
"หนุ่ม กรรชัย" ซัด "ฟิล์ม รัฐภูมิ" คนไทยไม่ได้โง่! ถ้าไม่ผิด จะขอโทษทำไม?
ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องราวของ "หนุ่ม กรรชัย" หลังนักร้องนักแสดงดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท
ล่าสุด "หนุ่ม กรรชัย" ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ว่า "เรื่องของคุณฟิล์มเนี่ย ผมสนใจ เพราะจริงๆ แล้วผมก็อยากให้คุณฟิล์มลองกลับไปคิดทบทวนให้มันดีๆ เพราะว่าถ้าทุกคนในประเทศไทยยังจำกันได้นะครับ ผมเป็นคนเปิดคลิปๆ นึงขึ้นมา ในนั้นมันมีชื่อของหนุ่มกรรชัยปรากฎอยู่
ก็คือรายการโหนกระแสจะเอาทางฝั่งของบอสพอลมาออกรายการ แล้วพี่หนุ่มเขาจะเขียนให้ คุณกฤษอนงค์จะเขียนให้ หาทางลงให้สวยๆเลย และมีเสียงผู้ชายคนนึงบอกว่าตอนนี้พี่หนุ่มเขายังไม่สามารถจะคุยด้วยได้หรอก เพราะทางโน้นเขาอยากจะคุยกับพี่หนุ่ม ผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าเนี่ยแหละครับเดี๋ยวผมจัดการให้ ก็คือโน่นนี่ต่างๆ นานา คือจัดการเป็นธุระให้เรียบร้อย และสุดท้ายมีการบอกอีกว่า 20 ล้านครับ
คือคนไทยไม่ได้โง่นะครับ คนไทยกินข้าว และผมมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนได้ยิน ผมใช้คำว่าวิญญูชนที่ฟังจะเข้าใจเลยว่าสิ่งที่เขากำลังพูดถึงมันคืออะไร และในนั้นมันคือผม ผมย้อนถามกลับไปว่าวันนั้นทำไมผมถึงเปิดคลิปนี้ ผมมีเหตุผลครับ วันนั้นผมกำลังดำเนินรายการเรื่องราวของดิไอคอนอยู่
ผมถามว่าถ้าคลิปนี้ตกอยู่ในมือของคู่กรณีของผม หรือคนอื่นๆ ที่ต้องการจะทำร้ายผม หรือทำลายผม เขาเปิดมาแล้วบอกว่าอ้าว หนุ่มกรรชัยกับนักร้องดังคนนี้มันร่วมมือกัน แล้วไปเรียกเงินเขาเนี่ย ผมเสียไหมครับ ลูกผมจะมองหน้าเพื่อน มองหน้าพ่อแม่เพื่อนเขายังไง มันกลายเป็นพ่อเขาไปเรียกรับเงินจากชาวบ้าน มันไม่เป็นธรรมครับ
ผมเองในฐานะที่มีส่วนได้เสีย ผมก็จำเป็นที่จะต้องเปิดคลิปนั้นขึ้นมา และวันนั้นผมไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยว่าเป็นใคร ผมดูดเสียง ผมไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยว่าเป็นนักร้องท่านหนึ่ง
แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นจำกันได้ใช่ไหมครับ พอผมเปิดคลิปนั้นไป ไม่เกิน 2-3 ชม. คุณฟิล์มเองเป็นคนวิ่งไปที่ช่อง 8 เอง แล้วไปขอสัมภาษณ์ที่ช่อง 8 กับอาจารย์ยิ่งศักดิ์ และออกมาแถลงข่าว คุณได้ยินใช่ไหมว่าคุณฟิล์มพูดว่าอะไร คุณฟิล์มบอกว่าผมต้องขอโทษพี่หนุ่มด้วยครับ ที่ผมเอาชื่อพี่หนุ่มไปพูด ทุกคนได้ยินหมดนะครับ
ผมถามว่าวันนั้นขอโทษ ถ้าคุณไม่ผิดคุณขอโทษผมทำไม ผมถามกลับไปนะคุณฟิล์ม คุณขอโทษผมทำไมถ้าคุณไม่ได้ผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องว่าคุณไปตบทรัพย์ หรือคุณจะบอกว่าเป็นงานอีเวนต์อะไรก็แล้วแต่ อีเวนต์ก็ได้
แต่คุณมีสิทธิอะไรที่เอาชื่อผมไปโกหกคนอื่น หรือไปบอกคนอื่นว่ากรรชัยเรียก 20 ล้าน แล้วคุณออกมาขอโทษผมด้วยเรื่องนี้ คล้อยหลังไปแค่ 2 เดือนกว่า คุณไปแจ้งความผมที่ห้วยขวาง ผมยังไม่เห็นหรอกครับว่าคุณแจ้งอะไรผมบ้าง แต่คุณก็ออกข่าวว่าไปแจ้งความผมว่าทำให้คุณเสื่อมเสียชื่อเสียง
ผมถามว่าในวันนั้นคุณขอโทษผมแล้ว แล้วคุณไปแจ้งความผมทำไม คุณต้องการอะไร คุณมีเจตนาอะไรที่จะทำร้ายผมเหรอ หรือกลั่นแกล้งผมเหรอ ให้ผมได้รับโทษทางอาญา ให้ผมได้ติดคุกเหรอ หรือยังไง หรือแก้เกี้ยวอะไรก็แล้วแต่ แต่คุณกลับไปดูนะครับเรื่องราวของข้อกฎหมาย คุณไปดูมาตรา 173 , 174 ดูก็แล้วกันนะครับว่ามันเข้าในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า
ผมไม่รู้หรอกว่าทนายความหรือใครก็ตามแต่ หรือจะมีคนอื่นที่บอกคุณว่าให้คุณทำแบบนี้ ผมพูดเหมือนกับคุณปูเลยครับว่า เวลามีเรื่องทนายความไม่ได้ติดคุกนะครับ คนที่ติดคุกคือคุณนะครับ ถ้าเกิดผมเอาเรื่องคุณ คุณลองดูแล้วกัน แต่เรื่องนี้ผมบอกเลยว่าผมก็สุดซอยเหมือนกัน
ผมพูดแรงตรงไหนล่ะ ไอการที่อยู่ดีๆ คุณเอาชื่อผมไปบอกคนอื่นว่าผมเรียกเงิน 20 ล้าน ไม่แรงเหรอ เขาเป็นพี่น้องกับผมยังไง ก็ในเมื่อเขาไม่ใช่น้องผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมก็ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่น้องผม แล้วคุณจะมาพูดอะไรว่าไม่เป็นพี่น้อง ส่ายหัว เลอะเทอะ ผมไม่ได้มีน้องคนนี้อยู่แล้ว ก็เป็นแค่คนรู้จักคนนึง เคยร่วมงานกันมาแล้วก็แยกย้ายกันไป เขาก็เรียกผมพี่ ผมก็เรียกเขาเออฟิล์ม แต่วันนี้พอมีเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่เรียกผมพี่ก็เท่านั้นเอง เรียกไอก็ได้ไม่แปลก
ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับหมายครับ ผมรออยู่ครับ จริงๆ แล้วอาจจะไม่จำเป็นต้องหมายไปถึงบ้านด้วยก็ได้ครับ วันไหนถ้าผมว่างผมจะเดินทางไปที่สน.ห้วยขวาง ผมจะไปขอพนักงานสอบสวนดูว่ามีการแจ้งความผมยังไงหรือเปล่า ถ้าได้มีการแจ้งความดำเนินคดีผมยังไงก็แล้วแต่ ผมก็สวนตรงนั้นเลยเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องรอให้หมายมาถึงหรอก เดี๋ยววันไหนว่างๆ ผมจะไปดู
อีกเรื่องนึงไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องคุณฟิล์มแล้ว อันนี้กราบนะครับ ผมยกมือไหว้เลย (ยกมือไหว้) ขออนุญาตนะครับอาจารย์ประมาณครับ ผมก็ในฐานะที่รู้จักอาจารย์ประมาณมาก็พอสมควร และเคารพท่านนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามท่านนิดนึงครับ วันนั้นเห็นท่านเองพาคุณฟิล์มไปแจ้งความที่ห้วยขวาง เห็นอาจารย์พูดคำว่าจัญไร ผมขออนุญาตถามอาจารย์ผ่านทางนี้นะครับว่านักกฎหมายพูดคำนี้ไม่ผิดเหรอครับ หรือว่าเป็นทนายความแล้วด่าคู่ความว่าจัญไรได้
ถ้าเกิดว่าอาจารย์ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายอาวุโส ถ้าหากว่าสามารถที่จะด่าแบบนั้นได้ ดีครับจะได้เป็นบรรทัดฐานที่ทำให้นักกฎหมายคนอื่นๆ เขาออกมาแล้วก็ใช้คำพูดแบบนี้ได้ อันนี้อยากเรียนถามจริงๆ ด้วยความโง่เขลาของผม ผมอยากทราบ เพราะผมไม่ใช่นักกฎหมาย ผมเลยอยากรู้ อันนี้ฝากเรียนถามท่านด้วย ผมอยากรู้ว่าผิดหรือเปล่า เพราะเป็นถึงนักกฎหมายอาวุโสน่าจะรู้ครับ อย่างน้อยก็ให้ข้อมูลสักนิดนึง
ส่วนทนายธรรมราชน่ะเหรอครับ เรื่องกระสือ (หัวเราะ) คือจริงๆ ต้องบอกแบบนี้นะ ผมก็อยากพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ทนายธรรมราชกับผมเนี่ยจริงๆ แล้วไม่มีอะไรกันเลย ผมมองว่าเป็นสีสัน ทนายธรรมราชเอาตรงๆ ผมก็รู้สึกว่าแกเป็นคนน่ารักนะ เวลาผมเข้าไปอำแก ไปแซะแก ไปว่าแก แกก็อำผมกลับ แซะผมกลับก็ว่ากันไป ผมว่าเป็นสีสัน แล้วแกก็ไม่บล็อกผมนะ ผมก็ไม่บล็อกแกนะ แต่มันก็ดูขำๆ แล้วแกก็ไม่ได้เกินเลยกับผมด้วย
คือแกก็ไม่ได้ล้ำเส้น แกก็อยู่ในกรอบ แต่ถ้ามันเลยกรอบไปผมก็เชื่อว่าแกคงใช้กฎหมายในการจัดการผม ผมก็ใช้กฎหมายในการจัดการเขา สุดท้ายก็ไปคุยกันในชั้นศาล ศาลบอกว่าคุณผิดคุณก็ขอโทษไป ผมก็ขอโทษก็จบ หรือเขาผิดเขาขอโทษก็จบ เราไม่ได้เอาเป็นเอาตายกันนะครับกับทนายธรรมราช แต่สำหรับคนอื่นไม่ใช่ ผมว่าอะไรก็แล้วแต่ที่มันล้ำเส้นผมเกินไปผมก็ไม่ยอม
ส่วนของคุณอี้ ผมฝากบอกตรงนี้ก็แล้วกัน จริงๆ แล้วการที่ไปแจ้งความผม ผมเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะมีประเด็นทำให้เขาอะไรยังไง แต่ผมบอกเลยนะเขาไปแจ้งความคุณอี้เนี่ย ผมว่าจะแย่เอานะ (หัวเราะ) เพราะอะไรรู้ไหม เพราะคุณอี้มันเป็นคนบ้า อี้ แทนคุณน่ะเป็นคนบ้า คือเวลาที่อี้เขาทำอะไรเนี่ย เขาไล่บี้ไล่ขุดตามหาข้อมูลหาข้อเท็จจริง ผมว่าอี้นี่สุดๆ นะผมบอกเลย แล้วผมว่าเหนื่อย คือไปแจ้งความเขา อยู่ๆ ไปแจ้งคนบ้า เพราะเขาบ้าในการขุดตลอดเวลาอยู่แล้ว
ก็ไม่มีอะไรจะฝากถึงฟิล์ม ผมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำเขารู้อยู่แก่ใจ และมีคนเขาฝากมาบอกด้วยนะฟิล์ม ไม่ต้องพยายามโทร.ไปหาเขา จะพูดดีมั้ยเนี่ย เอาเป็นผมก็ทราบมาแล้วกันว่าคุณฟิล์มพยายามโทรหาบุคคลบางบุคคลก็แล้วกัน เพื่อที่จะดึงเขามาดิสเครดิตผม แต่คนนั้นเขาบอกเลยว่าไม่ต้องโทรไปหาเขาแล้ว เพราะเขารำคาญ เขาไม่รับโทรศัพท์ แล้วก็พยายามจะไปถึงเรื่องโน่นนี่นั่นมา ผมว่ามันเลอะเทอะ
คนเขาไม่ได้เกลียดกันทั้งประเทศอยู่แล้วเหรอ ทำไมต้องเป็นผมล่ะ สิ่งที่คุณทำน่ะมันเกี่ยวอะไรกับผม (หัวเราะ) ผมก็เป็นแค่คนที่ถูกพาดพิง คุณต้องเข้าใจว่าผมถูกพาดพิง ผมถูกเอาชื่อไปแอบอ้างว่าผมไปเรียกรับเงิน 20 ล้านจากพวกคุณ ผมเป็นสื่อ ผมทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ การที่ผมเปิดเรื่องนี้ถือว่าผมเองปกป้องตัวเองตามมาตรา 329 และที่สำคัญที่สุดคุณรู้หรือเปล่าว่าเรื่องนี้ทางสอบสวนกลางหรือกองปราบเอง หรือทางท่านจรูญเกียรติ ปานแก้วเนี่ย ท่านก็บอกผมเองว่าหนุ่มควรจะต้องเปิด เพราะมันมีเรื่องของความผิดของคุณกฤษอนงค์รวมอยู่ในนั้นด้วย
แล้วผมก็ได้ให้ปากคำทั้งหมด และได้แจ้งความทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ทำให้ใครไปเกลียดใครครับ ผมแค่ปกป้องสิทธิของผม ส่วนผมไม่สามารถไปห้ามประชาชนทั้งประเทศเขามองคุณว่าเป็นแบบไหนได้ อย่ามาโทษผมครับ คุณต้องกลับไปดูพฤติกรรมในสิ่งที่มันเกิดขึ้นก่อน ตอนนี้กองปราบก็น่าจะดำเนินการอยู่ครับ เพราะเช็กไปล่าสุดก็บอกว่ากำลังดำเนินการอยู่
จริงๆ แล้วทุกคนมีเรื่องกับผมได้หมด เพียงแต่ต้องดูบริบทของข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันเกิดอะไร และผมเองก็ว้าวมากๆ กับสิ่งที่คุณมีการไปแจ้งความผม โดยการที่คุณเองก็เคยออกมาขอโทษผมแล้ว ว้าว ว้าว ว้าว ว้าว (ยิ้ม) ถามว่าหนักใจไหมหลังตรุษจีนมาโดน 2 เลย ไม่หนักใจครับ
คือตัวผมเองตั้งแต่วันแรกที่ผมก้าวเข้ามาทำรายการโหนกระแส หรือมาอยู่ในวงการข่าว ผมรู้เลยว่าผมก้าวขาข้างนึงไปบนศาลแล้ว มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ผมเชื่อว่าสื่อทุกคนรู้ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้ออกมาพูดหรือเป็นประเด็นขนาดนี้ ผมเชื่อว่าทุกๆ คนโดนหมด อย่างคุณพุทธอภิวรรณ ผมก็เชื่อว่ามีบ้างเรื่องคดีความ แต่แกไม่ได้ออกมาพูด แต่ผมเป็นคนปากหมา ชอบออกมาพูดเท่านั้นเอง
หลายคนห่วงความปลอดภัยของผม ผมว่าคนเหล่านี้เขาคงไม่เล่นนอกเกมอยู่แล้วแหละครับ ผมเชื่อว่าเขามีสามัญสำนึกพอ มีอะไรก็ไปเล่นกันไปในเกม มีอะไรก็ไปสู้กันในกระบวนการของข้อกฎหมาย ถ้าเขาคิดว่าผมผิดก็ไปแจ้งความ ไปฟ้องศาลเอา ผมคิดว่าผมไม่ผิด ผมก็ยื่นข้อเท็จจริงเสนอไป แล้วผมก็แจ้งความกลับ ฟ้องกลับเท่านั้นก็จบ
เรื่องแตงโม ถามว่า 11 ก.พ. นี้จะไปเป็นพยานให้ทาง DSI คดีแตงโมไหม เรื่องนี้ให้ฝ่ายกฎหมายเป็นคนดูแลอยู่แล้วครับ แต่จะเดินทางไปด้วยตัวเองไหม ต้องดูก่อนว่าว่างหรือเปล่า ถ้าไม่ว่างก็ให้ฝ่ายกฎหมายไป แต่ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือนะครับ เพราะเรื่องของคุณแตงโมผมก็ให้ความร่วมมือมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คือเรื่องคุณแตงโมนี่ย้ำอีกครั้งนึงนะครับ
ความจริงต้องบอกว่าไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่ช่วงนี้ผมทำไม่ได้ ผมเป็นพยานบอกเล่าในชั้นสอบสวนของคดีคุณแตงโม ในวันที่ผมทำรายการโหนกระแสเมื่อ 3 ปีก่อน ผมทำเยอะมากๆ จริงๆ แล้วผมได้สัมภาษณ์ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตำรวจก็เลยถอดสำนวนทั้งหมดจากคลิปของโหนกระแสและส่งให้อัยการและส่งไปที่ศาล
ตัวผมเองก็โดนตำรวจเรียกไปสอบว่าใครพูดยังไง อะไรยังไง ผมก็เซ็นชื่อและเป็นพยานบอกเล่าไปแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เรื่องทุกอย่างอยู่ชั้นพิจารณาแล้ว ผมเองไม่สามารถจะมีอำนาจในการออกมาทำอะไรได้อีก จนกว่าเรื่องนี้ศาลจะมีการตัดสินไปก่อน หรือมีการรื้อฟื้นเรื่องนี้โดยศาล อันนั้นผมทำได้เต็มที่เลย แต่ตอนนี้ผมขอให้เห็นใจผมด้วย ผมรับผิดชอบไม่ไหวจริงๆ ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับช่อง เพราะมันเป็นเรื่องราวของการละเมิดอำนาจศาลครับ"