บันเทิง

The Shock Labyrinth 3D Extreme

The Shock Labyrinth 3D Extreme

29 เม.ย. 2553

ข้อมูลบางอย่างอันน่าสนใจของหนัง The Shock Labyrinth 3D Extreme ที่สามารถเรียกร้องให้คอหนังก้าวเท้าเข้ามาดูในโรงได้ไม่ยากเห็นจะเป็น

  1. นี่คือผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ ทาคาชิ ชิมิสึ เจ้าของหนังสยองขวัญอันลือลั่นอย่าง “Juon” ที่สร้างตำนานผีตัวขาวโพลน โผล่มาเกาะตามเนื้อตัว และไม่เพียงโด่งดังแค่ในเอเชีย เพราะเมื่อฮอลลีวู้ดเห็นเข้า ก็พลอยชอบอกชอบใจ ถึงขั้นซื้อไปรีเมคใหม่และลงทุนว่าจ้างตัวเขา กลับไปทำหน้าที่เดิมอีกครั้ง ภายใต้โครงเรื่องเดิมแต่ใช้นักแสดงอเมริกันพร้อมเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า “The Grudge” และแน่นอนว่าหนังประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ และทำรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลก

 2. เป็นหนังที่รวมทีมนักแสดงรุ่นใหม่ ซึ่งพวกเขาแต่ละคนเหมือนเป็นความหวังของวงการหนังญี่ปุ่น โดยเฉพาะการได้เจ้าหนู ยูยะ ยากิระ (ที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว) มารับบทนำ หลังจากที่เคยคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก อย่างเทศกาลเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ 6 ปีก่อนจากเรื่อง Nobody Knows, สาวน้อย ไอ มาเอดะ จากหนังโหด Battle Royale ทั้งสองภาค และ เอริน่า มิตซูโน่ จากหนังสุดคัลท์ Ichi the Killer
 
 3. นี่คือหนังสามมิติเต็มรูปแบบเรื่องแรกของเอเชีย (สามมิติตลอดทั้งเรื่อง ไม่ใช่แค่สามมิติเป็นบางฉากเหมือนหนังฮ่องกงบางเรื่องที่ออกฉายก่อนหน้านี้)

 จากข้อมูลเบื้องต้น น่าจะเป็นเครื่องรับประกันว่า The Shock Labyrinth 3D Extreme คือหนังสยองขวัญที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่เมื่อเข้าไปสัมผัส ทั้งการเบิ่งตาดู เปิดหูฟัง และเปิดใจให้กว้างกับความคาดหวัง แต่กลับพบว่านี่คือหนังสยองขวัญธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากไปกว่าการพยายามยัดเยียดบรรยากาศหลอนๆ ตัวละครพิกลพิการหรือไม่ก็ประหลาดเพี้ยน รวมถึงเรื่องราวประเภทตามจองล้างจองผลาญ หรือแค้นฝังหุ่น ของวิญญาณร้ายที่เผ้ารอวันชำระ หนังเล่นกับวิธีการ (หลอก-หลอน) มากกว่าใส่ใจกับเนื้อหา หรือบอกเล่าที่มาที่ไป รวมทั้งละเลยรายละเอียดแวดล้อมของตัวละคร ไม่มีการเคลียร์คัทจัดเจนกับโครงเรื่องที่สร้างขึ้น ปล่อยให้เป็นปมหลวมๆ แล้วขยายความโดยเล่นกับองค์ประกอบหลอนๆ ที่มีอยู่ จากนั้นก็เขย่าขวัญคนดูซ้ำไปซ้ำมาด้วยวิธีการเดิมๆ ปล่อยให้ตัวละครผจญชะตากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนติดอยู่ในกับดับที่วางไว้ไม่ขยับขยายไปไหน เป็นหนังสยองขวัญที่เล่าเรื่องและเล่นกับสไตล์ที่ซ้ำซาก ส่งผลให้หนังขาดความน่าติดตามตั้งแต่กลางเรื่องไปจนจบ (ซึ่งใน End Credit หนังก็ยังไม่วายเล่นกับมุกซ้ำๆ เดิมๆ อยู่นั่นแหละ)

 เรื่องราวของ The Shock Labyrinth 3D Extreme เริ่มต้นในคืนฝนพรำ ‘ริน’ สาวดวงตาพิการ ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียกกลางดึกจาก ‘ยูกิ’ เพื่อนสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 10 ปีก่อน เธอกลับมาในสภาพร่างกายทรุดโทรม เพื่อนชายอีกสองคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน ถูกโทรศัพท์ตามตัวให้มาช่วยดูแล และเมื่อทั้งสามพา ‘ยูกิ’ กลับบ้าน พวกเขาก็พบพฤติกรรมประหลาดของครอบครัวเธอเข้าให้อีก ยกเว้น ‘มิยุ’ น้องสาวของเธอ จากนั้นเพื่อนทั้งสาม จึงชักชวนเธอพาพี่สาวไปโรงพยาบาล และทันทีที่เดินทางไปถึง กลับกลายเป็นว่า โรงพยาบาลแห่งนั้นร้างไร้ผู้คน ซ้ำร้าย ‘ยูกิ’ ยังอาการกำเริบ วิ่งหนีหายไปในความมืด หนุ่มสาวทั้งหมดจึงออกตามหา ก่อนจะพบว่าโรงพยาบาล ได้กลายเป็นบ้านผีสิงเหมือนในสวนสนุกเมื่อครั้งที่เคยเที่ยวเล่นกันตอนเป็นเด็ก และยิ่งเดินลึก บ้านผีสิงที่ว่ายิ่งมีสภาพเหมือนเขาวงกตที่วนเวียนหาทางออกไม่เจอ ซ้ำร้ายกว่านั้น ภาพในอดีตได้ย้อนกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกครั้ง จนไม่สามารถแยกแยะได้ความสิ่งที่เห็นเป็นความจริงหรือภาพลวงตา

 จากเรื่องราวโดยย่อ ดูเหมือนว่า พล็อตเรื่องนั้นช่างเอื้อกับการใส่ลูกเล่นในแนวทางหนังสยองขวัญได้เป็นอย่างดี ทั้งบรรยากาศของสถานที่ซึ่งกำหนดให้เป็นบ้านผีสิง (แถมยังมีสภาพเป็นเหมือนเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้อีก) หรือตัวละครที่ดูลึกลับ ผู้เดินทางกลับมาจากปริศนาในอดีต แต่กลับกลายเป็นว่า The Shock Labyrinth 3D Extreme ใช้องค์ประกอบเหล่านั้นผิดที่ผิดทาง...ตั้งแต่บ้านผีสิง หนังก็ดันให้ตัวละครวนเวียนอยู่กับส่วนของบ้านเพียงไม่กี่แห่ง กระทำพฤติกรรมซ้ำซาก วนเวียนอยู่อย่างนั้นจนน่ารำคาญ ทั้งทางเดินแคบๆ ราวบันได มุมมืดในซอกหลืบ ตัวละครเดิมๆ กลับมาเล่าเรื่องเก่าๆ หลอกกันด้วยมุกซ้ำๆ ย้ำไปย้ำมา ซึ่งนอกจากลดทอนความน่ากลัวแล้ว ยังทำให้หนังไม่เดินหน้าไปไหน กลายเป็นความรู้สึกอืดอาดจนน่าอึดอัดไปในที่สุด

 ผู้กำกับ ทาคาชิ ชิมิสึ ดูท่าจะหมดมุกกับการหาวิธีหลอนหลอกเขย่าขวัญสั่นประสาทคนดู เช่นที่เคยทำได้สำเร็จกับหนัง “Juon” (พอฮอลลีวู้ดจ้างเขาไปรีเมคหนังเรื่องนี้ในชื่อ The Grudge ชิมิสึ ก็ใช้วิธีเดิมอีกนั่นแหละ) เขายังคงจมปลักกับวิธีเดิมๆ อาทิ การให้ผีร้ายวิ่งหรือกระโจนเข้าหาเหยื่อ (คนดู) ในช่วงทีเผลอ หรือการปล่อยให้ผีค่อยๆ คืบคลานออกมาต่อหน้าต่อตา (ไม่นับรวมเส้นเรื่องบางๆ ที่ใช้เกาะโครงสร้างให้หนังยึดโยงอยู่ได้ โดยที่เราไม่ต้องสนใจมันมากนัก ซึ่งวิธีนี้ ชิมิสึ ก็ใช้มาตั้งแต่เรื่อง Juon แล้วล่ะ)

 ว่ากันว่า คนทำหนังเอเชียนั้นเชี่ยวชาญกับหนังผี โดยมีญี่ปุ่นเป็นเจ้าตำรับนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่ทุกคนเสมอไปแล้วล่ะครับ การห่างเหินจากการทำหนังไปนานร่วมสามปีของผู้กำกับชิมิสึ ก็ดูเหมือนว่าฝีมือจะตกลงไปด้วยซ้ำ (ซึ่งอันที่จริงเขาก็พลาด มาจากการที่ได้บทหนังที่อ่อนยวบยาบมาตั้งแต่แรกแล้ว) นี่คือปัญหาใหญ่ ที่เกิดขึ้นกับคนทำหนังชาวเอเชียหลายคน มานานหลายปีดีดัก นั่นก็คืออาการมือตก ไม่สามารถรักษามาตรฐานการทำงานให้คงเส้นคงวา ได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาการที่ว่านี้ก็เกิดขึ้นกับคนทำงานในทุกสาขาอาชีพได้เสมอ ไม่ใช่เฉพาะคนทำหนังเท่านั้นหรอกครับ และก็ไม่เว้นแม้แต่นักวิจารณ์ภาพยนตร์เช่นกัน

ชื่อเรื่อง : The Shock Labyrinth 3D Extreme
ผู้เขียนบท : ไดสุเกะ โฮซากะ
ผู้กำกับ : ทาคาชิ ชิมิสึ
นักแสดง : ยูยะ ยากิระ, ไอ มาเอดะ, เรียว คัตสุจิ, มิซาโกะ เรนบัตซุ, เอริน่า มิตซูโน่
วันที่เข้าฉาย : 22 เมษายน 2553

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"