
ชีวิตที่ต้องแลก ของ "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ"
เป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวโลโก้ของช่อง 3 ที่มีงานอย่างต่อเนื่องตลอด สำหรับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับผลงาน "จงกลกิ่งเทียน" ที่เพิ่งจบไป และที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ "สวย เริ่ด เชิด โสด" วันนี้ได้มีโอกาสเจอหน้านางเอกสาวคนดังทั้งที เลยต้องคว้าตัวเธอมาคุยฝากแฟนๆ คม
ปกติเป็นคนรับงานซ้อนไหม
ที่ผ่านมาเจนี่ก็รับงานซ้อนนะ ตอนถ่าย "หยกลายเมฆ" ก็ถ่าย น้ำผึ้งขม ไปด้วย แต่ใจจริงๆ ไม่ค่อยอยากรับงานซ้อน เพราะกลัวเวลางานออกมาแล้วมันจะไม่ดี ถ้าเราเหนื่อยจนเกินไป ถ้าเรารับอะไรที่มันโหลดเกินไป ร่างกายเราจะไม่พร้อม แล้วมันจะทำให้เราทำงานได้ไม่เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์
ทำงานหนักเกินไปแล้วเป็นอย่างไร
มีบ้างที่นอนน้อย แล้วท้องมันจะอืด หน้ามันก็จะไม่ได้
ปกติเป็นคนเลือกงานค่อนข้างเยอะหรือเปล่า
ไม่ได้เยอะขนาดนั้น เพียงแต่ว่าต้องดูเวลาด้วย ว่าตอนนี้เรารับงานเยอะมากขนาดไหน คือเจนี่พร้อมและเต็มที่อยู่แล้วกับการที่เราจะรับงาน เพราะเวลาเราทำงานชิ้นหนึ่ง ก็อยากให้มันออกมาดีที่สุด แล้วคนดูดูแล้วอินไปกับเราด้วย ไม่ใช่ว่ารับงานสุ่มสี่สุ่มห้า เล่นๆๆๆ แบบไม่มีคุณภาพ เจนี่ยอมที่จะคัดเลือกคุณภาพมากกว่าปริมาณนะ (หัวเราะ)
บางคนเขาถือคติน้ำขึ้นให้รีบตักนะ
แต่ของเจนี่ไม่เคยงานขึ้นสุดอะไรขนาดนั้น ของเจนี่จะไปเรื่อยๆ มากกว่า มันเป็นจังหวะๆ เจนี่รู้ว่าร่างกายของเรา รับได้มากขนาดไหน เพราะถ้าเราทำแล้วมันไม่เต็มที่ เล่นไปแล้วมันไม่ค่อยดี สมองอาจจะไม่เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ งานมันก็จะออกมาไม่ดี เวลาคนดูดูแล้วไม่อิน คนที่โดนว่าก็คือเจนี่ เพราะฉะนั้นเราอยากจะทำอะไรให้มันออกมาแล้วดูมีคุณภาพ ทำจากความตั้งใจของเราจริงๆ
เคยมีใบสั่งจากผู้ใหญ่ให้ทำงานที่ไม่อยากทำไหม
ผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีใบสั่ง จริงๆ เขาจะตามใจเรามากกว่า เพราะเจนี่ก็โตแล้ว รับงานอะไรยังไง บางครั้งเราก็มีเหตุผลของเราด้วย ว่าเราทำงานตามลิมิตของร่างกาย รับอะไรที่หักโหมไปเปล่าๆ งานก็จะออกมาไม่ดี
เพราะอยากทุ่มเทให้แก่งานธุรกิจด้วยหรือเปล่า
โหย...เรื่องธุรกิจตอนนี้ 10% มากเลย ด้วยสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้ไม่ค่อยได้เข้าไปดูร้านเลย เพราะร้านไอศกรีม เรด แมงโก้ ของเจนี่อยู่ที่สยามเซ็นเตอร์ด้วย ไม่มีเงินเลย จนเลยเนี่ย (หัวเราะ)
คิดจะทำธุรกิจอีกไหม
ยังไม่คิดเลย แค่เล่นละครก็จะไม่มีเวลาแล้ว คงยังไปทำธุรกิจอย่างอื่นไม่ได้หรอก ถ้าทำก็คงจะให้คุณแม่ช่วยดูอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะตัวเจนี่ก็ต้องไปช่วยดูด้วย เพราะเป็นคนที่ ถ้าทำอะไรก็ต้องลงมือทำเอง เราไม่อยากจะเปิดๆ แล้วให้คนอื่นดู มันไม่ใช่จากเราจริงๆ เจนี่ทำอะไรมันต้องมาจากความรู้สึกและความตั้งใจของเราด้วย ด้วยความที่เราอยู่ในวงการนี้มันชัดกว่า แล้วภาคธุรกิจก็เป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่มีไว้รองรับในอนาคต เพียงแต่ว่าตอนนี้เจนี่ยังไม่สามารถที่จะผันตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไปทำธุรกิจตรงนั้นได้ ด้วยความที่เราอยู่ในวงการบันเทิง ก็เลยต้องแบ่งเวลาให้แก่วงการบันเทิง มากกว่าวงการธุรกิจ
นางเอกของประชาชน
เข้าวงการตั้งแต่อายุ 14-15 ปี
ใช่ ตอนนั้นเล่นมิวสิกวิดีโอของเจอาร์-วอย
ชีวิตวัยรุ่นหายไปเลยสิ
ใช่นะ เจนี่ไม่มีช่วงเวลาของชีวิตวัยรุ่นเลย รู้ตัวอีกทีก็คือทำงานแล้ว เราไม่มีชีวิตได้ไปเที่ยวที่โน่นที่นี่กับเพื่อนๆเลย แต่ข้อดีก็คือเจนี่ได้ทำงานเร็ว โตเร็วขึ้น เราจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนระดับเดียวกัน
เสียดายไหม
ไม่นะ เพราะเจนี่รู้สึกสนุก ตื่นเต้น มีอะไรที่ตื่นเต้นน่าสนใจ น้อยคนที่จะได้มีโอกาสมาอยู่ ณ จุดตรงนี้ มันก็เป็นอะไรที่สนุกสนานดี เราเองก็ยังไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมาอยู่ในวงการบันเทิงเต็มตัว อย่างตอนนั้นก็จะตื่นเต้นว่าอุ้ยๆ ได้ไปแคสติ้ง ถ่ายโฆษณาอีกแล้ว ตื่นเต้นวันนี้จะได้ไหมๆ ไปแคสติ้งเป็นสิบๆ งานเลยตอนนั้นน่ะ
เรียกว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
การมาเป็นดารา มาเป็นนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เข้ามาในวงการบันเทิงอาจจะง่าย แต่การจะได้เป็นนักแสดงจริงๆ มันยาก การจะทำให้มันมั่นคง ทำให้มันคงทน ทำให้คนยอมรับ ว่าคนนี้เป็นนักแสดงจริงๆ มันยาก เพราะเจนี่แยกคำว่า "ดารา" กับ "นักแสดง" เอาไว้ คำว่า ดารา มันดูฉาบฉวย แต่คำว่า นักแสดง คือการที่เราได้ทำอาชีพที่เรารัก มันอยู่ในสายเลือด ทำออกมาจากความตั้งใจของเราจริงๆ การดูแลตัวเราเองให้ดีที่สุด ทำงานให้ออกมาดีที่สุด เจนี่จะภูมิใจมากกว่าที่ให้คนมาเรียกว่า ดาราๆ ซึ่งใครก็เป็นได้ แล้วเดี๋ยวนี้วงการเข้าง่ายด้วย แต่การจะเป็นนักแสดงจริงๆ มันต้องเป็นอะไรที่ยากมาก มันต้องมาจากตัวเรา ต้องมาจากความรู้สึกเราจริงๆ
ทำอย่างไรให้อยู่ตรงนี้ได้คงทน
ความตั้งใจ การที่เรารักหน้าที่การงานตรงนี้จริงๆ เราทุ่มให้มันร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ว่าสักแต่รับงานมาเยอะๆ แบบนั้นมันเสียเวลาเปล่าๆ จับปลาหลายมือมันก็ทำให้หลุดง่าย
คุ้มไหมที่ต้องเสียชีวิตส่วนตัวไป
เราก็ต้องแลกน่ะ โอเค ยอมรับว่าอาชีพนี้ อาจจะมีรายได้มากกว่าคนปกตินิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นการที่เราต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราต้องยอมแลกในบางครั้ง แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหม มันก็อาจจะไม่คุ้มหรอกนะ เพราะบางอารมณ์ เราก็อยากจะอยู่ตัวคนเดียวบ้าง อยากจะออกไปไหนได้เหมือนคนอื่น อยากจะไปเที่ยว อยากจะออกไปทำอะไรที่คนอื่นเขาได้ทำกัน บางทีออกไปอยู่ตรงนั้นมันก็จะรู้สึกอึดอัด เพราะเราก็คงไม่สามารถจะเทกแคร์ทุกคนในเวลาที่เราเที่ยวได้ เจนี่ไม่สามารถจะเอาใจทุกคนได้ในเวลาที่เราเที่ยว ถ้าอยู่กับคนน้อยๆ ก็จะเทกแคร์ได้มากกว่า
เคยหงุดหงิดไหม
ไม่มีนะ แต่อาจจะมีบ้างที่เวลากินข้าว ก็ต้องมองซ้ายมองขวา มันกลายเป็นนิสัยพารานอยด์ไปแล้ว ว่ากินข้าวแล้วจะมีใครมาถ่ายรูปเจนี่ตอนน่าเกลียดไหม จริงๆ นะ (ทำเสียงจริงจัง) เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ว่ามีแค่กล้องก็ถ่ายได้ แค่มีมือถือก็ถ่ายได้แล้ว พอรู้ว่าเขาจะตั้งกล้อง เจนี่ก็จะสวยๆ ขึ้นมาทันที (หัวเราะ) คือกลัวว่าถ่ายไปแล้วรูปอ้าปากค้างมันก็จะดูน่าเกลียดมาก มันก็คือความหงุดหงิด บางทีหิวๆ อยากจะโซ้ยอย่างนี้ๆ (ทำท่ามือตักกินพัลวัน) ก็ทำไม่ได้ ต้องค่อยๆ กิน มันไม่ใช่การที่เราแอ๊บ แต่ลองนึกดูถ้าเราอ้าปากออกหนังสือ คนก็ต้องบอก อี๋...ทำไมน่าเกลียดจัง เราก็ต้องมีภาพดีๆ ให้เขาเห็น ไม่ใช่ว่าอ้า (ลากเสียงยาว) แบบสุดฤทธิ์สุดเดช จริงๆ เจนี่ก็เป็นคนชอบถ่ายรูป ใครขอถ่ายรูป ยินดีอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าขอเข้ามาถ่ายดีๆ ไม่ว่า แต่อย่าแอบถ่ายอะไรที่มันน่าเกลียดๆ เลย คุ้มไม่คุ้ม ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทุกวันนี้ เจนี่ก็มีความสุขแล้ว พอใจแล้วกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ขออะไร ถ้าแลกได้กับอะไรที่ผ่านมา เจนี่ก็ไม่ขอแลกอะไร เพราะถือว่าที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์ที่ดี เป็นอะไรที่รู้สึกว่า มันคุ้มค่าที่จะอยู่ต่อไป
ให้มองตนเองถือว่าถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักแสดงหรือยัง
ยังไม่ถึงหรอก สำหรับเจนี่รู้สึกว่าเดินมาแค่ครึ่งทางด้วยซ้ำ มันอาจจะเลยครึ่งทางมาหน่อย แต่ก็ยังมีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่รู้ และเราก็ยังต้องเจออีกเยอะ
วันที่ยังโสด
ความรักตอนนี้ล่ะ
เฮ้อ...ก็ไม่มีใครสักที จนจะมีข่าวรักกันเองกับ นานา ไรบีนา แล้วนี่ อยากมีใครสักคน (ร้องเป็นเพลง) ตอนนี้โล่งมาก เหงามาก (ลากเสียงยาว) จนถึงขีดที่สุดในโลกแล้ว ด้วยความที่อายุขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครจริงๆ จังๆ เลย ถามว่ามีคนเข้ามาในชีวิตหรือเปล่า มันมีที่เข้ามานะ แต่เจนี่เรื่องมากมั้ง แล้วก็เลือกมากด้วย ก็เลยรู้สึกว่า ถ้ายังไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เจนี่ยอมที่จะอยู่คนเดียวดีกว่า ที่จะเจอใคร เจอแล้วไม่ดี ก็ไม่เจอดีกว่า อยู่คนเดียวดีกว่า
คนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นอย่างไร
ถ้าไม่มากไป ก็น้อยไป ไม่มีใครพอดี สำหรับเจนี่ความพอดี คือ ต้องเทกแคร์สม่ำเสมอ ไม่รู้สิ มันต้องคลิก ความต้องการ เจนี่อาจจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป บางวันก็ต้องการมาก บางวันก็อย่ามายุ่งกับเจนี่เลย แต่ถามว่าอยากมีแฟนไหม อยากมีนะ แต่ว่ายังไม่ถูกใจใครสักคนเลย
ใส่ชุดแต่งงานเข้าฉากละครมาเยอะ คิดถึงชีวิตจริงบ้างหรือเปล่า
เจนี่วาดจนไม่วาดแล้ว มันเลยไปแล้ว เจนี่ฝันทุกวัน ว่าอยากจะมีใคร อยากจะลงเอยกับใครสักคน เพราะอายุขนาดนี้แล้ว พร้อมที่จะบอกทุกคนว่าเจนี่มีแฟน อายุขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันไม่มี แล้วทุกวันนี้ เพื่อนก็มีแฟนกันทุกคน แล้วเจนี่ต้องอยู่กับนานา ไรบีนา ทุกวัน จนเกรงใจ เพราะนานาเขาก็มีแฟน กลัวว่าเราจะไปรบกวนเขา ก็ต้องบอกเพื่อน อย่าโกรธฉันนะ แต่เวลามีใคร ก็จะมีเพื่อนช่วยสกรีน ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยผ่าน (หัวเราะ) เพราะเวลาเจนี่มีความรักก็จะตาบอด เลยต้องให้เพื่อนช่วยดูให้
เอ้า...หนุ่มๆ คนไหนริจีบ ต้องเข้าทางเพื่อนกันแล้วล่ะ
เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"