
มองผ่านเลนส์คม - เมียหลวง-มนต์รักข้าวต้มมัด
คนดูละครทีวีไทยหลายคน ที่เบื่อละคร เมียหลวง ทางช่อง 7 ไม่ว่าจะเพราะรำคาญ ดร.อนิรุทธิ์
ผู้ชายหลงตัวในระดับน่าดีดบ้องหู รำคาญ นุดี ซึ่งไม่มีปัญญาพึ่งตัวเองสักเรื่อง ได้แต่ตกใจกลัวร้องไห้ หรือรำคาญใครก็ตาม
เมื่อบังเอิญกดรีโมททีวีไปเจอละครตลกเรื่องใหม่ของโพลีพลัสทางช่อง 3 เรื่อง มนต์รักข้าวต้มมัด ที่ออกอากาศเวลาเดียวกัน คือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลาหลังข่าว
มักตัดรำคาญด้วยการแช่รีโมทไว้ที่ช่องละครตลกดีกว่า
ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปว่า ที่เราดูละครทีวีไทยนั้น ก็เพื่อหัวเราะตลก มิใช่เพื่อการอื่น
โดยปกตินั้น ซีรีส์ทีวีหรือหนังแนวดราม่าทั้งของไทยของเทศ ซึ่งเน้นการกระทำที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกเข้มข้นของตัวละคร จะพยายามทำให้คนดูเกิดอารมณ์คล้อยตามและสะเทือนใจกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของตัวละคร
จุดต่างอยู่ที่วิธีนำเสนอ ซึ่งของต่างประเทศมักชวนให้คล้อยตามมากกว่า โดยเฉพาะจากต้นตำรับดราม่าซึ่งเป็นฝรั่งยุโรปและอเมริกา
ที่น่าสนใจคือ ดราม่ายุคใหม่ของต่างประเทศ มักให้ความสำคัญกับความสมจริงหรือความเป็นเหตุเป็นผลในโครงเรื่อง ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังดูเรื่องของตัวเองหรือเรื่องของเพื่อนบ้าน
ส่วนละครดราม่าไทยทางทีวี ดูจะยังเน้นรูปแบบละครเวทียุคโบราณ ซึ่งทุกอย่างต้องเกินจริงให้คนดูเห็นชัดๆ เข้าไว้ นับแต่บทที่บังคับการกระทำของตัวละคร ไปจนถึงการแสดงของนักแสดง
โดยทั่วไปแล้ว นิยายไทยเมื่อยังเป็นนิยายก็ไม่ถึงกับมีโครงเรื่องไม่สมจริง แต่ความไม่สมจริงมักเกิดขึ้น เมื่อนิยายกลายเป็นละคร ซึ่งอาจเพราะคนทำละครตีความบุคลิกตัวละครออกมาได้ไม่สมจริง โดยเฉพาะกับบรรดาตัวละครสมทบซึ่งส่วนใหญ่กลายเป็นตลกหน้าม่าน
บุคลิกบิดเบี้ยวของตัวละคร ส่งผลให้โครงของละครบิดเบี้ยวไปมาระหว่าง ดราม่า ที่เน้นอารมณ์สะเทือนใจเข้มข้น เพราะคล้ายชีวิตจริงของคนดู หรือชีวิตที่คนดูรู้จัก กับเรื่องตลก และจินตนาการของคนเขียนบทที่ไม่สอดคล้องกับชีวิตคนดู
ความจริง นักแสดงหลักของเมียหลวงแสดงดีทุกคน โดยเฉพาะ ปิยธิดา วรมุสิก แต่คนรำคาญ นุดี ว่าขี้แยเกินจริง มักสนุกกับละครตลกอย่างมนต์รักข้าวต้มมัดมากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่าละครตั้งใจตลก จึงไม่สนใจความสมจริงของตัวละคร และดูละครได้เรื่อยๆ โดยไม่ขัดตาขัดหูนัก
"นิธินันท์ ยอแสงรัตน์"