บันเทิง

เปิดชีวิต "อาฉลอง ภักดีวิจิตร" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

14 ก.ย. 2567

ปิดตำนาน "ฉลอง ภักดีวิจิตร" หรือ "อาฉลอง" จากไปตลอดการในวัย 93 ปี เปิดประวัติ เส้นทางวงการบันเทิง จากช่างภาพ สู่ผู้กำกับภาพยนตร์ - ละครสายบู๊ เจ้าของฉายา เผ่ากระท่อม ปิ้งไก่ สร้างผลงานชื่อดัง Guinness World Records ต้องจารึก

ช็อกวงการบันเทิง "ฉลอง ภักดีวิจิตร" หรือ "อาฉลอง" ผู้กำกับระดับตำนานแห่งเมืองไทย เจ้าของฉายาเผากระท่อม ปิ้งไก่ และ Guinness World Records (กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด) ยังจารึกรายชื่อนี้ว่า เป็นผู้กำกับฝ่ายชายคนเดียว และคนแรกของโลกที่มีอายุสูงถึง 90 ปี ล่าสุด ปิดตำนานแล้ว จากไปตลอดกาลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2024 ด้วยวัย 93 ปี 

ประวัติส่วนตัว 

  • "ฉลอง ภักดีวิจิตร" หรือมีชื่อเดิมว่า "บุญฉลอง ภักดีวิจิตร" เกิดวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2474 ที่กรุงเทพมหานคร
  • บิดาชื่อ พุฒ ภักดีวิจิตร อาชีพรับราชการ มารดาชื่อ ลิ้นจี่  ภักดีวิจิตร  เป็นแม่บ้าน มีภรรยาชื่อ สุมน ภักดีวิจิตร  มีบุตรชาย 2 คน หญิง 1 คน
  • ประวัติการศึกษา เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนศิริศาสตร์ สี่พระยา สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสุทธิวราราม และพ.ศ. 2493 สำเร็จการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 2  โรงเรียนอำนวยศิลป์ปากคลองตลาด  กรุงเทพมหานคร

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

จุดเริ่มต้นสู่วงการหนัง

"ฉลอง ภักดีวิจิตร" เป็นเด็กหนุ่มผู้มีจินตนาการกว้างไกล และรักในการสร้างภาพยนตร์ เข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยมีสายเลือดของคุณพ่อซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์  ในนามบริษัท ศรีบูรพาภาพยนตร์ โดยมีคุณอาสด ศรีบูรพารมณ์ เป็นผู้ถ่ายภาพและกำกับการแสดง จึงดำรงชีวิตอยู่บนกองฟิล์มมาตั้งแต่เกิด ซึ่งในสมัยนั้นการถ่ายทำภาพยนตร์จัดทำในระบบฟิล์ม 35 ม.ม. ดำ-ขาว เวลาถ่ายต้องใช้มือหมุนฟิล์มวิ่งในกล้องให้ได้ความเร็ว 25 เฟรม ต่อวินาที  ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับคุณพ่อและคุณอาของนายฉลอง คือเรื่อง สาวเครือฟ้า

 

 

เมื่อปี 2493 ตอนนั้น มีอายุเพียง 19 ปี อาฉลองได้เริ่มเข้าวงการจากการเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ เรื่องแรก คือ "แสนแสบ" ของ "ไม้เมืองเดิม" เป็นภาพยนตร์ 16 ม.ม. ดำ-ขาว  หลังจากนั้นได้ศึกษาหาความรู้ในด้านการถ่ายภาพยนตร์  และเทคนิคต่างๆ จากตำราภาษาอังกฤษ จนได้รับความสำเร็จสูงสุด ได้รับพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทอง ในด้านการถ่ายภาพยนตร์สียอดเยี่ยม  จากภาพยนตร์ เรื่อง "ผู้พิชิตมัจจุราช"  ของบริษัทวัชระภาพยนตร์  และภาพยนตร์ "เรื่องละอองดาว" ของบริษัทสหนาวีไทย  โดยคุณ ส.อาสนจินดา เป็นผู้กำกับการแสดง  เมื่อ พ.ศ. 2507 และ พ.ศ. 2508 จนสื่อมวลชนขนานนามว่า ช่างภาพตุ๊กตาทองพระราชทานสองปีซ้อน

 

 

 

เรื่องสุดท้ายของการมีอาชีพเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ คือ "เรื่องรักเธอเสมอ" ของ "ชรินทร์ นันทนาคร" ผลงานภาพยนตร์ในฐานะช่างภาพ รวมทั้งหมด 41 เรื่อง อาทิ สิงห์เดี่ยว, ประจัญบาน, เขี้ยวพิษ, เก้ามหากาฬ, อินทรีมหากาฬ, มงกุฎเพชร, เทพบุตรนักเลง, น้ำเพชร, นกขมิ้น, หยกแก้ว, เสือเหลือง, ลมหนาว, นกแก้ว, สายเปล, จ้าวอินทรีย์,  แท็กซี่, แมวไทย, สมิงเจ้าท่า

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

 

 

 

จากตากล้องสู่ผู้กำกับ : 

 

ปี 2508 หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการถ่ายภาพยนตร์มาถึง 17 ปี จากการคลุกคลีกับผู้กำกับชั้นดีมามาก ได้สร้างภาพยนตร์ 16 ม.ม. เรื่อง "น้ำเพชร" นำแสดงโดย "มิตร ชัยบัญชา" และ "เพชรา  เชาวราษฎร์" โดย "ฉลอง ภักดีวิจิตร" เป็นผู้อำนวยการสร้าง และถ่ายภาพ "ส.อาสนจินดา" สร้างบทภาพยนตร์และกำกับการแสดง

 

ปี 2510 ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นผู้สร้าง และผู้กำกับภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างและกำกับ คือ "จ้าวอินทรีย์" ของเศกดุสิต โดยมี "มิตร ชัยบัญชา" และ "พิสมัย วิไลศักดิ์" เป็นดารานำแสดง  และตั้งบริษัทของตนเองชื่อ  บางกอกการภาพยนตร์  

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

 

 

ปี 2512 มีงานกำกับการแสดงให้กับบูรพาศิลป์ภาพยนตร์รวม 2 เรื่อง คือ ลูกปลา และ สอยดาวสาวเดือน ต่อมาในปี 2513 ภาพยนตร์ที่ทำให้ประชาชนฮือฮา และรู้จัก "ฉลอง  ภักดีวิจิตร" ในฐานะเป็นผู้กำกับการแสดง คือ "ฝนใต้" นำแสดงโดย "สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์, เพลิน พรหมแดน, เสน่ห์  โกมารชุน และในปี 2515 กำกับเรื่อง "ระเริงชล" นอกจากนี้แล้ว ยังมีผลงานนับไม่ถ้วน อาทิ รักข้ามโลก (2521), ใต้ฟ้าสีคราม (2521), ผ่าปืน (2523), สงครามเพลง (2526), ล่าข้ามโลก (2526), ผ่าโลกบันเทิง (2527), ซากุระ (2527), ปล้นลอยฟ้า (2528), เปิดโลกมหาสนุก (2528), ร้อยป่า (2529), เพชรเสี้ยนทอง (2530), ผ่าปืน 91 (2534), มังกรเจ้าพระยา (2537), สุดขีด (2539) และ มังกรเจ้าพระยา 2 (2539)

 

 

 

ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ :

 

ปี 2516 สร้างภาพยนตร์เรื่อง "ทอง (GOLD)" เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในชีวิตการสร้าง และเป็นผู้สร้างรายแรกที่นำดาราฮอลลิวู๊ด คือ "Greg  Morris" พระเอกผิวสีซึ่งกำลังโด่งดังในขณะนั้นจากเรื่อง "ขบวนการพยัคฆ์ร้าย (MISSION  IMPOSSIBLE)" มาร่วมแสดงนำกับดาราไทย ทำให้มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองไทย และต่างประเทศ รวมถึงทำให้ในตลาดต่างประเทศรู้จัก ฉลอง ภักดีวิจิตร ในนาม P.CHALONG  

ปี 2518 สร้างภาพยนตร์ระดับนานาชาติเรื่อง "ตัดเหลี่ยมเพชร  (H - BOMB)" โดยนำ "โอลิเวีย ฮัสซี่" และ "คริสมิทชั่ม" มาแสดงร่วมกับดาราไทย

ปี 2525 สร้างภาพยนตร์นานาชาติเรื่อง "ทอง 2" เพื่อฉลองกรุงเทพมหานครครบ 200 ปี  โดยนำ "โรเบิร์ต กินตี้" กับ "มิสซาร่า  แลงเกนเฟล" มาพบดาราไทย โดยให้บริษัทที่อังกฤษจำหน่ายทางด้านยุโรปและอเมริกา ส่วนทางเอเชียให้บริษัทที่ฮ่องกง จัดจำหน่าย

ปี 2531 สร้างภาพยนตร์อินเตอร์เรื่อง "ทอง 3 (THE LOST IDOL)" โดยนำ "อีริค เอสทราด้า" จากภาพยนตร์ทางทีวีชุด ฉลามบก พร้อมด้วย เจมส์ ฟิลลิป ไมร่าชาสัน  มาแสดงร่วมกับดาราไทย  จัดจำหน่ายโดยบริษัท แช๊ปพิโร่  เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด  
ปี 2533 สร้างภาพยนตร์นานาชาติเรื่อง "ทอง 4 (IN GOLD WE TRUST)" นำดาราฮอลลิวู๊ด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก คือ "แจน ไมเคิล วินเซนท์" และ "แซม โจนส์ เจมส์ ฟิลลิป มิชิ แม๊กกี้ เชอรี่ โรส" พบกับดาราไทย จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยบริษัท KODIAK FILMES แห่งฮอลลีวู๊ด 
 

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

 

 

 

บุกเบิกละครสายบู๊ แห่งช่อง 7 :

จากภาพยนตร์สู่จอแก้วที่ทรงอิทธิพลมากๆในยุคนั้น เริ่มต้นเมื่อปี 2541 กับละครเรื่อง "ระย้า" และ ละคร เรื่อง อังกอร์ (สร้างครั้งแรกเมื่อปี 2543 ดังมากจนมีภาคต่อในปี 2548 และ 2561) และงานอีกหลายเรื่องชื่อดัง อาทิ ดาวคนละดวง (2542) รักซึมลึก (2542) ทอง ๕ (2544) ล้าสุดขอบฟ้า (2545) ฝนใต้ (2546) มาทาดอร์ (2547) เหล็กไหล (2549) ชุมแพ (2550) ทอง ๙ (2551) เสาร์ 5 ภาค 2 ตอนทับทิมสยาม (2554)  พ่อตาปืนโต (2555) เลือดเจ้าพระยา (2556)
 

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

 

 

รางวัลการันตีความเป็นตำนาน

  • ปี 2507 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากเรื่อง ผู้พิชิตมัจจุราช
  • ปี  2508 เรื่อง ละอองดาว  ในฐานะผู้ถ่ายภาพยนตร์สียอดเยี่ยม
  • ปี 2517 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี ในด้านถ่ายภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ลำดับภาพยอดเยี่ยม และบันทึกเสียงยอดเยี่ยม จากเรื่อง ทอง และได้รับรางวัลเป๋าติง ในฐานะเป็นภาพยนตร์ที่ให้ความบันเทิงสูงสุด (The Best Entertaining Team) ในการประกวดภาพยนตร์แห่งเอเชีย ครั้งที่ ๒๐ ที่ประเทศไต้หวัน และบริษัทโกลเด้นอาร์เวสซื้อไปจำหน่ายทั่วโลก
  • ปี 2518 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี  ในด้านลำดับภาพยอดเยี่ยม  จากเรื่องตัดเหลี่ยมเพชร  และบริษัทโกลเด้นอาร์เวสได้ซื้อลิขสิทธิ์และจัดจำหน่ายทั่วโลก ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี ในฐานะผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม ละครโทรทัศน์เรื่อง "ระย้า" จากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง
  • ปี 2543 ได้รับรางวัลผู้กำกับละครยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง อังกอร์ 1 รายการท๊อปอวอร์ต และรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี  ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยม จากละครโทรทัศน์เรื่อง อังกอร์ (ทำเรตติ้งสูงสุด) จากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง   
  • ปี 2546 ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ในฐานะผู้ประสพความสำเร็จในชีวิตการสร้างภาพยนตร์ (Lifetime  Achievement) จากสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ได้รับรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดนิยมของประเทศ  จากบริษัทโกดั๊กแห่งประเทศไทย
  • ปี 2548 ได้รับรางวัลผู้กำกับละครยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง อังกอร์ 2 รายการท๊อปอวอร์ต
  • ปี 2551 ได้รับรางวัลเกียรติยศ ปูชนียบุคคลแห่งวงการบันเทิง  จากรายการสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ต
  • ปี 2554 รับรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ จากงานรางวัลสตั้นท์แมนยอดเยี่ยม ครั้งที่ 1
  • ปี 2555 ได้รับรางวัลมณีเมขลาเกียรติยศ  บุคคลดีเด่นผู้ทรงคุณค่าในวงการโทรทัศน์ จากงานรางวัลเมขลาครั้งที่ 24 และรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขาเกียรติยศคนทีวี 
  • ปี 2556 ได้รับรางวัล Lifetime Achievement Award หรือรางวัลเชิดชูเกียรติผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และมีคุณูปการต่อวงการภาพยนตร์ไทย  ในงานประกวดรางวัลของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ครั้งที่ ๓ ในปีเดียวกันยังได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ  สาขาศิลปะการแสดง  (ผู้กำกับ-ผู้สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) 
  • ปี 2566 Guinness World Records (กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด) ได้จารึกรายชื่อนี้ว่า เป็นผู้กำกับฝ่ายชายคนเดียว และคนแรกของโลกที่มีอายุสูงถึง 90 ปี 

ขอบคุณภาพ จาก IG : kaew_pakdeevijit

 

 

 

การทำคุณประโยชน์ต่อสาธารณาชน      

ฉลอง ภักดีวิจิตร เป็นคนร่วมสมัยที่ช่างจดจำและผ่านการพัฒนาการสร้างภาพยนตร์ ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลามากกว่า 63 ปี นับตั้งแต่การพัฒนาในด้านอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ในการถ่ายทำ  จนถึงการตัดต่อและการบันทึกเสียง  เรียกว่าใช้ตั้งแต่ระบบมือหมุน จนถึงระบบดิจิตอลทั้งขวนการเลยทีเดียว จึงเป็นผู้นำไอเดียใหม่ ๆ มาใช้ร่วมกับเทคนิคทันสมัยในภาพยนตร์ของเขาอยู่เสมอ มีผลงานสร้างภาพยนตร์ 34 ปี จำนวน 28 เรื่อง เช่น เรื่อง มังกรเจ้าพระยา นำแสดงโดยดาราฮ่องกง ไมเคิล หว่อง

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ

 

 

ผลงานสร้างละครโทรทัศน์ 16 ปี จำนวน 15 เรื่อง ได้สร้างภาพยนตร์และผลิตละครที่มีคุณภาพสมจริง ทำให้คนดูได้รับความบันเทิงสูงสุด นอกจากนี้ ยังได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ร่วมงานที่ต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานจนสามารถนำไปปฏิบัติได้และผู้ที่มีความสำเร็จสูงสุดในด้านการแสดงและเป็นผู้กำกับการแสดง คือ นพพล โกมารชุน และยังได้สร้างนักแสดงขึ้นมาใหม่ให้มีคุณภาพหลายคน เช่น อโนมา ผลาลักษณ์ นพพล โกมารชุน โจ  เสมอใจ คริส แกมเบิล อำนาจ นาคะศิริ ยุพ ข่าน มรกต มณีฉาย ชโลมจิต จันทร์เกต ทอม ดันดี กรุง ศรีวิไล ฯลฯ  

 

 

 

ฉลอง ภักดีวิจิตร จะได้รับเกียรติจากทางสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติมอบตำแหน่งรองนายกสมาคมให้ทุกครั้งที่มีการประกวดภาพยนตร์ และจะได้รับเป็นกรรมการตัดสินภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีทุกสาขา  โดยเฉพาะเป็นประธานการตัดสินสาขาการถ่ายภาพ ต้องพิจารณาให้ภาพในเรื่องนั้นๆ สมจริง การสร้างภาพยนตร์ทุกเรื่องของ ฉลอง ภักดีวิจิตร ต้องให้คติแก่ผู้ชม และเดินตามหลักของพุทธศาสนา เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หรือ โลภมาก ลาภหาย  อย่างทองทุกภาพแสดงให้เห็นชัดเจนเมื่อทุกฝ่ายต่างแย่งชิงทองมาเป็นของตน  สุดท้ายไม่มีใครได้ครอบครองมันเลย  คนจะทำชั่วแต่จะมาได้ดีนั้นผิดและเป็นไปไม่ได้ 

เปิดชีวิต \"อาฉลอง ภักดีวิจิตร\" ผู้กำกับสายบู๊ ทรงคุณค่า ตำนานแห่งวงการ