
"อรอนงค์" อัปเดตอาการป่วยมะเร็ง ตรวจเจอโรคแทรกซ้อน เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ
"อรอนงค์ ปัญญาวงศ์" ควงลูกชาย "อองรี-อองตอง" อัปเดตอาการป่วยมะเร็ง แถมตรวจเจอโรคแทรกซ้อน เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ?
นางงาม นักแสดง และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว "อรอนงค์ ปัญญาวงศ์" ควงลูกชาย "น้องอองรี - น้องอองตอง" มาอัปเดตอาการมะเร็งที่เป็นเคสหายาก 1 ใน แสนคน และตอนนี้กำลังรักษาอาการโรคคล้าย SLE แพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง และวันนี้ลูกชายจะเปิดความลับกับคุณแม่ครั้งแรกในคุยแซ่บshow
อรอนงค์ : คือตอนแรกก่อนที่จะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง เราไปผ่าตัดต่อมไทมัส ซึ่งเป็นต่อมที่ผลิตการเจริญเติบโตของเราตั้งแต่เกิดมา แต่พอเราอายุเยอะแล้วต่อมนี้จะหยุดทำงาน แต่มันยังควบคุมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา แต่พี่อรต่อมไทมัสมันโตถึงขนาดไปเบียดอวัยวะภายใน คือเบียดหัวใจกับปอด มันเลยทำให้เราหายใจไม่ค่อยสะดวก แล้วก็แน่นหน้าอก อันนี้คือสาเหตุที่ทำให้ต้องไปผ่าตัด แล้วไปตรวจ แต่พอเราผ่าตัดต่อมไทมัสออกมาแล้ว คุณหมอก็เอาก้อนชิ้นเนื้อนั้นไปตรวจ ปรากฎว่ามันเป็นเนื้อร้าย พอวินาทีที่หมอบอกว่ามันเป็นเนื้อร้าย ใจมันหล่นไปที่ตาตุ่มเหมือนกัน หน้าลูก หน้าแม่ หน้าทุกคนในครอบครัวมันลอยมา มันเหมือนหูดับ อึ้งไปแป๊บนึง
จากนั้นก็รวบรวมสตินั่งคุยกับคุณหมอจะต้องทำอะไร ยังไงบ้าง เรามีความรู้สึกไม่ได้ เราจะต้องหาย เรายังเป็นกำลังสำคัญของที่บ้านอยู่ เราจะเป็นอะไรไม่ได้ ก็คุยกับคุณหมอเรื่องการรักษา คุณหมอแนะนำ ว่าอันดับแรกเลยคือฉายรังสี ต้องไปพบกับคุณหมออีกหนึ่งท่าน คุณหมอที่รักษามะเร็งเค้าจะฟอลโล่อัพอีกครั้งหลังจากที่ฉายรังสีเสร็จแล้ว ก็ไปคุยกับคุณหมอที่ฉายรังสี ปรากฎว่าต้องฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้ง ภายใน 1 เดือนเศษๆ
ซึ่งมันจะมีผลในเรื่องของอ่อนเพลียบ้าง แต่เราดูแลตัวเองก่อนที่จะรู้ว่าต้องผ่าตัด ก็ทานบำรุง ทานอะไรที่เป็นประโยชน์ พอหล้งจากที่เราผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่กระบวนการของการฉายรังสี บริเวณที่เราไปฉายรังสี มันไม่มีความเบิร์น ไม่มีอะไรที่เป็นผลข้างเคียง หรือผมร่วงไม่มี มันก็เลยโชคดีมากๆ เพราะว่าคนที่ไปฉายรังสีในวันเดียวกันทุกวันที่เราเจอ เค้าจะผิวคล้ำลง หน้าหมองลง ดูไม่สดใส แต่ช่วงนั้นพี่อรฉายรังสีเสร็จ ตอนบ่ายก็ไปทำงาน ก็คือทำอะไรปกติเหมือนเดิม แล้วก่อนที่เราจะฉายรังสี หรือทำอะไร เราจะคุยกับลูกว่าเนี่ยคุณแม่ไปรักษาตรงนี้มันไม่น่ากลัวนะ ไม่ต้องห่วงคุณแม่
บอกลูกตั้งแต่วันแรกที่รู้?
อรอนงค์ : ใช่ บอกลูกตั้งแต่วันแรกเลย เราจะได้ไม่ต้องมาปิด หรือมารู้ทีหลัง ก็บอกไปเลยว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นข้้นที่ 2 มันเป็นมะเร็งที่หายาก แต่มันไม่รุนแรงเท่ามะเร็งเต้านมหรือมะเร็งมดลูก ด้วยความที่มันยังไม่เข้าถึงต่อมน้ำเหลือง แต่มันไปเฉียดปอดนิดนึง พอหลังจากที่เราผ่าจัดไปแล้ว ฉายรังสีไปแล้วมันก็ไม่ได้มีเอฟเฟกต์อะไร เราก็ฟอลโล่อัพอย่างต่อเนื่อง
ตอนแม่บอกเราว่าเป็นมะเร็งตกใจไหม?
อองตอง : ตกใจครับ ตอนแรกก็คิดว่าแม่จะเป็นหนักไหม พอแม่บอกว่ามันไม่ได้หนักขนาดนั้น ก็กังวลน้อยลง
อองรี : คุณแม่ค่อยๆ บอก ก็ค่อยๆ ฟัง เหมือนช่วงที่ฉายรังสี คุณแม่ไม่ได้บอกทุกคนว่าคุณแม่ไปฉายนะ เราก็เห็นคุณแม่ไปทำงานปกติ เราก็เรียนมหาลัย อยู่ไกล มีโทรเช็กบ้าง แต่อาจจะไม่ได้บ่อยมาก แต่กลับมาเจอคุณแม่ทุกอาทิตย์
อรอนงค์ : ในช่วงที่ฉายรังสีก็ไม่ได้บอกคุณยาย พอฉายรังสีเสร็จแล้ว ผ่านไป 1 - 2 เดือน ถึงไปทำการเอ็กซเรย์ ทีซีสแกนอีกรอบว่าที่เราฉายรังสีไปแล้วมันเป็นยังไงบ้าง ยังมีเชื้อมะเร็งอยู่ไหม คุณหมอบอกว่าเชื้อมะเร็งตรงที่เราผ่าตัดออกไปมันไม่มีแล้วนะ แต่ก็อย่าวางใจ เพราะว่ามะเร็งมันสามารถกลับมาได้เมื่อเราอ่อนแอหรือเราดูแลตัวเองไม่ดี พักผ่อยไม่เพียงพอ เพราะเชื้อนี้จริงๆทุกคนมีอยู่ในร่างกาย แต่มันจะปะทุเมื่อไหร่ อันนั้นทุกคนต้องระวัง
อรอนงค์ : พอเราไปทำทีซีสแกนจะรู้ว่ามันมีปัญหาอะไรไหม แต่พอเราทำแล้วมันไม่มี ก็บอกคุณยาย ตอนนี้ไปรักษาตัวเอง มันโอเคแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่ามันมีโรคที่แทรกซ้อนจากการที่เราผ่าตัดมะเร็งต่อมไทมัส ก็คือแพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง มันคล้ายๆ SLE แต่มันยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนั้น แล้วโชคดีที่เจอเร็ว ทำไมถึงตรวจเจอเร็ว ก็เอาค่าเลือดที่เราไปตรวจ เวลาเราไปหาตุณหมอ คุณหมอจะสั่งตรวจเลือดทุกครั้ง แล้วปรากฏว่าค่าของที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ มันมีมาให้คุณหมอได้เห็น 3-4 ตัว ที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ แล้วมีแฝงไทรอยด์ ที่เป็นแบบระบบร่างกายเผาพลาญไม่ดีก็จะมีมาด้วย ต่อมไทมัสเราไม่มีภูมิเหมือนกัน
แล้วอาการภูมิแพ้กล้ามเนื้อมันจะส่งผลอะไรบ้าง?
อรอนงค์ : ตอนนี้เราทานยาควบคุมอยู่ก็เลยไม่ส่งผลอะไร แต่ถ้าวันใดที่เราหยุดทานยาแล้วมันเป็นเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่มันทำลายเลยคือกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อปอด พี่ยังโชคดีที่เจอในระยะเริ่มต้น เริ่มทานยาโดสยังไม่เยอะมาก แต่ก็ต้องทานยาควบคุม เพราะคุณหมอบอกว่ามันเหมือนระเบิดเวลา ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองหรือไม่ทานยา มันอาจจะปะทุขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษาและฟอลโล่อัพอย่างต่อเนื่อง
ลูกๆ ให้กำลังใจยังไง?
อองรี : หาเวลากลับบ้านทุกอาทิตย์ แล้วก็หาเวลาไปกินข้าวกับคุณแม่ เป็นห่วงคุณแม่ครับ จริงๆ หลายอย่างคุณแม่ก็ยังไม่ได้บอก เรื่องรายละเอียด ยาแต่ละตัว
อองตอง : เป็นห่วงครับ เวลาไปเรียนกลับมาบ้าน เจอแม่ก็มากอด มาหอมแม่ ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ก็หาย สู้ๆ
อรอนงค์ : โชคดีอย่างนึงเราเลี้ยงลูกสมัยใหม่ กอดเรา หอมเราเป็นเรื่องปกติ แล้วบอกรักกันทุกวัน
โดนโกงไปหลายแสนเลย?
อรอนงค์ : ไม่ถึงกับโดนโกง เป็นความที่เราไว้ใจด้วย จากที่เราทำร้านเสื้อก็ทำมานานแล้ว เหมือนเป็นอาชีพหลักให้กับเรา เพราะถ้าเราไม่มีงานในวงการ มันก็ต้องมีอาชีพหลักที่เราสามารถพึ่งพามันได้ ทำตั้งแต่ก่อนโควิด มันขายได้ในระดับนึง ก็คิดว่าน่าจะเลี้ยงตัวเองได้ พอมาหลังๆ มันไม่ประสบความสำเร็จ มันขาดทุน เราเริ่มรู้แล้วว่ามันขาดทุน มันขายไม่ดี แล้วพอรู้ว่าตัวเองไม่สบายด้วย ไหนๆมันไปไม่ค่อยได้แล้ว น่าจะปิดร้านดีกว่า แต่พอไปๆ มาๆ มันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราเสียความรู้สึกกับการที่เราต้องปิดร้านไปด้วย เสียดายร้าน
แต่ไม่ได้โดนโกง?
อรอนงค์ : ไม่ได้โดนโกง มันเป็นการเผลอเรอของเราเอง แล้วเราไม่ได้เข้าไปดูร้าน การบริหารจัดการเราก็ไม่เต็มที่ด้วย
ร้านติ่มซำด้วยไหม?
อรอนงค์ : มันเป็นผลพวงจากที่เราทำร้านเสื้อ ช่วงโควิดมันขายเสื้อไม่ได้ ก็เลยคิดว่าร้านอาหารมันน่าจะไปได้ดี แต่ปรากฎว่าร้านติ่มซ่ำมีหุ้นกัน ขายไปสัก 2 ปีเศษๆ มันก็ขาดทุนไม่ได้กำไร ซึ่งจริงๆ มันควรจะได้ แต่มันไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจกับหุ้นว่าเราปิดดีกว่า พอปิดไปแล้ว เราถึงมารู้ว่ามันมีอะไรไม่โปร่งใส ก็ถือว่าเป็นการซื้อประสบการณ์ ซื้อความไว้วางใจของคนไปดีกว่า
ความลับของลูกที่ไม่เคยเปิดที่ไหน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทริปต่างประเทศ?
อองรี : เป็นโมเมนต์สั้นๆ ตอนนั้นเรากำลังไปร้านขายเสื้อแล้วก็มีของฝาก คุณแม่ก็บอกว่า ซื้ออันนี้ไปฝากคุณพ่อด้วยสิ เราแอบดีใจ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้อยู่กับคุณพ่อแล้ว แต่ยังเป็นห่วง ก็บอกให้อองรีเอาไปฝากคุณพ่อ
อรอนงค์ : จะบอกลูกเสมอว่าถึงแม้ พ่อ แม่ จะแยกทางกัน แต่ว่าความรักที่พ่อ แม่ เคยมีกันก่อนที่จะมีลูก มันเป็นอะไรที่จางหายไปไม่ได้หรอก เพราะความสัมพันธ์หรือสายใยมันไม่ได้ตัดขาด มันเป็นความรู้สึกและความผูกพัน เพราะฉะนั้นอย่างลูกกับพ่อ ก็ต้องมีความผูกพันมากกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะอันนี้คือสายเลือด เวลาไปไหน เราก็บอกลูกว่า อย่างน้อย พ่อของลูกมีความรักมาให้แม่ตั้ง 20 ปี ก่อนที่จะเลิกรากันไป เพราะฉะนั้นเราก็คิดถึงโมเมนต์ที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่มีความรัก มันจะทำให้เรามีความสุขกับชีวิตบั้นปลาย ถึงแม้ไม่มีเค้า แต่เราก็มีความสุขที่อย่างน้อยๆ เค้ายังมีลูกที่น่ารักให้กับเรา
ตอนนี้สถานะหัวใจเป็นยังไงบ้าง?
อรอนงค์ : คือว่าไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่ได้เปิดมาก มีคนคุยค่ะ ลูกๆ ไม่ทราบ ด้วยความที่เราเคยผิดพลาดมาแล้ว เราก็อยากให้มันชัวร์ๆกัน ว่าเค้าโอเคกับเราจริงไหมจะบอกลูก ถ้าไม่มั่นใจ หรือไม่ชัวร์ก็ไม่อยากบอกลูก เพราะว่าถ้าเรามีแล้วเลิก ลูกจะมีความรู้สึกว่าทำไมแม่คบคนเยอะจัง ก็รอให้ชัวร์ คนนี้ใช่ ค่อยบอกลูก
ถ้าคุณแม่จะมีความรักอีกครั้งลูกๆ จะโอเคไหม?
อองตอง : ผมโอเคครับ
อองรี : ถ้าแม่เลือกแล้ว แม่บอกเราแล้ว แม่น่าจะสกีนมาเยอะ