บันเทิง

ประวัติ "มาดามเมนี่" เพื่อนมดดำ จากเด็กยากจน สู่ผู้จัด Rolling Loud 

ประวัติ "มาดามเมนี่" เพื่อนมดดำ จากเด็กยากจน สู่ผู้จัด Rolling Loud 

04 ก.พ. 2568

เปิดวาร์ป "มาดามเมนี่" เพื่อนสนิทมดดำ จากลูกชาวนา ต้นทุนชีวิตต่ำ ทำทุกอาชีพวิ่งไซต์งาน สู่ CEO และหนึ่งในผู้จัดคอนเสิร์ต Rolling Loud 

ร้อนไปทั่วทั้งโซเชียล หลังจาก "มดดำ คชาภา" เล่าถึงเรื่องราวของเพื่อนที่มีดีกรีเป็นถึงนักธุรกิจไฮโซถูกดาราสาว (ภาพลักษณ์ดูรวยมาก) ยืมของสุดหรู อาทิ สร้อยเพชรงู นาฬิการิชาร์ดมิลล์ กระเป๋าแอร์เมส มูลค่ารวมๆ 62 ล้าน ตอนนี้ให้เวลา 1 เดือน หากไม่คืนจะแจ้งความ ก่อนที่จะหลุดชื่อเพื่อนสนิท "เมย์" จนชาวติ๊กต็อกเสิร์ชชื่อกันสนั่น

 

 

ประวัติ "มาดามเมนี่" 

 

ชื่อจริง "ดร.เมย์ วาสนา อินทะแสง" CEO REVOMED Group และ Group CEO BENOVA Global ผู้ผลิตสินค้าความงามและอาหารเสริม นักปั้นมือทอง และมักจะปรากฏภาพคู่กับดาราคนดัง

  • IG : maynie_minimay 

 

ประวัติ \"มาดามเมนี่\" เพื่อนมดดำ จากเด็กยากจน สู่ผู้จัด Rolling Loud 

ย้อนชีวิตวัยเด็ก

 

  • เมย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ต้นทุนต่ำ ค่อนข้างขาดโอกาสในการเรียนก็ว่าได้ เป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด เกิดและโตที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ลูกชาวนา มีความฝันเพียงอยากเรียนให้จบ ม.6 พร้อมกับเพื่อนๆ เป็นเด็กตั้งใจเรียน เรียนดีได้ที่ 1 ตลอด
  • แต่เมย์เป็นลูกคนสุดท้อง พ่อแม่ก็เลยส่งเรียนได้แค่ ม.3 และให้ขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯ เราร้องไห้อยู่หลายวันกว่าจะทำใจยอมรับได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แม้ว่าจะดรอปเรียนไป 1 ปี เพราะต้องทำงานก่อน เมย์เลือกเรียน ปวช. เพราะว่า ปวช. มันเลิกเร็ว เพื่อที่จะมีเวลาทำงานในช่วงเย็นได้

 

 

 

จุดเปลี่ยนชีวิต

 

  • "อย่างที่บอกว่าค่ะ ต้นทุนชีวิตของเมย์ต่ำ พ่อแม่เราก็ลำบากมากเลย เราไม่ได้หวังว่าจะรวยล้นฟ้า หวังแค่พอมีพอกิน ดูแลครอบครัวได้ ไม่ต้องให้พ่อแม่ลำบากเหมือนตอนนี้ และสิ่งหนึ่งที่เราคิดแล้วโฟกัส ณ ตอนนั้นคือการศึกษา เรามองว่าสิ่งเดียวนี่แหละที่จะทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนได้นั่นก็คือการศึกษา จึงทำให้ไม่หยุดเรียนค่ะ"

 

  • "เราเลือกทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้เราได้มีเงินเรียน จึงเริ่มต้นงานครั้งแรก ๆ ด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานล้างจาน ขายเสื้อผ้า ขาย jewelry ขายหินต่าง ๆ ทำมาหลายอาชีพมาก ๆ ค่ะ แต่เราก็ยังไม่หยุดที่จะเรียนนะคะ"

 

  • "พอเรียนจบ ปวช. ก็มาต่อที่เรียนปริญญาตรีที่ ม.ราชภัฏสวนดุสิต เรียนจบหางานทำ เราเรียนด้านการตลาดมา งานแรกหลังเรียนจบคือ พนักงานขาย (Sale) ประตูหน้าต่างอลูมิเนียม ขายตามโครงการหมู่บ้านอย่างนี้อะค่ะ ซึ่งก็ต้องวิ่งไซต์งาน ยกของแบกของหนักไปไซต์งานตลอดค่ะ"

 

  • "วันหนึ่งมี Sale ใหม่เข้ามา แล้วเขาชวนไปสมัครบริษัทยา เป็นผู้แทนยา ซึ่งผู้แทนยาที่เรารู้มาคือต้องจบวิทย์ จบเภสัช เขาไม่รับเราหรอก แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ก็ไปสมัครทิ้งๆ ไว้หนึ่งปีค่ะ มันเหมือนกับบุญพาวาสนาส่งหรืออะไรก็ไม่รู้ หรือถ้าเป็นภาษาเราคือดวงมาฟ้าเปิด เขาเรียกเราสัมภาษณ์"

 

  • "การสอบสัมภาษณ์ในครั้งนั้นจึงเป็นเหมือนไฟเปิดทางให้เรามีโอกาสได้เข้ามาทำงานในบริษัทยา ด้วยเขตที่เขารับเป็นเขตอีสาน เป็นเขตบ้านเรา เขาอยากได้คนพื้นที่ เขาอยากได้ผู้หญิงที่มีบุคลิกดี มีการสื่อสารที่ดี มีเทคนิคสกิลการขาย แล้วยาที่เราถือเผอิญเป็นยาพวกกลุ่มผิวหนัง ไม่จำเป็นต้องจบสายวิทย์"

 

 

ชีวิตไม่เคยหยุดเรียนรู้

 

  • ขณะที่ทำงาน เมย์ก็ยังหาเรียนคอร์สควบคู่กัน ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเอง เพราะเรารู้ว่า ข้อด้อยของเราคือ ภาษาอังกฤษที่ไม่ดี วิทย์ เคมี ชีวะ ก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่เรามีคือความขยัน และความพยายาม ซึ่งมันไม่เคยทรยศเราเลย
  • พอเราทำงานที่บริษัทนี้ค่ะ ทำให้เราเป็น Top Sales มียอดขายที่สูงที่สุด จากแค่ผู้แทนยาธรรมดากลายเป็น Sales Supervisor, Sales Manager, National Sales Manager และกลายเป็น Sales Director ในระยะเวลาไม่นานเลย 
  • ต่อมา มีโอกาสเรียนปริญญาโทหลักสูตร M.B.A. ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนมากตั้งแต่เด็กเลย และปริญญาโท ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) ที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เพิ่มเติม  เพราะเราทำอุตสาหกรรมโรงงานอาหารเสริม และยังเรียนปริญญาเอกอีกหนึ่งใบ

 

 

สู่ก้าวแห่งความสำเร็จ 

 

  • สั่งสมประสบการณ์มาระยะหนึ่ง หลังจากมองหาโอกาสของตลาดการรับผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM) มาโดยตลอด

 

 

  • และลาออกจากงานมาทำเอง ตอนแรกทำบริษัทกับเพื่อน ด้วยการที่ต้องคิดและตัดสินใจหลายคน เรารู้สึกว่ากระบวนการบางอย่างมันช้า ส่วนตัวเราเป็นคนกล้าคิด กล้าทำ คิดเร็ว ทำเร็ว ใจถึงพึ่งได้ แต่ข้อเสียคืออาจจะมีความเสี่ยงสูงในการลงทุน แต่ก็คิดว่า ถ้าแย่ที่สุด ฉันก็ไม่จนไปกว่าเดิมหรอก เลยตัดสินใจออกมาทำคนเดียว

 

 

  • ทำงานกันแบบลืมวันลืมคืน จนเราสามารถขยายจากห้องเช่าแค่หนึ่งห้อง เมื่อ 7 ปีก่อน มาเป็นโรงงาน 3 โรงงานอย่างในทุกวันนี้ เคล็ดลับง่าย ๆ เลย คือ เมื่อต้นทุนต่ำ เราก็ต้องพยายามให้มากค่ะ ทำให้มาก ทุ่มเทให้มาก เปลี่ยนความขาดแคลนให้เป็นพลัง ใส่ให้สุดใจไม่มัวโทษโชคชะตา นี่คือพลังแห่งความสำเร็จของเมย์

 

ประวัติ \"มาดามเมนี่\" เพื่อนมดดำ จากเด็กยากจน สู่ผู้จัด Rolling Loud