"แอนนา เสืองามเอี่ยม" ปล่อยโฮครั้งแรก เล่าความในใจ คอมเมนต์แย่ทำร้าย

การประกวดครั้งแรก หลังจากจักรวาล MUO กลายเป็นของ "แอน จักรพงษ์" และของคนไทย ทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ พร้อมเตรียมก้าวเข้าสู่ ปีที่ 71 กับ เวทีระดับจักรวาล 71st MISS UNIVERSE 2022 ณ เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2023 และตัวแทนสายสะพายของเมืองไทย "แอนนา เสืองามเอี่ยม" เตรียมเดินทางไปประกวด ในวันที่ 24 ธันวาคม 2565 แต่ก่อนอื่น สาวงามคนนี้ ได้ออกมาเปิดความในใจครั้งแรก ที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน 

 

 

จุดเริ่มต้นของการเข้าประกวด "แอนนา เสืองามเอี่ยม" กล่าวว่า "รู้จัก Miss Universe ตั้งแต่ ม.5 แล้ว และประกวด Miss Teen Thailand เป็นเวทีแรก พี่เรียกก็ตั้งความหวังกับเราไว้ เราก็วางแผน จะประกวด Miss Universe ตั้งแต่ตอนนั้น ตอนแรกลังเล เพราะวันนี้ บริบทการประกวดนางงาม ไม่ใช่แค่ความสวย หรือ เอาความพร้อมเรื่องปัจจัยภาพนอก มันต้องมีภายในเข้ามาอยู่ด้วย จริงๆเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา สามารถเป็นแพชชั่น อยากจะส่งต่อเรื่องของเราให้คนอื่นมีกำลังใจในการใช้ชีวิต เพราะแอนนา ไม่มีหวังเลย ที่จะประสบความสำเร็จ แต่เราพยายามอดทน ขยัน จนสามารถเข้ามาประกวดได้ เลยอยากจะใช้ชีวิต" 

จุดเปลี่ยนที่เห็นชัด หลังจากที่ได้มง "แอนนา เสืองามเอี่ยม" กล่าวว่า "แอนนา ฝันตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากที่จะมีรถเป็นของตัวเอง อยากที่จะมีบ้าน อยากที่จะมีเงินออมให้คุณพ่อคุณแม่ แต่เราไม่เคยคิดว่า ทุกอย่างจะได้รับมาในวัยเพียง 24 ปี  แค่คืนเดียว ที่เปลี่ยนชีวิต ทุกอย่าง สิ่งที่เคยฝันไว้ ต่างเข้ามาหาเรา ตั้งรับไม่ถูก ขนาดรถที่ได้มายังไม่ทันได้เรียนรถเลย แม้แต่บ้าน ยังไม่ได้เตรียมของใช้ในนั้นเลย"

แล้วภายในความรู้สึกของเราเอง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม ? : "เมื่อก่อนเราเป็นคนเลือกว่าจะคบใคร มีแต่คนที่คอยซัพพอร์ต อยู่เคียงข้าง แต่พอเราได้รับตำแหน่ง เราเลือกไม่ได้เลย ทุกคนคอยจับจ้อง คาดหวังในตัวเราหมด มีทั้งที่หวังดี และไม่หวังดี ภายในระยะเวลา 4 เดือน สุดท้ายแล้ว คนที่พร้อมจะซัพพอร์ตเรา และคนที่แคร์เราไม่ได้มีมาก แต่มันคือตัวเราเอง"

 

แอนนาคิดว่า ชีวิตเรามีโอกาสน้อยกว่าคนอื่นไหม แล้วทำไมล่ะ ? :  "ใช่ค่ะ โอกาสของเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น การที่เราได้เรียนจบ ได้มีโอกาสเจอคนเยอะขึ้น ทำให้โอกาสในการหางานเยอะขึ้น เลยอยากจะนำตรงนี้มาบอกกับทุกคนที่บ้านมีฐานะยากจนว่า ให้มุ่งมั่นในการเรียน เมื่อประสบความสำเร็จ เราจะได้รับโอกาสที่แตกต่าง และเป็นสิ่งที่ทำให้หลุดพ้นจากจุดเดิมได้"

ย้อนกลับไปหน่อย ชีวิตในวัยเด็กของเราเป็นยังไง ? :  "ในวัยเด็ก เราไม่ได้มีเงินไปเรียนเท่ากับคนอื่น ไม่ได้มองว่าเป็นข้อจำกัด เรายังมีพ่อแม่ที่คอยซัพพอร์ต อย่างพ่อกับแม่ ทำงานเก็บขยะ มันไม่พอ เรารู้อยู่แล้ว และแม่ต้องทำงานเพิ่มขึ้น 2- 3 ที่มากกว่าเดิม เพื่อส่งเราเรียน ทุกครั้งที่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เราโชคดีที่มีแม่คอยซัพพอร์ต"

 

ท่านเคยพูดหรือเปล่าว่าไม่มี ? :  เธอกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ไม่เคยเลย เรารู้ว่ามันเหนื่อย ต่อให้เขาไม่มีจะไม่บอก ทำงานตีห้าถึงสามทุ่มทุกวัน แต่เขาไม่เคยบ่นคำว่าเหนื่อย แค่เหตุการณ์นี้เขาเชื่อมั่นในตัวเรา เชาเชื่อในการศึกษา เขาอยากเรียนมาก แต่ยายไม่มีเงินเลยค่ะ ทำให้แม่ไม่ได้เรียนต่อ ความหวังเลยตกมาที่เรา เขาโอเค ไม่เป็นไร แต่ลูกฉันต้องได้เรียน" แม่เคยบ่นว่าเหนื่อยไหม ? : "เราจะไม่ขออะไรที่ไม่จำเป็น เรารู้ว่าแต่ละบาท มันยากขนาดไหน"

วินาทีที่เรียกน้ำตาให้กับผู้ที่รับชมไม่ใช่น้อย เมื่อทีมงานได้นำไข่ต้ม กับ ข้าวเปล่า ไปให้ "แอนนา เสืองามเอี่ยม" นับได้ว่า ทำเอากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ หลังจากที่ทีมงานถามว่า คุ้นเมนูนี้ไหม "คุ้น กินเมนูนี้บ่อย ตอนที่ยังเด็ก หรือไม่ก็กินข้าวหลังจากที่พระบิณฑบาตเสร็จ ตอนเรียนอยู่ คุณทวดได้จากไปก่อนที่แอนนาจะได้รับปริญญา เพียงไม่กี่เดือน และนั่นคือการสูญเสียครั้งแรกของแอนนา"

 

การมาประกวดครั้งของแอนนา มาประกวดเพื่ออะไร ? : "เพื่อคุณพ่อคุณแม่ เพื่อเด็ก เราอยากมีแพชชั่น อยากทำเพื่อคุณวดตัวเอง เห็นพ่อแม่ลำบาก พอเราช่วยพ่อแม่ได้ละ เลยรับรู้ว่า เงินมันสำคัญจริงๆนะ เลยพยายามที่สุด เพื่อที่จะได้อยากชนะการประกวดนี้มากขึ้น" ตอนนี้คิดว่า ตัวเองทำผลงานออกมาได้แย่หรือเปล่า ? : "ณ โมเมนต์นี้ ทำเท่าที่จะทำได้"

รู้สึกอย่างไรกับคอมเมนต์ในโซเชียลที่เอาแต่ด่าเราอย่างไร้เหตุผล ? :  "4-5 เดือนที่ผ่านมา รู้เลยว่า โลกไม่ได้ใจดีกับเรามาก ไม่เคยเจอคนประเภทที่ไม่รู้จักกันเลย แต่มาด่ากัน รู้หรือเปล่า 24 ชั่วโมงฉันทำอะไรบ้าง ทำไมถึงมาด่าฉัน บั่นทอนมาก ช่วงแรกคือ เราจะสัมภาษณ์ รู้สึกอย่างไรกับคอมเมนต์ บอกผ่านสื่อตลอดว่าโอเค แต่ที่จริงไม่โอเคเลย แต่ว่า ดีอย่างหนึ่ง มันคุ้มค่า ที่เรายิ่งกลับรักตัวเองยิ่งขึ่น มีเกราะให้ตัวเองมากขึ้น จบจากการประกวดตรงนี้ รักตัวเองเหมือนเดิม"

 

คอมเมนต์ไหนที่เรารู้สึกรับไม่ได้ ? :  "อันไหนที่เราไม่ผิด เราไม่ร้อง แต่ครั้งที่เราร้องเพราะว่า ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเรา พอเราพยายามอธิบาย เขาบอกว่า เราก้าวร้าวขึ้น เราเลยมองว่า มีจุดยืนของตัวเองไม่ได้เลยเหรอ"

ถามคำเดียวเลย เหนื่อยมั้ย ? : "เหนื่อยอยู่แล้ว เหนื่อยกายเบามาก ให้ทำงาน ต่อให้ขาไม่ไหวแล้ว ก็จะทำ แต่เหนื่อยใจมันมากกว่า เราเป็นสายสะพาย เป็นตัวแทนของประเทศไทย แต่กลับโดนตัดกำลังใจจากคนไทยด้วยกันเองเหนื่อยมากกว่า" 

 

แอนนาคาดหวังอะไรกับตัวเอง ? :   "ไม่รู้เลยว่า จะมงหรือเปล่า จะเข้าท็อปไหม แต่จะทำให้ดีที่สุด อยากที่จะรู้สึกว่า ทำในวันนั้น พอตกกลางคืน แล้วภูมิใจมากที่สุดว่า เราทำดีแล้ว" อยากบอกอะไร กับคนที่คอยเชียร์เราอยู่ ? :  "ขอบคุณทุกๆแรงใจ มีแฟนคลับที่คอยสนับสนุนตั้งแต่วันที่เรายังไม่ได้มง ยังมีคนที่คอยให้กำลังใจเราอยู่"