
คิดว่ายังไง? สรุปคำชี้แจง ทั้ง 4 บอส ปมร้อน The iCon Group
โดนกันถ้วนหน้า สำหรับดาราดัง ที่ชื่อนั่งตำแหน่งบริหาร The iCon Group สรุปคำชี้แจง ทั้ง 4 บอส อย่าง "บอสพอล - บอสแซม - บอสกันต์ - บอสมิน" อ่านแล้วคิดยังไงกันบ้าง?
โดย "แซม ยุรนันท์" ที่มีรายชื่อนั่งแท่น CRO (Chief Research Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา และวิจัยผลิตภัณฑ์ ชี้แจงคนแรก บอกว่า รู้จักกับ "บอสพอล" ผ่านหลักสูตรการเรียน ทำให้มีการชักชวนกันมาทำธุรกิจ ตนมองว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจใหม่และน่าสนใจ ซึ่งตำแหน่งที่ได้รับคือตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัย มีหน้าที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ และสอนวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ให้ผู้ที่เข้ามาร่วมลงทุน แต่ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ และไม่เคยชี้แนะให้คนที่เข้ามาเรียน ตัดสินใจร่วมลงทุนธุรกิจ
ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่จำหน่าย ได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เพราะก่อนที่จะรับงานแต่ละชิ้น จะศึกษาว่าผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างมีคุณภาพหรือเชื่อถือได้หรือไม่
ยอมรับว่าข่าวที่ออกมา เป็นข้อมูลคนละด้านที่ได้รับมา หลังเกิดเหตุได้มีการพูดคุยกับบอสพอล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมรับผิดชอบ เยียวยาความเดือดร้อนให้กับผู้เสียหาย
ส่วนรายได้ที่ได้รับจากบริษัท เป็นรูปแบบการได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายผลิตภัณฑ์ รายได้มานั้นมีไม่มาก และไม่ถึง 10 ล้านบาท ไม่ได้มีหุ้นอยู่ในบริษัท ไม่เคยเข้าร่วมการประชุมบริษัท หรือมีส่วนในการกำหนดทิศทางของบริษัท และบริษัทนี้มีกรรมการบริหารเพียงคนเดียว คือบอสพอล
"มิน พีชญา" ที่นั่งตำแหน่ง CCO (Chief Communications Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ชี้แจงว่า เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ และเป็นทั้งผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร หรือ พีอาร์ มีตัวสัญญาชัดเจน ส่วนคนข้างในบริษัทเรียกว่า "บอสมิน" เป็นคำที่ใช้เรียกกันและให้เกียรติเรา ไม่มีหุ้นส่วน ไม่เคยลงทุนกับบริษัทแต่อย่างใด เป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น
ในส่วนการทำงานด้านพีอาร์ จะได้ค่าตัวเท่ากับค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ปกติทั่วไป ซึ่งทั้งหมดมีเอกสารสัญญาชัดเจน เพิ่งร่วมงานกับดิไอคอน ได้แค่ปีกว่าๆ เพิ่งเข้ามาต้นปีที่แล้ว
เห็นบริษัทขึ้นบิลบอร์ดมีพรีเซ็นเตอร์หลายท่าน ตรวจสอบข้อมูลแล้ว มีภาพลักษณ์เหมือนที่ทุกคนเห็น แต่มาถึงวันนี้ ก็ยังโทษตัวเองว่า ตรวจสอบไม่ดีพอ ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชนที่เรารัก
อยู่ในวงการมา 20 ปี ไม่เคยทำให้เสียหายเลย โดยเฉพาะเรื่องรับงานพรีเซ็นเตอร์ เรามีมาตรฐานทำงาน ไม่เคยรับอะไรสุ่มเสี่ยง สีเทา บ้านมีธุรกิจ มีห้างร้านวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมรัพย์ เงินที่ได้ จากบริษัท ก็เท่ากับพรีเซ็นเตอร์ทั่วไป ไม่ได้ได้เงินเป็นร้อยล้านเหมือนที่เขาพูด และขอยุติสัญญากับ The iCon Group แม้จะยังไม่มีการตรวจสอบว่าถูกหรือผิด
"กันต์ กันตถาวร" นั่งตำแหน่ง CMO (Chief Marketing Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ชี้แจงว่า เริ่มทำกับ The iCon Group ตั้งแต่ตุลาคม 2564 โดยเซ็นสัญญาทั้งหมด 5 ปี ในฐานะผู้รับจ้าง พรีเซ็นเตอร์ พิธีกร ไม่ได้เป็นบอส ไม่ได้ร่วมลงทุน ไม่ได้ถือหุ้น ไม่มีอำนาจในบริษัท และก่อนเซ็นสัญญาได้ตรวจสอบดีแล้ว
รายได้ ตนรับในฐานะผู้รับจ้าง รายได้ที่รับมาจากการขายสินค้า ซึ่งทางบริษัทจะเป็นคนสรุปค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ไม่ใช่เปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้าในทีม และไม่ได้เป็นแม่ทีม ส่วนรายละเอียดขอไปตอบในชั้นพนักงานสอบสวน
ส่วนคำว่า "บอสกันต์" เรียกเพื่อให้เกียรติกันในบริษัทเท่านั้น ทุกคลิปที่มีการนำเสนอออกไปในโลกโซเชียล เป็นสคริปต์ คำว่า "พิธีกรอันดับ 1 ของประเทศไทย" เป็นความคิดของบริษัท ส่วนคำว่า "เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว" เป็นการแสดง พูดไปตามอารมณ์ ณ ตอนที่ทำหน้าที่
ตกใจข่าวผู้เสียหาย ที่ผ่านมาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน และได้ถาม "บอสพอล" ว่าเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่าผู้เสียหายต้องได้รับการเยียวยา จากข่าวที่เกิดขึ้น ขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรในวงการบันเทิง และยุติสัญญากับ The iCon Group โดยยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ส่วนรถหรูคันสีแดง "บอสพอล" และบอสคนอื่นๆ ให้เป็นของขวัญวันเกิด ส่วนบ้านหรู นาฬิกาหรู ตนทำงานในวงการมาเกือบ 20 ปี เป็นพิธีกรมา 10 ปี รายได้ทั้งหมดตรวจสอบได้ เพราะมีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
ขณะเดียวกัน "บอสพอล" หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCON) เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจง และแสดงความบริสุทธิ์ใจ
"รู้สึกเสียใจ และรู้สึกไม่ดีมากๆ มาโดยตลอด ยอมรับว่าออกมาปรากฏตัวช้ามาก ตั้งใจว่าจะช่วยเหลือเยียวยาสำหรับคนที่ประสบปัญหา และขอตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อทำให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด"
"ยืนยันว่าทำธุรกิจถูกต้อง ส่วนตัวตั้งบริษัทมา 6 ปี ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าการขายของออนไลน์ลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ก็เชื่อมาตั้งแต่วันแรกว่าถูกกฎหมาย ผมไม่ใช่คนแรกหรือเจ้าแรกที่จะคิดทำธุรกิจแบบนี้ เราก็จะเห็นธุรกิจออนไลน์หลายแบรนด์เติบโต ประสบความสำเร็จดี ก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดี สร้างสินค้าดี บริษัทที่ดี ขายของได้" ก่อนที่จะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ หลังเจอผู้สื่อข่าวถาม "ในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจหากถูกต้อง ทำไมในช่วงหลังถึงมีการบิดเบี้ยว?"