
สามเงาเสียงลูกทุ่งอมตะสดใส-เมืองมนต์-ศรเพชร
ปัจจุบันนักร้องเงาเสียงนักร้องคนดังกำลังเป็นที่นิยมตามงานต่างๆเนื่องจากตัวจริงคิวไม่ว่างหรือค่าตัวแพง ซึ่ง คมชัด ลึก เคยนำเสนอนักร้องเงาเสียงนักร้องดังรุ่นใหม่ๆกันไปแล้ว
วันนี้ขอนำเสนอนักร้องเงาเสียงนักร้องอมตะเก่าๆซึ่งนักร้องเงาเสียงบางคนร้องได้เหมือนนักร้องต้นฉบับสมัยยังเป็นหนุ่มได้อย่างดีเลยทีเดียว
เริ่มจากผู้ใหญ่บ้านกล้า แป๊ะแก้ว หมู่ 1 ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 15 ปี และทำวงดนตรีด้วย เขามีชื่อที่โฆษกบนเวทีแซวกันเล่นๆ ว่า เสียงใสไร่แตงทอง" ร้องเพลงในแนวเสียงสดใส รุ่งโพธิ์ทอง ได้เหมือนจนถ้าไม่ดูหน้าก็แทบแยกไม่ออก
ช่วงหนุ่มไม่เคยประกวดร้องเพลงแต่ก่อนเป็นนักดนตรี ที่บ้านมีแตรวง กรน้ำใจแก้ว ผมตีกลองกับเล่นคีย์บอร์ดอยู่บ้านนอกเล่นรำวงต้องเชียร์รำวง หมดรำวงก็เป็นวงชาโดว์ ผมไปเรียนเพิ่มเติมคีย์บอร์ดที่กรุงเทพฯ มาตั้งวงสตริง พอนักดนตรีมีปัญหาก็เปลี่ยนมาเป็นวงอิเล็กโทน ก็เล่นเองคนเดียวเล่นให้เขาร้อง ทำไปทำมานักร้องไม่มา ก็ร้องเองร้องเพลงทั่วไป เพลงอะไรก็ร้องหมด ยอดรัก สายัณห์ ศรเพชร สังข์ทอง พอเริ่มร้องเพลงมันมีแผ่นซีเควนซ์ ก็ออกมาร้องหน้าเวทีเต็มตัว ปกติผมชอบร้องเพลงสังข์ทอง สีใส บังเอิญวันหนึ่งผมร้องเพลง สาวงามเมืองพิจิตร ฉบับยอดรักพอไปเล่นงานไหนคนก็ขอเพลงนี้ พอเพลง รักน้องพร มาก็ร้องและเพลง ค่าด้อยเพียงดิน รักจางที่บางปะกง เราเองไม่รู้ตัวว่าเหมือนตรงไหน วันหนึ่งไปเล่นที่วัดวังน้ำขาว อาณรงค์ รอดเจริญ (เสียชีวิตไปแล้ว) เขาไปงาน เขาให้กำนันมาเรียกไป ผมอยากเจอตัว เขาบอกร้องเพลงดี เขาให้ไปร้องบุปผาแฟนคลับกับอาสดใส ก็เลยได้ออกรายการคู่กัน ตั้งแต่นั้นมาก็ร้องแนวอาเขา ตัวเขาก็รู้ อาสดใสเจอก็เขาก็ขำๆ หลังจากนั้นก็ร้องเพลงเรื่อยมา ผมเป็นนักร้องลองไมค์ก่อน มีอยู่สองงานอาเขามาถึงพอดี เขาก็ขึ้นมาร้องคู่กันกับผม ผมก็งงๆ แต่ก่อนเคยคิดทำเทปแต่ผมอายุเยอะแล้ว ที่จริงก็วงดนตรีของผมชื่อวง พลาสติก มีครบทุกอย่างทั้งหมดแต่ก็ไม่มีทุน ก็อาศัยเกาะเขาไป (หัวเราะ) ได้บารมีเขา หากินเรื่อยไป นักร้องเงาเสียงที่คนแซวว่าเป็นสดใสตัวดำ กล่าวอย่างอารมณ์ดีสำเนียงเหน่อแบบคนกาญจน์
ต่อกันที่ทีเด็ด เพชรบ้านนา ทายาทของปักษิณ ลูกวิเศษ (เสียชีวิตไปแล้ว) ที่กล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร่องเสียงของเมืองมนต์ สมบัติเจริญ (เสียชีวิตไปแล้ว) ที่หาได้ยากยิ่ง และมีลีลาการโห่ที่เฉียบขาด ร้องงานไหนก็ชนะใจคนดู ทีเด็ดบอกถึงการร้องเพลงของเขาว่า
"ผมฟังเพลงของอาเมืองมนต์มาตลอด พ่อผม (ปักษิณ) ก็เป็นร่องเสียงอาเมืองมนต์ ผมตามพ่อไปทำขวัญนาคทุกครั้ง เลยทำให้คุ้นเคยกับเพลงเขา เลยหัดร้องมาเรื่อยทั้ง เก็บเงินแต่งงาน, คอยน้องทั้งคืน, รักแฟนคนเดียว จนมาอยู่กับประกายเพชร สรหงษ์ ผมก็มาหัดร้องเพลงโห่มาจนทุกวันนี้ ซึ่งบางคนก็ว่าผมร้องเหมือนอาศรเพชร ถ้าฟังดีๆ เสียงผมจะตํ่ากว่า ผมคิดว่าผมได้ร่องมาจากของพ่อกับเมืองมนต์มากกว่า"
เมื่อถามถึงการตอบรับในการเป็นแนวเสียงเมืองมนต์ว่าเป็นอย่างไรทีเด็ดบอกว่า
"คนแก่ๆ เขาก็ชอบที่เราร้องเพลงเก่าๆ ได้พอเขารู้ว่าเราเป็นลูกปักษิณ ลูกวิเศษ เขาก็จะบอกว่าเสียงเหมือนพ่อมัน เพลงเก่าๆ พวกนี้เขาไม่ค่อยได้ฟังกัน แต่ทางการตลาดไม่เท่าไหร่มันก็สวนกระแสกันไป ตอนนี้ผมก็เอาเพลงของพ่อกับเพลงของเมืองมนต์มาทำดู 2-3 เพลง มีเพลง รักริมโขง แอ่วเอื้องเมืองเหนือ หัวใจเรียกหา (เมืองมนต์) รักใครไม่เท่าน้อง (สร้อยเพชร พรสุพรรณ) หงษ์จากกา หลงรักคุด (ปักษิณ) ฯลฯ ว่าจะหาค่ายที่เขาสนใจเพลงเก่าๆ แบบนี้"
ด้านคำภี กองแก้ว หรือ มนต์ เมืองกรุง เงาเสียงที่ดูจะเหมือนกับศรเพชร ศรสุพรรณ มากที่สุดเล่าถึงการเริ่มต้นเป็นเงาเสียงของเขาว่า
"เมื่อก่อนผมเป็นนักร้องในวงดนตรีของ สุพรรณ สันติชัย กับ ปริศนา วงศ์ศิริ ใช้ชื่อสุริยงค์ ศรีปฐม ผมร้องเพลงแนวสายัณห์ สัญญา, ยอดรัก สลักใจ ช่วงนั้นวงดนตรีเริ่มไม่ค่อยดี ผมก็ไปร้องเพลงตามห้องอาหารด้วย มีแขกเขาอยากฟังเพลง "ใจจะขาด" ของศรเพชร ตอนนั้นเพลงนี้ดังมาก เขาบอกว่าถ้าใครร้องได้เขาให้ 2,000 บาท ผมไม่เคยร้องเลย พอดีวันนั้นเดินผ่านร้านขายเครื่องเสียงก็เลยยืนฟังแล้วจดเนื้อร้องทีละท่อน แล้วก็ลองร้องดู ผมร้องเต็มเสียงของผมคนปรบมือสนั่นหวั่นไหวเลยผมเลยค้นเจอตัวเองเลยกลายเป็นศรเพชร 2 ไปนับจากนั้น เมื่อก่อนเวลาไปงานพวกแม่ครัวเขาเดินมาดูแล้วบอกว่าทำไมศรเพชรขาวจัง ซึ่งเสียงผมจะผสมระหว่างเมืองมนต์ สมบัติเจริญ กับศรเพชร แต่ผมจะเสียงทุ้มกว่าศรเพชร รายละเอียดการร้องจะมาก ผมยังหนุ่มกว่า ก็ถือว่าศรเพชรเขาเป็นครูให้ผม ตอนนี้ผมก็ทำงานออกมา 1 ชุดชื่อชุด "ขอพรพระพิฆเณศ" เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น มนต์ เมืองกรุงกำลังมองหาค่ายอยู่เหมือนกัน