
ชีวิต(ติด)อิสระ ของ 'โทนี่ รากแก่น'
เข้ามาอยู่ในเมืองไทยได้ไม่กี่ปี ชื่อของ โทนี่ รากแก่น ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกเหนือไปจากการเป็นลูกชายคนเล็กของ บานเย็น รากแก่น แล้ว โทนี่ ยังสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการเป็นช่างตัดผมฝีมือดี รวมไปถึงเริ่มมีผลงานในวงการบันเทิง อาทิ ผลงานโฆษณา และภาพยนต
มือใหม่หัดแสดง
ผลงานการแสดงครั้งแรกกับหนัง "บิ๊กบอย"
รู้สึกตื่นเต้น เพราะเป็นอะไรที่เราไม่เคย แต่ก็ต้องมีการเวิร์กช็อปที่ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ตรงกับตัวผมเลย โป้ จะมีความเป็นเด็กกว่าผมเยอะในเรื่องของนิสัย แต่ความเหมือนของโป้กับผม ก็คือความบ้าพลัง มีพลังเหลือเฟือ ที่จะลองทำโน่นทำนี่ จนสุดท้ายก็ได้เจอสิ่งที่เราชอบที่สุด
อุปสรรคในงานแสดงครั้งแรก
ในเรื่องนี้ผมต้องแสดงเด็กกว่าตัวจริงเยอะ แรกๆ ที่มีการเวิร์กช็อป คุณครูก็ให้ลองทำหลายวิธี ทำตัวเอ๋อ ติงต๊อง ปัญญาอ่อน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมาก แต่อุปสรรคที่หนักที่สุดก็คงเป็นเรื่องการเต้น ผมมีเวลาแค่ 4 เดือนในการเรียนเต้น บี-บอย พอเปิดกล้องปุ๊บ ผมก็ยังไม่มั่นใจในการเต้นเลย ยังกลัวอยู่ จริงๆ ผมเต้นบี-บอยไม่เป็นเลย ไม่มีพื้นฐานในการเต้นเลย แต่ในเรื่องต้องเต้นเอง ไม่ได้ใช้นักแสดงแทน แต่ด้วยความที่ในเรื่อง เราต้องเป็นเด็กที่จะหัดเต้นบี-บอย มันต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าเต้นคล่องประมาณหนึ่งแล้ว
ร่วมงานกับอาต้อย (เศรษฐา ศิระฉายา) ได้วิชาอะไรมาบ้าง
ได้เยอะเลย ในเรื่องของการแสดงนี่แหละ และเรื่องของใจสู้ เพราะอาต้อยอายุเยอะ แต่ไม่เคยบ่น ว่าเหนื่อยอะไรเลย ทั้งที่ตีสามเรายังเต้นกันอยู่เลย แถมอาต้อยยังมีมุกตลกโปกฮามาตลอด บางทีเขาไม่ได้มาบอกเราโดยตรง ว่าต้องทำอย่างนี้ๆ นะ แต่สิ่งที่เขาทำคือทำให้เราดู
ในเรื่องต้องปะทะคารมกับอาต้อยด้วย
ตลอดเลย เหมือนเด็กก้าวร้าว บางทีก็เกรงใจอาต้อยมากเลย เวลาพูดไป เพราะชีวิตจริงไม่มีทางพูดกับผู้ใหญ่อย่างนี้แน่นอน จริงๆ ผมว่าเรื่องช่องว่างระหว่างวัยกับผู้ใหญ่มันเป็นเรื่องธรรมชาติ คนวัยเดียวกันยังทะเลาะกันเลย
ชีวิตจริงเคยมีปัญหาช่องว่างระหว่างวัยเหมือนในหนังบ้างหรือเปล่า
มีกับพี่สาวคนโตของผมเอง ซึ่งเราอายุห่างกันไม่เยอะ แต่ก็มีไม่เข้าใจกันบ้าง อย่างตอนที่ผมจะทำผม หรือจะมาทำอะไรในวงการบันเทิง เขาก็มีทัศนคติที่แตกต่างออกไป บอกว่าทำทำไม อาชีพนี้มันอย่างโน้นอย่างนี้ แต่มันก็เป็นผลดีกับเรา เพราะบางทีเราก็อาจจะมองทุกอย่างในแง่ดีเกินไป เขาไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงตรงนี้เลย เพราะเขาก็เหมือนผม เมื่อก่อนที่ขี้อาย ทำอะไรไม่ได้เลยเวลาอยู่หน้ากล้อง ไม่เหมือนพี่แคนดี้ พี่สาวคนกลางที่จะกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็ก
ตอนนี้เซ็นสัญญากับที่ไหน
เซ็นกับที่ค่ายเอ็ม 39 เลย เซ็นไปทั้งหมด 3 ปี เหตุที่เซ็นเพราะที่นี่ให้อิสระ เหมือนที่ผมเลือกทำงานร้าน เดอะ เลาจน์ แฮร์ ซาลอน ร้านตัดผมของพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) และพี่ไก่ (สมพร ธีรินทร์)
สายเลือดบันเทิง
เห็นคุณแม่อยู่ในแวดวงบันเทิงแล้วอยากทำตามไหม
ไม่เลย อย่างที่บอกผมไม่กล้าแสดงออก กลัวที่จะต้องทำ เลยไม่ได้สนใจว่าอยากจะมาทำอย่างนี้ เราชอบงานศิลปะ งานครีเอทีฟ แต่ตอนนี้มุมมองก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่ช่วงแรกที่ไปออกรายการก็ไปยืนเขิน ทำตัวไม่ถูก แต่หลังๆ ก็ทำความเข้าใจกับมัน เป็นตัวเองมากขึ้น
คุณแม่ให้คำแนะนำยังไงบ้าง
แม่จะให้คำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตมากกว่า เรื่องว่าเราต้องมีความเคารพ จริงอยู่เราอาจจะได้โอกาสดีกว่าคนอื่น แต่เราก็ต้องห้ามดูถูกคนอื่น เป็นเรื่องความเป็นคนทั่วไป ซึ่งมันจำเป็นสำหรับทุกวงการอยู่แล้ว
คุณแม่มีส่วนร่วมหรือผลักดันมากขนาดไหน
เขาไม่เคยมาบังคับหรืออะไรเลย แค่ตบๆ เราให้อยู่ในลู่ทาง เขาจะแค่ถามว่าชอบทำไหม แต่ไม่เคยบังคับ แต่ใจเขาก็คงชอบ เพราะเขาก็ทำงานในวงการนี้ มันเป็นอาชีพหนึ่งที่ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้ ไม่ใช่อาชีพทุจริต
คุณแม่เป็นราชินีหมอลำ เคยชวน โทนี่ สานต่อบ้างไหม
เขาชวนบ่อย แต่ผมทำไม่ได้ เป็นอะไรที่ผมกลัวที่สุดเลยกับการขึ้นเวที ผมชอบร้องเพลงเล่นๆ เล่นกีตาร์ แต่อยู่ดีๆ จะให้ขึ้นไปเอนเตอร์เทนคน ผมทำไม่ได้ หมอลำผมก็ร้องไม่ได้ ด้วยความที่ผมไม่ได้โตมากับแม่ เพราะตอนเด็กพ่อแม่แยกทางกัน ผมอยู่กับตายายจนอายุ 12 ปี ก็ไปอยู่กับคุณพ่อที่ออสเตรเลีย แล้วพ่อก็จะไปๆ มาๆ แต่ช่วงเวลาที่คุณพ่อกลับมาทำธุระที่เมืองไทย ก็จะได้มาอยู่กับแม่ จนหลังๆ มาอยู่กับคุณแม่มากขึ้น
คนจับตาเพราะเป็นลูกบานเย็น รากแก่น กดดันแค่ไหน
ไม่เลย เพราะคุณแม่ก็ไม่ได้มากดดันเรา คนที่บ้านไม่ได้มีใครมากดดัน เลยไม่รู้สึกแบบนั้น ว่าเป็นลูกของแม่ แล้วต้องทำให้ได้ดีเหมือนคุณแม่
ชีวิตเลือกได้
อยู่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย 14 ปี แต่ยังดูมีความเป็นไทยสูง
ด้วยความที่ออสเตรเลียเป็นประเทศเปิด คนต่างชาติเยอะ ผมมีเพื่อนเป็นคนไทยเยอะ ชอบกินอาหารไทย ดูละครไทย เราไม่ลืมเมืองไทย ไม่ลืมภาษาไทย ไม่ลืมอะไรเลย
ชีวิตที่ออสเตรเลียเป็นยังไง
ชีวิตที่โน่นค่อนข้างหลากหลาย ผมได้ทำทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งเกเรที่สุด และดีที่สุด ช่วงเกเรตอนนั้นรู้สึกว่านี่มันอิสระนี่หว่า...ไม่มีผู้ใหญ่คุม แต่ไม่ได้เละเทะ จะเป็นแนวขี้เกียจไปเรียนมากกว่า แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือได้รับรางวัลจากอาจารย์ ผลงานด้านโฆษณาผมได้รางวัลที่ 1 เป็นโปรเจกต์ชิ้นสุดท้ายของการเรียนนี้
รางวัลที่ได้ ทำให้อยากทำงานเกี่ยวกับโฆษณา
ใช่ ผมชอบงานโฆษณาตั้งแต่วินาทีแรกที่ไปสมัครเรียนเลย ตอนนั้นจำกัดตัวเองเลยว่าต้องเป็นครีเอทีฟให้ได้ ซึ่งก็ได้ทำแล้วในบริษัทโฆษณา จากนั้นประมาณ 5 เดือน ก็มีการประกวดหนุ่มคลีโอ เขาส่งชื่อผมไปได้ติด 1 ใน 50 ก็ได้รับรางวัล และมีสัมภาษณ์ ก็เล่าเรื่องที่อยู่เมลเบิร์น เคยทำงานร้านทำผม พี่เกด กับพี่ไก่ เจ้าของร้านเดอะเลาจน์ฯ เขาอ่านเจอ ก็ชวนลองทำ พอลองทำแล้วชอบ ก็เลยยึดเป็นอาชีพเลย
เรียนด้านทำผมมาหรือเปล่า
ผมไม่ได้เรียน แต่ตอนที่อยู่เมลเบิร์น ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำมาหลายอย่าง จนสุดท้ายด้วยความชอบแฟชั่น ก็เลยลองไปทำงานที่ร้านทำผม จากนั้นก็ได้ฝึกฝน เขาสอนให้เราทุกอย่างเลย ผมชอบการตัดผม เพราะชอบกระบวนการของมันทั้งหมด ตั้งแต่คิดไอเดีย คุยกับลูกค้าและตัดผมออกมา มันเป็นเหมือนงานศิลปะ
คนเหมารวมช่างตัดผมเป็นเกย์
มีเหมือนกัน เวลาคนถ่ายรูปสัมภาษณ์จับผมแต่งตัวจัดมาก ภาพที่ออกมา คนก็ว่าไอ้นี่เกย์ชัวร์ ทำเอาผมเครียดไปเลย ทำไมคนมองโลกแคบจังเลย เพราะทำงานที่โน่น พนักงานทุกคนที่เป็นผู้ชายก็เป็นผู้ชายจริงๆ สุดท้ายทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่ จริงๆ อาชีพนี้ไม่จำเป็นต้องจำกัดเพศ
ลองมาทุกอย่าง สุดท้ายชอบอะไรที่สุด
ผมไม่ได้คิดว่าต้องยึดติดกับอะไรสักอย่าง เรายังมีพลังที่จะทำได้ ก็ทำไป ถ้าเรามีความสุขก็ทำ ผมชอบอะไรก็ได้ที่เป็นงานศิลปะ
รักอิสระ
ความสัมพันธ์กับเพชร (รัตนารัตน์ เอื้อทวีกุล)
กับเพชร จากความเป็นเพื่อนที่เรารู้จักกันมานาน ทำให้เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด อย่างช่วงหลังได้เจอกันบ่อยมาก ไปงานด้วยกัน ได้เรียนรู้จนวันหนึ่งเกิดความรู้สึกดีกับคนนี้ บวกกับที่โดนถามบ่อยๆ ตอนแรกปฏิเสธ เพราะมันไม่ใช่ แต่พอโดนถามบ่อยๆ ก็มานั่งคิดว่าลึกๆ เราก็รู้สึกนะ ว่าเราก็ชอบๆ ก็เลยคุยกับเขา เขาก็รู้สึกอย่างเดียวกัน ว่าเราเองต่างคนก็ต่างรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ก็ไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลงไป ไม่อยากรีบตัดสินใจ แต่เวลาโดนถามก็ไม่อยากโกหก เพราะมันอึดอัดใจ ความรู้สึกมีแน่นอน แต่ไม่อยากเร่งมัน มันต้องใช้เวลาเรียนรู้กันไป
เรียกแฟนได้หรือยัง
ผมอยากให้ความสำคัญกับคำว่าแฟน มากกว่านั้น ตอนนี้เอาเป็นว่าเขาคือผู้หญิงที่สนิทที่สุดในเวลานี้ดีกว่า อยู่กับเขา เราจะทำอะไรก็ได้ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องมานั่งแคร์ว่าต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เหมือนเวลาไปจีบคนอื่น เพชรเองก็เหมือนกัน เราคิดในเรื่องเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กันด้วย
หนทางรักยังอีกไกล เอาใจช่วยต่อไปแล้วกันจ้า ...
เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"