บันเทิง

ระทึก! ลูกสาว "แก้ว อภิรดี" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

ระทึก! ลูกสาว "แก้ว อภิรดี" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

07 พ.ค. 2568

"แก้ว อภิรดี" ควงลูกสาว "น้องเบล เลลาณี" เปิดสถานะหัวใจ สีชมพูทั้งคู่ วางแผนสละโสดก่อนอายุ 35 พร้อมเล่านาทีชีวิตรถคว่ำถึงขั้นเฉียดตาย

 

แม่ลูกคู่ซี้ "แก้ว อภิรดี" และ "น้องเบล เลลาณี" วันนี้ขอเคลียร์ใจหลังแก้วยอมรับว่าช่วงนี้แอบงอนลูกสาว พร้อมเล่านาทีชีวิตรถคว่ำถึงขั้นเฉียดตาย ที่สาเหตุเกิดจากแมลง พร้อมเปิดสถานะหัวใจแม่ลูก เป็นสีชมพูทั้งคู่ เบลวางแผนสละโสดก่อนอายุ 35 ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow

 

เป็นแม่ลูกที่สนิทกันมาก ส่วนใหญ่ปรึกษากันเรื่องอะไร?

แก้ว : เรื่องไอที เรื่องความสวยความงาม เรื่องที่เที่ยว และหลายเรื่องมาก เพราะเบลเขาเป็นคนที่คอยมาสอนว่าหม่ามี้ตัดต่อแบบนี้สิ ทำแบบนี้สิ รู้จักจัดเรียงระบบหน่อย มือถือเกาะกะเลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย

เบล : เขาดาวน์โหลดอะไรมา ไม่มีจัดอะไรเลย เละไปหมด แล้วหาไม่เจอ เราก็ช่วยเขาจัดระเบียบหน่อย 

แก้ว : ลูกสาวมาจัดระเบียบตรงนี้ ลูกชายก็บอกว่าต้องจัดหมวดแบบนี้ แม่ยิ่งงงไปใหญ่ (หัวเราะ) มีแต่คนอยากจัดระเบียบให้ค่ะ บางทีอยากหวาน ให้เด็กไปหยิบน้ำอัดลม แต่เขาบอกหยุดเลย ติดมาก

เบล : ตั้งแต่เบลจำความได้ คุณแม่ก็อายุเยอะขึ้น น้ำอัดลมก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพ นี่ดื่มทั้งวัน ทุกวัน 

ระทึก! ลูกสาว \"แก้ว อภิรดี\" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

 

ลูกสาวปรึกษาคุณแม่เรื่องการแสดง?

เบล : เบลรักการแสดงมากๆ นะคะ แล้วคุณแม่ก็เป็นผู้มีประสบการณ์ทั้งชีวิตคุณแม่เล่นละครมาตลอด จะปรึกษาใครได้ เรามีครูอยู่ตรงนี้แล้ว คุณแม่สอนให้เข้าใจจริงๆ และตีบทที่เบลได้รับให้ดูว่ามันสามารถเป็นแบบนี้ๆ ได้ อยู่ที่เบลทำการบ้านแล้ว ว่าอยากให้ตัวละครออกมายังไง และคุยผู้กำกับ ฟังผู้กำกับเยอะๆ 

 

แม่ดุมั้ย?

เบล : ไม่ดุ แต่เวลาเล่นละครเป็นคนละคน ไม่ดุเลยค่ะ คุณแม่ฟรีมาก เพราะการแสดงคือศิลปะ แม่บอกว่าอย่าไปเครียด ยิ่งเครียดคนดูจะไม่เห็นความพยายามตั้งใจขอเบล แต่เขาจะเห็นเบลเป็นตัวละครนั้นเลย ตั้งใจมาก เลียนแบบมาก เบลไม่ได้ไปเล่นเป็นแม่นะ เล่นเป็นตัวละคร อย่าจำแม่

 

เช็กผลงานลูกมั้ย?

แก้ว :   เช็กค่ะ แต่เบลเขาแอบน้อยใจ 

เบล : แม่บ่นทุกวัน ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ หัวหยุดสั่นได้มั้ย(หัวเราะ)

แก้ว : เขาเล่นเรื่องแรกๆ คนคงชมเขาแล้ว เหมือนว่าฉากนี้คงสกรีนมาแล้ว เพื่อนฝูงก็ชม แต่พี่แก้วก็บอกว่าหัวเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้ เลิกขยับหัวบ่อยๆ ได้มั้ย เขาบอกเบลไม่อยากให้มี้ดูผลงานแล้ว เบลไม่เคยมีความสุขเลยเวลามี้ดูแล้ววิจารณ์ เราก็รู้สึกผิด แม่ไม่ได้ตั้งใจจะว่านะ แต่แม่ว่า..(หัวเราะ) 

 

เบล :   จริงๆ คุณแม่หวังดีและวิจารณ์ได้ตรงที่สุดแล้วค่ะ ถ้าดีเขาจะบอกว่าดี เวลาเขาชมเราไม่ทำท่าดีใจหรอก แต่จะแอบดีใจ ชมซะที (หัวเราะ) ถ้าแม่บอกว่าดี เขาไม่อวยค่ะ เขาจะพูดตรงมาก หลังๆ กลัวน้อยใจ เขาก็ไม่พูด จะอือๆ เราก็จะรู้ว่าอ๋อ  โอเค แสดงว่าอันนี้ไม่ชอบ อันนี้ยังไม่ดี 

ระทึก! ลูกสาว \"แก้ว อภิรดี\" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

กว่าจะชมทียาก น้อยใจมั้ย?

เบล : แรกๆ มีบ้าง แต่หลังๆ พอเราฟังความคิดเห็นจากคุณแม่และผู้ชมและเพื่อนๆ ด้วย บางอันก็ล้นไป บางอันเรามือใหม่ ก็ฟังความคิดเห็นของทุกคนแล้วเอามาปรับ พอย้อนกลับมาดูก็จริงอย่างที่คุณแม่บอก ไม่มีอะไรต้องน้อยใจ ฉะนั้นทุกคอมเมนต์ดีอยู่แล้วที่เกี่ยวกับเรื่องความสามารถ ไม่ใช่เรื่องอื่น

 

ได้เปรียบคนอื่น มีครูสอนการแสดงอยู่บ้านเลย เป็นคู่แม่ลูกที่ชอบไปเที่ยวด้วยกันมาก?

แก้ว : ไปเที่ยวกับลูกจะมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกเลยเราได้ใกล้ชิด บางทีเราอยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้เจอกัน พอไปเที่ยวห่างกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่ชอบมากที่สุดเวลาไปกับลูกทั้งสามคน คนโตถ่ายรูปเก่ง คนเล็กให้เราโพสต์ท่าดี จัดเซ็ตเสื้อผ้าคอสตูมให้เสร็จว่าเราไปตรงนี้ วิวอย่างนี้ มี้ใส่อะไรเนี่ย สีอะไรเนี่ย

เบล : เขาโพสต์ท่าได้ แต่บางทีเสื้อผ้าไม่ได้ อย่างใส่เสื้อผ้าหนาวมาก แต่จริงๆ มันไม่หนาวไง แม่หนาวเกิน ไม่ได้ไง มันดูหนาวไปหน่อย (หัวเราะ)

แก้ว : เขาไม่เข้าใจ แม่เป็นคนขี้หนาว เสื้อผ้าที่ใส่ไปข้างนอกอาจดูไม่มาก แต่ข้างในอัดไปแล้ว 4 ตัวนะเพราะเราขี้หนาว เบลก็จะบอกว่าหนาวไปไหนเนี่ย เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน 

 

ใครแพลนทริปเวลาไปเที่ยว?
แก้ว :
  ลูกชายคนโตค่ะ แต่พอลูกชายคนโตแพลนเรียบร้อย ทุกคนบอกว่าได้ๆ แต่พอไปถึง ไม่เอาตรงนี้ได้มั้ย ไม่เอาตรงนั้นได้มั้ย ลูกชายคนโตก็จะงอน ไม่แพลนอีกแล้ว แล้วก็ไปทะเลาะกันว่าทำไมไม่นึกถึงแม่บ้างเลย แม่อายุ 60 แล้วจะเดินไหวยังไง จะไปดีสนีย์ยังไง ตีห้าต้องวิ่งไปเกาะประตูเปิดอีกเหรอ 

เบล : ยูนิเวอร์แซลที่โอซาก้า ตอนนั้นคุณแม่จะไป เหนื่อย นอนน้อย ไม่ไป ลูกทุกคนก็บอกว่าไม่เหนื่อย ลองตื่นมาก่อน เดี๋ยวพาไปนั่งข้างใน เราจองไว้แล้ว พี่ชายก็แพลนไว้ค่อนข้างแน่น แม่เริ่มไม่ไหว สุดท้ายเขาก็ไปนะ ไปแบบนั่งง่วงๆ (หัวเราะ)

แก้ว : ต้องตื่นตีสี่กว่าจะตีห้า ตื่นมาสระผม เพราะเราชอบสระผม ไม่ทันลงรองพื้นเลย มี้ไม่ทันแล้ว ไปนั่งกันที่เคาน์เตอร์ข้างล่าง ดูเวลาด้วย เดี๋ยว มันหนาว หัวต้องแห้งก่อน ไม่ต้องแล้วแม่ เดี๋ยวเจอลมก็พัดแล้ว เดี๋ยวแห้งระหว่างเดิน ก็จริง นางพาเดินไม่ต่ำกว่า 3 กิโลกว่าจะถึงสถานีรถไฟ แล้วต่อสาย ต่ออีกคัน คนเต็มไปหมด มันบอกทำไมมี้เตรียมมาแล้ว จากคันนี้ ต้องไปคันนี้เลย ต้องเดินให้ทันสิมี้ เราบอกว่าเฮ้ย กูแก่แล้วนะเว้ย ทำไมมันท้อแท้ขนาดนี้ จะเที่ยวกับลูกทั้งที ทำไมมันลำบากขนาดนี้วะ นี่ก็งอน เดินๆ อยู่จากเดินเร็ว ก็แกล้งเดินให้เหมือนกูจะตายแล้ว (หัวเราะ) ยังไงก็ขึ้นไม่ทันขบวนนี้ แต่สีหน้าลูกคนโตหันมาเหนื่อยใจ (หัวเราะ) 

ระทึก! ลูกสาว \"แก้ว อภิรดี\" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

การเที่ยวทำให้งอนลูกหนักมาก?

แก้ว :   บ่อยค่ะ ไปเที่ยวด้วยกันก็ตัดบทสรุปว่าอยากไปกับมี้ มี้อยากไปกับลูก สุดท้ายชอบไปงอนไปทะเลาะกัน ก็เลยเบรกๆ สองปีนี้ไม่ไปกับแม่เลย 

ไม่งอนหนักเหรอ?

แก้ว : โอ้โห จะเหลือเหรอ แล้วเขาพูดว่าวันนี้เบลจะไปญี่ปุ่น เซี้ยงไฮ้ แม่ไปตอนไหนดี อะไร เบลชวนแล้วเหรอ (หัวเราะ)

เบล : ขอแก้ต่างหน่อย ทั้งชีวิตทุกปีไปกับคุณแม่ทุกปี เบลไม่เคยมีโอกาสไปกับเพื่อนเลยสักปี พอเบลนัดกับเพื่อนไว้ 4-5 ปี เป็นปีแรกคือปีที่แล้วซึ่งก็ไม่ได้ไปนะคะ ล่มอยู่ดี พอบอกเบลไปกับเพื่อน เขาบอกแล้วแม่ล่ะ เราบอกเดี๋ยวจะไปกับแม่ด้วย ก็จะขอไปกับเพื่อนสักครั้งในชีวิต นัดไปนัดมาไม่เข้าที่เข้าทางสักที 

แก้ว : เขาไม่ชอบคำพูดนี้ แล้วแม่ล่ะ ทุกครั้งที่บอกจะไปนี่ๆ จะเอาอะไรมั้ย แต่เราจะบอกว่าแล้วแม่ล่ะ 

 

แม่งอนแล้วทำไง?

เบล : ก็บอกว่าเดี๋ยวพาไป ประเทศไทยเกิดขึ้นได้แน่ เพราะเวลามันได้ แต่ถ้าจะไปประเทศที่เบลคิดไว้หรือพี่ๆ คิดไว้ไม่เอานะ ลำบาก ฉันถ่ายมาทั้งชีวิต เหนื่อย ร้อนๆ ไม่ไป 

แก้ว : ไปไหนจะต้องกางเต็นท์ปักหมุด 

 

แล้วแม่จะไปไหน?

เบล : แม่จะไปเกาะเต่า  

 

ลูกสาวชวนไปแอดเวนเจอร์ กางเต็นท์ ขึ้นเขา แต่แม่อยากลักชูรี่?

แก้ว : ใช่ เขาจะพาไปชิลๆ ที่สบายๆ สักที่นึง

 

เมื่อไหร่?

เบล : ปีนี้แหละ แต่ไม่เอาหน้าฝนไง 

แก้ว : กลับบ้านมาไม่ค่อยเจอกันหรอก โผหาบ้างก็ได้ 

เบล : เอาเวลาไหนไปโผ เข้าบ้านไปเหมือนข้ามไปประเทศเกาหลี อันยอง ดูซีรีส์ทั้งวัน ไม่หันมาทักเบลด้วย จะให้เบลทักตอนไหน มาแล้วเหรอลูก แล้วนั่งดูทีวีอยู่ จะให้ทักตอนไหน บางวันเข้าไปก็เจอหว่านเออร์ (หัวเราะ)

ระทึก! ลูกสาว \"แก้ว อภิรดี\" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

เปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นต่างประเทศ ถ้าช่วงนี้ติดซีรีส์จีนอยู่ บ้านก็จะเป็นประเทศจีน?

เบล : เดินเข้าไปจีนหมด ดูเรื่องไหนก็จะเป็นซีรีส์เรื่องนั้น เข้าไปก็เจอแม่นั่งมาสก์หน้า ไงลูก (หัวเราะ) 

 

ตอนนี้บ้านเป็นประเทศอะไร?

เบล : ประเทศจีน บางวันก็เป็นอินเดียนิดหน่อย 

แก้ว : ทั้งวัน (หัวเราะ) ตอนนี้ดูทุกเรื่อง แต่ไม่เคยจำชื่อเรื่องได้เลย พระเอกคนไหนหล่อ ก็ชอบมากเลย เขาชื่ออะไร ไม่รู้ 

 

สร้างวีรกรรมหนักมากที่ประเทศญี่ปุ่น?

แก้ว : ไม่รู้ตัว มันเป็นวีรกรรมได้ไง แต่รู้ว่าโดนลูกดุ

เบล : คือไปโอซาก้า ไปเป็นครอบครัว มันจะมีทีวีที่เดินผ่านแล้วจะเห็นเรา แม่ก็อุ้ย ทีวี แม่หยิบมือถือขึ้นมาถ่าย แต่เบลกับพี่เห็นแล้วว่าแถวยาวมาก คุณแม่ไม่เห็น ปัดผมม้าโน่นนี่ คนต่อแถวก็เหมือนมองว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ เราก็เดินไปดึงเขา เขาบอกเรียกทำไมไม่มาถ่ายรูปด้วย เราก็บอกให้แม่หันดูแถว แม่ก็บอก อ้าว ไม่รู้ ทำหน้าจ๋อย โดนลูกดุ ก็บอกว่าไม่ได้นะ ที่แบบนี้บางทีมีคนต่อแถวอยู่

แก้ว : ใครจะไปรู้เนอะ มันเป็นถนนธรรมดา แล้วเหมือนตั้งกล้องในจอ เราเดินผ่านก็เฮ้ย เรานี่หว่า เราไม่ได้สนใจว่าแถวอยู่ตรงไหน ที่จอไม่ได้ขึ้นแค่หน้าจอเรา มันขึ้นว่าสถานที่นี้ พื้นที่นี้ เราก็อยากได้ว่ามาเหยียบตรงนี้ 

เบล : แม่กำลังแต่งผมม้า แล้วตัดภาพมาที่คนต่อแถว (หัวเราะ) ถ้าถ่ายรูปแล้วม้าแตก คือจบเลย 

แก้ว : มันไม่มั่นใจ มันคือความมั่นใจ ต้องพกโรลไปตลอด 

 

การคืนเงินตรงเวลามาก มีครั้งนึงเบลกู้เงินคุณแม่ไปทำอะไร?

เบล : ซื้อมือถือค่ะ เบลยังไม่ได้ทำเครดิตการ์ดค่ะ ยืมบัตรแม่มาก่อนเพราะจะมีโปรโมชั่นโน่นนี่นั่น เราไม่มี พอยืมมาแม่จ่ายให้ จริงๆ เขาจะช่วยจ่ายแหละ แต่เบลบอกว่าไม่เป็นไร เบลโตแล้ว ก็ทำอัลบั้มในไลน์ ทุกเดือนก็ผ่อนไป 

แก้ว : ฟังดูแล้วปลื้มนะ ก็รอดูว่าจ่ายจริงมั้ยว้า นอกจากจ่าย เขากลัวเราขี้ลืม เขายังเก็บไว้ในอัลบั้ม จ่ายก็ตรงเลย เป๊ะ พี่ลืมไปแล้ว เบลยังส่งอยู่ เราก็อ้าว ไม่หมดอีกเหรอ

 

สอนลูกเรื่องใช้จ่ายเงิน?

แก้ว : อยากบอกว่าไม่ได้สอน แต่เขาคิดได้เอง ลูกสามคนคิดไม่เหมือนกันเลย คนนี้เขาคิดได้เอง เมเนทเองทุกอย่าง แม้แต่จัดบ้าน เราเห็นของขวัญน่ารักดี โบว์สวย กลับมาจากต่างประเทศ เบลจัดระเบียบเกลี้ยงหมด ทิ้งหมดแล้ว 

เบล : คุณแม่เป็นนักประดิษฐ์ พัสดุมาคุณแม่จะไม่ทิ้ง เข้าใจว่ามีประโยชน์ แต่คุณแม่ชอบเอามาพับเก็บ แล้วกล่องไซส์มันไม่เท่ากัน มันไม่สวย เบลก็บอกว่าแม่กล่องเราเอาไปให้คนอื่นได้นะ เดี๋ยวเบลซื้อกล่องสวยๆ แล้วเขียนแบ่งแยกให้เลย อันนี้กล่องจดหมาย กล่องด้าย กล่องเข็ม ทำให้เป็นสีขาวเหมือนกันหมด หนูเห็นกล่องสีน้ำตาล กล่องประดิษฐ์ของแม่ก็ขอนะแม่ ขอเอาไปทิ้ง

แก้ว : เดี๋ยวๆ ขอตอนไหน กลับมาหายหมดแล้ว (หัวเราะ) 

 

มีเหตุการณ์ที่แม่โมโหลูกสาวมาก ลูกสาวกลัวแมลงสาบมาก?

แก้ว : พี่กินยานอนหลับ หลับยากเย็นอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องสงบเงียบ ทำอารมณ์หายใจเข้า เริ่มเคลิ้ม ยาเริ่มทำงาน นี่ก็กรี๊ดๆ เฮ้ย ใครตาย โจรขึ้นบ้าน พี่เป็นคนหูดี ได้ยินเสียงตึงๆ มี้ไม่ได้ๆ แบบนี้เบลนอนไม่ได้ พี่ก็คิดในใจ เออ ตอนนี้กูก็นอนไม่ได้เหมือนกัน (หัวเราะ) มันนอนไม่ได้ มันตื่นแล้ว ก็เลยลุกไปถามอะไรอ่ะเบล เขาบอกแมลงสาบ 

เบล : เห็นก็ไม่ได้แล้ว มันอยู่ตรงแถวๆ มือเบล เบลก็เลยตกใจ เหมือนเงยหน้าแล้วเจออยู่ตรงหน้า มันตกใจ แล้วเขาไม่เชื่อด้วย หันมาดุเบล รื้อไปรื้อมา ไต่อยู่ที่ขาแม่ แล้วเถียงกันนานมาก 

 

อะไรที่บอกว่าเกือบตาย?

แก้ว : ที่เกือบตายคือออกจากกองถ่าย มือตึ๊ดตื๋อกลางคันนา กันตนาชอบไปถ่ายไกลๆ แถวศาลายา มีแมลงหวี่ 

เบล : แมลงปีกแข็ง เบลหยิบเก้าอี้ที่พาไปกอง เก็บของเข้ารถ น้องคงเข้ามาตอนนั้น ขับไป เบลได้ยินเสียงมันอยู่ข้างหน้า เราก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ก็กำจัด ไม่ได้จะฆ่าเขานะ เปิดกระจก แล้วเอาผ้าปัดให้เขาออก ปรากฏว่าจังหวะปัดเบลหักพวงมาลัย แต่โชคดีชนตออะไรสักอย่าง ไม่งั้นก็ลงนาไปแล้ว 

แก้ว : รถพังไปเลย เพราะไปชนตอทางลงคูน้ำ โทรศัพท์บอกแม่ ให้เอารถยกไป แล้วขายรถไปเลย 

เบล : เราเป็นผู้หญิงคนเดียวก็ทำอะไรไม่ถูก แต่โชคดีว่ากองถ่ายยังไปไม่หมด เบลเป็นซีนสุดท้าย เขาก็งงว่ารถติดอะไร รถติดเบล ปัดแมลงเลยเกิดเหตุการณ์นี้ ตอนนั้นน้ำท่วมด้วย ทุกวันนี้ยังกลัวแมลงไม่หายเลยค่ะ

แก้ว : พี่แก้วบอกว่าเบล แม่ไม่ไหวแล้ว แม่จะจับแมลงแล้วใส่กล่องให้นอนอยู่ข้างๆ เบล เขากลัวแมลงทั้งหมด 

ระทึก! ลูกสาว \"แก้ว อภิรดี\" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว

อินเลิฟ หัวใจเป็นสีชมพู ตอนนี้ความสวีตหวานของคุณแม่กับคุณต๊อดเป็นยังไง?

เบล : เรียกได้ว่าเป็นความผูกพัน ความเอาใจใส่ดูแล ดีกว่าค่ะ พี่ต๊อดเขาก็จะมาทานข้าวทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทุ่มนึงเหมือนตอกบัตร มาทุกวัน เขาก็ผลัดกันเอาใจ ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้บ้าง แม่ก็จะทำอาหารคลีนให้บ้าง พี่ต๊อดเขาก็รู้ใจแม่อยู่แล้วจะซื้อโน่นนี่มาให้ 

แก้ว :   เขารู้ใจโดยการถาม จะทานอะไร เดี๋ยวจะไปซื้อมา เป็นคำถามยอดฮิตของที่บ้าน เย็นนี้จะทานอะไร แล้วจะเกลียดมาก เวลาใครตอบอะไรก็ได้ เพราะทำให้เหนื่อยมากในการคิด พี่ต๊อดก็จะซื้อและหอบมาทุกวัน เป็นพ่อบ้าน 

เบล : นอกจากซื้อให้แม่ ยังซื้อเผื่อลูกๆ ด้วยค่ะ

แก้ว : นี่คือสิ่งที่พี่ต๊อดทำเสมอๆ เด็กๆ ก็รู้สึกแฮปปี้ น่ารัก เวลาไปเที่ยวด้วยกันเขาก็น่ารัก คอยดูแลทุกคน เป็นสปอนเซอร์ด้วย เป็นทุกอย่าง 

เบล : เขารักคุณแม่จนเผื่อแผ่มาถึงพวกเบลด้วย เวลาไปเล่นสกีเขาก็เป็นคนคอยดูแล เป็นผู้นำทริป เป็นความหวานอย่างนึง แต่ด้วยความที่มันนานมากแล้ว ก็อาจไม่ได้สวีตหวานแหววแบบวัยรุ่น เป็นหวานแบบผู้ใหญ่ ดูแลใส่ใจมากกว่า 

แก้ว : ต๊อดไม่ได้ดูแค่แก้ว ตอนลูกชายแก้วบาดเจ็บ ลูกชายงอนแก้ว เขาเห็นสีหน้าลูก และเห็นลูกเหยียดแขนไม่ได้ ก็จะถามว่าเป็นอะไร เรางอนลูกอยู่ก็หันข้างตลอดเวลา ลูกบอกไปเล่นสเก็ตบอลล้ม เขาบอกไปรพ.เลย แขนหักแล้วเนี่ย แม่ก็ไม่รู้เรื่อง จนลูกแขนหัก ต้องผ่าตัด กระดูกออกมาเป็นเสี่ยงแล้ว เขาช่วยหมด 

 

ลูกสาวสวยขนาดนี้ โสดหรือเปล่า?

เบล : ไม่โสดแล้ว (หัวเราะ) เป็นคนนอกวงการ คบมา 2 ปีครึ่งค่ะ 

 

แม่โอเคมั้ย?

แก้ว : โอเคนะ เขาวัยเดียวกัน ใหม่ๆ ก็คิดว่าเพื่อน เอ๊ะ เพื่อนมาบ่อย 

 

หวงมั้ย?

แก้ว : เบลโตขึ้นกว่าเดิม ที่เคยหวงมากๆ เขามีครูเป็นความเจ็บปวดหลายเรื่องแล้ว ฉะนั้นเมื่อคนเราได้รับบทเรียนเองแล้ว บางทีไม่ต้องสอนอีก ในความคิดพี่แก้วนะ อะไรบอกเล่าแทบตาย ร้อนนะอย่าไปแตะ ไหนร้อนเป็นไง เมื่อเขามีบทเรียนแล้ว ก็คิดว่าเขาน่าจะดำเนินชีวิตได้ดีประมาณนึง เพราะเกราะคุ้มกันดีขึ้น

 

คนนี้พัฒนาจากการเป็นเพื่อน?

เบล : ใช่ค่ะ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เราเคยเจอหน้าค่าตามาหลายปีมากแล้ว ในยิม วันเกิดเพื่อน ไปเที่ยวก็เจอกัน คุยเล่นกัน แต่ตอนนั้นต่างคนต่างไม่ว่าง จนวันนึงเรามาเจอกันอีก คุยเล่นเหมือนเดิม แต่คุยแล้วเหมือนโฟล เบลชอบฟังเพลง เขาก็ชอบเหมือนกัน เริ่มคุยกันถูกคอตั้งแต่ตรงนั้น เขาทักมา เราก็คิดว่าเพื่อนแหละ เราคงคุยกันถูกคอเฉยๆ ฝั่งเขาก็คิดเหมือนกันว่าเพื่อนแหละ เขาทักว่านอนยัง วันนั้นเราไปเที่ยวกัน เราไปงานคอนเสิร์ต เขารู้ว่าเรามีถ่ายละคร เขาก็บอกยังไม่นอนอีกเหรอ นอนได้แล้วนะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน 

 

ผู้ชายชอบเบลมานานแล้ว?

เบล : จริงเหรอคะ (หัวเราะ) 

 

ชอบเขาตรงไหน?

เบล : เขาก็เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนคารมดี เป็นคนตลก เวลาอยู่ด้วยมองโลกในแง่ดีมากๆ ก็เลยสบายใจ เหมือนรุ่นเดียวกัน เหมือนเบลได้เพื่อนสนิทอีกคนที่คุยกันถูกคอ

 

แรกๆ ไม่กล้าให้เขามาส่งที่บ้าน?

เบล : ใช่ ช่วงนั้นเบลโสด แม่เขาเริ่มสแกนแล้ว คุยกับใคร ทำอะไร เราไม่แน่ใจว่าเขาจีบเราหรือเปล่า อาจแค่เพื่อนก็ได้ พอเขามาก็ไม่อยากให้แม่คิดไปไกล ถ้าเรามั่นใจค่อยพาไปแนะนำ แต่อันนี้เป็นเพื่อนผู้ชาย เราคิดว่าเดี๋ยวเขาคิดไปไกล ตอนเขามารับไปเดตครั้งแรกก็บอกเขาว่าให้ไปจอดไกลๆ อย่ามาจอดหน้าบ้าน (หัวเราะ) เดี๋ยวเดินไปเอง เขาจอดรออยู่ สองสามเดือนเลยค่ะที่จอดอยู่อย่างนั้น

 

แม่ระแคะระคายบ้างมั้ย?

เบล : มีๆ ตอนขับมาส่ง แม่รดน้ำต้นไม้อยู่ ก็เจอกัน แม่ก็ถาม แม่ก็มอง เราก็บอกว่าเพื่อน ตอนนั้นเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่เริ่มๆ คุยกันแล้ว 

 

จะแต่งงานแล้วจริงหรือเปล่า?

เบล : ไม่ มีการคุยกันไว้เฉยๆ แพลนว่าปีนี้เบลก็เข้าอายุเลข 3 แล้ว ก็เลยแบบ คิดอะไรยังไงบ้าง เขาบอกว่าไม่เกิน 35 แล้วกัน

แก้ว : แค่คิดแหละ จบๆ ถ้าจริงก็ค่อยว่ากัน (หัวเราะ)

ระทึก! ลูกสาว \"แก้ว อภิรดี\" เกือบตาย ยังกลัวไม่หาย จนแม่ทนไม่ไหว