ่ายแบ่งฝักกันตลอดเวลา สังคมมันไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีเลย เราอ่านเรายังเหนื่อยเลย”
พี่อั้มคิดว่าข่าวมันมีผลกระทบต่อธุรกิจเราไหม ?
“ถ้าโดยหลักของการขายไม่มี ไม่มีจริงๆ เพราะว่าจริงๆ อย่างที่พี่บอกพี่ไม่ได้ทำอะไร ทุกอย่างพี่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ถ้าเกิดพี่มีอะไรพี่ก็จะบอกว่าอันนี้เข้าใจผิด อันนี้ความผิดพี่ พี่ยอมรับ แต่อันนี้มันไม่ใช่ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือพวกนี้มันเป็นเรื่องที่คนเข้าใจตีความกันไป ผู้ช่วยพี่เขาอยู่ตรงนี้ ญาติคนที่เขาเข้าใจผิดเขาก็มาตรงนี้ คุณเมย์ที่มีข่าวเขาก็บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไร เพราะถ้าวันนี้พี่มีพี่คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ พี่คงเล่าให้เราฟังแล้วว่าคนนี้ใช่ คนนี้ไม่ใช่”
สรุปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเมย์ไหนก็ไม่ใช่ ทุกวันนี้สเตตัสยังโสดใช่ไหม?
“คือถ้าใช่ ก็จะบอก ไม่ต้องลือ ไม่ต้องบอกว่าฉันรู้ดี ฉันอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะสิ่งที่พี่บอกว่าพี่เองไม่ได้อะไรเท่าไหร่ แต่บางทีคนอื่นเขาเดือดร้อน ครอบครัวเขาล่ะ คนที่ต้องมานั่งตอบล่ะ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องสนุกนะ แต่ในใจเราลึกๆ เขาโดนผลกระทบเขาสนุกหรือเปล่า คนลือมันลือกันสนุก คุณแค่สนุกในการพูด แต่คนอื่นที่ต้องได้รับผลมันมีหรือเปล่า”
เป็นห่วงคุณรอบข้างมากกว่า ?
“จริงๆ ก็เป็นห่วงทุกคนแหละครับ เราก็มองว่ามันก็เป็นห่วงสังคมอย่างหนึ่งด้วยตรงที่ว่าเรื่องราวแบบนี้มันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่าในสังคม มันไม่ใช่แค่เรื่องที่เราเห็นในทุกวันนี้ถูกไหม เรื่องผัวเมีย เรื่องลือ มันกลายเป็นว่าเมื่อเห็นที่ไหนปุ๊บมันจะเหมือนกันทุกอย่าง ไปขยุ้มอยู่ตรงนั้น นักข่าวต่างๆ ที่มันมีมากมาย วันนี้มันน่าจะเป็นเรื่องแผ่นดินไหว อุบัติภัยต่างๆ มันเกิดขึ้นมากมาย มันใกล้กับชีวิตเรามาก เรื่องนี้เราควรจะต้องพูดถึงกันมากกว่าหรือเปล่า เรื่องนี้พูดเสร็จปุ๊บมันช่วยเราได้ไหม มันช่วยครอบครัวเราได้หรือเปล่า แล้วควรจะใส่ใจมากกว่าเรื่องคนอื่นไหม”
ตอนนี้ยืนยันว่าโสด?
“(หัวเราะ) คืออย่างนี้ เมื่อวานก็โสดเนอะ วันนี้ก็โสด พรุ่งนี้ก็โสด อดีต ปัจจุบัน อนาคตพี่ตอบครบแล้วนะ เมื่อวานก็ไม่มีใคร วันนี้ก็ไม่มี พรุ่งนี้ก็ไม่มี แต่ไม่ต้องถามว่า พี่แล้วอนาคตล่ะ อนาคตพี่ตอบแล้วพรุ่งนี้พี่ไม่มี”