รีวิวหนัง "วิมานหนาม" แซ่บทุเรียนยกสวน เจ็บลึก เกลียดใครไม่ลง
"วิมานหนาม" หนังไทยในรอบหลายปีที่รอคอย เหมือนกินทุเรียนรสชาติเลิศ เจ็บลึกดั่งหนามทิ่งแทง เส้นเรื่องโหด-ตัวละครกลมกล่อม จนเกลียดใครไม่ลง
ขึ้นชื่อภาพยนตร์ไทยที่หลายคนตั้งตารอ ตั้งแต่เปิดชื่อผู้กำกับที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ "บอส นฤเบศ กูโน" กับหนังเรื่องแรก "The Paradise of Thorns วิมานหนาม" พร้อมด้วยรายชื่อนักแสดงที่ไม่ธรรมดา "เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, เก่ง หฤษฎ์, สีดา พัวพิมล, เต้ย พงศกร" ซึ่งแต่ละคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่คือผลงานชิ้นเอก
รีวิววิมานหนาม
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวก่อนว่า เป็นหนังไทยในรอบหลายปีที่ดูแล้วรู้สึกเต็มอิ่มจนไร้จุดที่จะติ หรือไม่ก็สามารถทำให้มองข้ามทุกเรื่อง เพื่อเสพรสชาติทุเรียนสวนนี้ "ชีวิตคนก็เปรียบเสมือนทุเรียน กว่าจะเติบโต ถ้าเลี้ยงดูแบบผิดวิธี ชีวิตก็อาจจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบได้ แต่ถ้ารู้จักเอาใจใส่ทำความเข้าใจ"
เดินเรื่องงดงาม ดั่งปลูกต้นทุเรียน
"เมื่อวัฏจักรชีวิตของคนเรานั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับทุเรียน"
ปูทางมาด้วยกิ่งก้านที่รอวันเป็นผล สู่การโยงใย จนกลายมาเป็นทุเรียนเตรียมรอให้ปลอกหนามรอกเปลือก จนเห็นเนื้อแท้ข้างในที่โชยกลิ่นให้คนต่างใคร่รู้ต้องแต่ยังเป็นเนื้อ และต่อให้รู้ว่า ต้องฝ่าดงหนามเข้ามา แต่ผลิตผลช่างหอมหวานขนาดนี้ คนจะไม่หลงได้อย่างไร
การไล่ไทม์ไลน์การเติบโตของตัวละคร ที่สอดคล้องกับช่วงเวลาในการผลิดอกออกผลของสวยทุเรียน เปิดเรื่องมาด้วยกลิ่นหอมของทุเรียนที่เตรียมปลอกหนามรอกเปลือก ปูทางมาด้วยคู่รักชายรักชาย ที่เป็นความรักเฉกเช่นคนทั่วไป หวังจะมีความรักที่ดี ร่วมกันสร้างทุกสิ่ง
แต่ในวันที่ดอกก้านเริ่มเบ่งบานแล้ว และในวันที่สมรสเท่าเทียม ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการมาพบกันของเหล่าตัวละครที่ต่างมีเบื้องหลังชีวิตที่ถูกย่ำยีจนเนื้อภายในบอบบาง ต้องใช้หนามในการปกป้องตัวเอง นำมาซึ่งจุดเริ่มต้นแห่งศึกแย่งชิงสวน แต่ที่มากการแย่งที่ดิน คือความต้องการที่ด้านมืดเข้ามาครอบงำจิตใจ พร้อมที่จะทำทุกอยากสนองตรรหาของตัวเอง หรือที่เรียกว่า "ความโลภ"
บทภาพยนตร์หอมหวาน
หลายๆครั้งที่เราดูภาพยนตร์ไทย มักจะเจอกับปัญหานี้ แต่หัวใจสำคัญที่แข็งแรงอย่างบทนั้น ส่งผลให้ทุกอย่างออกมากลมกล่อม เพราะการทำหนังทุกครั้งคือการสะท้อนสังคม และสร้างประโยชน์ อาทิ ในซีนที่กลายเป็นไวรัล "คนอย่างเราจะโง่ให้ผู้ชายทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ" ประโยคนี้ยังคงย้ำให้เห็นเรื่องความไม่สมดุลในสังคมที่มีมาอย่างยาวนาน เพราะไม่ว่าจะเพศใดก็ควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และสำคัญยิ่งกว่า ประโยคนี้ยังแสดงให้ว่า หันมารู้จักที่จะ "รักตัวเอง" ปกป้องตัวเอง ไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ ก่อนที่จะไปดูแลคนอื่น
ตัวละครรสชาติกลมกล่อม
หากดูจนจบเรื่อง คงยากที่จะเกลียดใครสักคนในเรื่องนี้
"ทองคำ" คนธรรมดาที่หวังจะมีอะไรเป็นของตัวเอง โหยหาความรัก และมาเจอกับเสก จนลงเงินไถ่ที่ดินมาได้ แต่แล้วก็ต้องมาเจ็บปวดในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามจะเอาชนะ เพื่อทวงคืนสิทธิของตัวเอง จนวันหนึ่งเมื่อรู้ว่าไร้ความหมาย และเจอความสำคัญในชีวิตที่แท้จริง แต่กลับน่าเศร้าเมื่อด้านมืดพรากทุกอย่างไปหมดแล้ว มีเพียงตัวตนเท่านั้นที่ยังอยู่
"ในชีวิตนี้กูไม่เคยเห็นใครน่าสงสารเท่ากูเลย" ประโยคคำพูดของ "โหม๋" ประสมกับการเล่าเบื้องหลังชีวิต จนทำให้ทุกคนเข้าใจการกระทำของเธอ หญิงสาวไร้การศึกษา ถูกกดขี่ และในวันที่กำลังจะถูกทอดทิ้ง ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องตัวเอง แต่ก็กลับต้องช้ำในที่สุดอีกครั้ง เมื่อคนเรา ไม่ควรจะใช้คำว่า น่าสงสารเป็นข้ออ้าง ในการใช้ชีวิตแบบผิดๆ
"แม่แสง" มนุษย์แม่ หรือไม่ก็ป้าคนหนึ่งที่พร้อมจะทำทุกสิ่งเพื่อประโยชน์ต่อตัวเอง เรียกง่ายๆคือ เห็นแก่ตัว แต่เชื่อว่า ตัวละครนี้คงมีที่มาในการทำเช่นนี้ และเป็นคาแรคเตอร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในจอหนัง และสังคม เพราะเมื่อชีวิตต้องผ่านการปากกัดตีนถีบ เลยหล่อหลอมให้กลายเป็นคนเช่นนี้ แต่หากมองในอีกแง่มุม ทำไมสังคมต้องบีบบังคับให้คนเกิดสันดานดิบเช่นนี้ ในเมื่อเราสามารถพัฒนาสังคม หรือเพราะชีวิตคนไม่ได้มีมูลค่าเท่ากัน
"จิ่งนะ" คนดีในเรื่อง ที่พร้อมโอนอ่อนตามทุกคนเพียงเพราะหวังให้ทุกคนเข้าใจกัน เมื่อในชีวิตมีเพียงพี่สาวแท้ๆ ที่ต้องใส่ใจ และในวันที่มาเจอคนที่สำคัญของชีวิต เป็นตัวละครที่รู้จักความต้องการของตนเอง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง จนเป็นกระจกเงาสะท้อนให้ทุกคนคิดได้
"เสก" เจ้าของสวน อาจจะไม่ใช่ตัวละครที่บริสุทธิ์ เมื่อปิดบังความลับจากคนรัก แถมยังกลายเป็นหนามทิ่มแทงทั้งตัวเอง และคนที่อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องมารับผิดชอบกับการถูกกระทำ การมีความรักเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกทำร้ายจิตใจ
ไม่เคยลิ้มรสทุเรียนแล้วรู้สึกอร่อยขนาดนี้ เป็นหนังไทยในรอบหลายปีของ GDH ที่กลืนกินทั้งใจจนมันอิ่มเอมมากจริงๆ ทั้งบท ตัวละคร ฉาก มุมกล้องทุกสรรพสิ่งส่งความเข้มข้น ตบท้ายเรื่องไว้อย่างแยบยลตามยุคสมัย ไม่แปลกใจที่ตีตลาดทั่วโลกได้